เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน – ตอนที่ 192 เจดีย์หวงเซวียนหลิงหลง

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

ตอนที่ 192 เจดีย์หวงเซวียนหลิงหลง

เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า ทุกคนต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที ท่าทางเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

เจดีย์หลังนี้ช่างดูพิสดารยิ่งนัก !

ตัวเจดีย์มีเก้าชั้น

แต่ละชั้นล้วนสลักสัญลักษณ์โบราณที่ดูสลับซับซ้อน ราวกับค่ายกลบางอย่างเอาไว้

อีกทั้งยังมีไอหยินหยางของเซวียนหวงลอยวนรอบ ๆ ทำให้ดูโบราณและทรงอำนาจยิ่งนัก

โดยเฉพาะไอพลังที่แผ่ออกมาจากตัวเจดีย์ แม้แต่มู่หรงลี่จูและเยี่ยนเทียนซานที่มีตบะบารมีสูงที่สุดในที่นี่ยังอดมิได้ที่จะรู้สึกหวาดหวั่น

แต่ปัญหาก็คือ !

เหตุใดเบื้องบนจึงประทานเจดีย์โบราณเช่นนี้กัน ?

หรือว่าเมฆาวิสุทธิ์ที่ปกคลุมท้องนภาอยู่ในเวลานี้จะเป็นสมบัติพิสุทธิ์ในตำนาน ?

จริงสิ !

สมบัติพิสุทธิ์ !

จะต้องเป็นสมบัติพิสุทธิ์ชิ้นหนึ่งอย่างแน่นอน !

“ผู้ที่ไร้เทียมทานอย่างท่านเทพฉางชิง ควรจะมีสมบัติพิสุทธิ์ในตำนานตั้งนานแล้วมิใช่หรือ ? ”

“บัดนี้เหตุใดจึงมีสมบัติพิสุทธิ์ลงมาจากสวรรค์ได้ ? ”

“ใช่แล้ว ข้าเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน หรือว่าสมบัติพิสุทธิ์จะมิได้มีค่าอะไรมากมายเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“ว่ากันว่าสมบัติพิสุทธิ์นั้นเป็นสิ่งที่ไร้เทียมทาน แม้แต่ท่านเทพเกรงว่าก็คงมีเพียงคนละหนึ่งชิ้นเท่านั้น หรือว่าท่านเทพฉางชิงจะทำหายไป ? ”

“อืม มีความเป็นไปได้ ! ”

มินานก็มีคนตั้งคำถามขึ้นมา

“หายไป ? ”

“พวกเจ้าโง่เง่ากันหรือเยี่ยงไร ของศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้จะหายไปได้เยี่ยงไร ยิ่งกว่านั้นยังเป็นของท่านเทพฉางชิงอีกด้วย”

“ศิษย์พี่ซ่งพูดถูก อีกอย่างสายตาของพวกเจ้าดูจะคับแคบเกินไปหน่อยนะ”

“ต่อให้สมบัติพิสุทธิ์จะเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่ไร้เทียมทาน แต่ผู้ที่ยอมลงมาสอนสั่งผู้คนบนโลกมนุษย์อย่างท่านเทพฉางชิงนั้น นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบันคิดดูสิว่ามีสักกี่คนกัน ? ”

“ใช่แล้ว ศิษย์น้องท่านนี้พูดมีเหตุผล ท่านเทพฉางชิงมิเพียงลงมาสอนสั่งผู้คนบนโลกมนุษย์ วันนี้ยังได้ชี้แนะทำให้ท่านบัณฑิตจางกลายเป็นปรมาจารย์วิถีปรัชญาแห่งยุคอีกด้วย”

“กุศลนับอนันต์เช่นนี้ ต่อให้สวรรค์ประทานสมบัติพิสุทธิ์ให้อีกชิ้นก็มิมีอะไรที่เป็นไปมิได้”

หลังจากศิษย์บางคนของสำนักศึกษาตงหลันเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย

อีกด้านหนึ่งก็มีคนตอบกลับมาทันที

ในบรรดาศิษย์เหล่านี้มีทั้งคนที่สงสัยและคนที่ไขข้อสงสัย ส่วนเหล่าผู้อาวุโสที่อยู่ในที่นั้นต่างก็คิดออกแล้วเช่นกัน

พวกเขาคิดว่าต่อให้ก่อนหน้านี้ท่านเทพฉางชิงจะมีสมบัติพิสุทธิ์มาแล้วหนึ่งชิ้น แต่การที่เขายอมลงมาสอนสั่งมนุษย์บนโลก วันนี้ยังได้ชี้แนะวิธีการให้แก่จางเฉินอีก

การกระทำที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ เขาจะมีสมบัติพิสุทธิ์อีกชิ้นก็สมควรแล้ว

ขณะเดียวกันเย่ฉางชิงที่นั่งอยู่ใต้หลังคากระโจมอันหรูหรา

เมื่อเห็นศิษย์ของทั้งสองสำนักศึกษากระซิบกระซาบกัน ก็มีสีหน้าสงสัยปรากฏขึ้นมาทันที

‘ศิษย์สำนักศึกษาเหล่านี้เป็นอะไรไป ? ’

‘หรือว่าหลักการก่อนหน้านี้จะมีปัญหา ? ’

‘หรือว่าบทสนทนากับจางเฉินก่อนหน้านี้จะมีพิรุธ ? ’

‘เป็นไปมิได้ ! ’

‘จางเฉินเข้าสู่วิถีสำเร็จแล้วนี่นา’

ในตอนนั้นเองเจดีย์โบราณที่แผ่ไอพลังมหาศาลออกมาก็ได้เลื่อนลงมาตามลำแสง

สุดท้ายก็ลอยลงมาอยู่ตรงหน้าของเย่ฉางชิง

‘เฮ้ย ! ’

เย่ฉางชิงผงะไปทันทีที่เห็นเจดีย์โบราณ ที่มีไอหยินหยางของเซวียนหวงลอยวนอยู่รอบ ๆ กำลังลอยอยู่กลางอากาศ

‘นี่ ! ’

‘เจดีย์ใครกันเนี่ย ! ’

‘เหตุใดถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ ? ’

‘มิอยากได้กันแล้วหรือ ? ’

เย่ฉางชิงชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะลอบพิจารณาเจดีย์โบราณที่ลอยอยู่ตรงหน้าเล็กน้อย

หลังจากลังเลอยู่ชั่วอึดใจ เขาก็เหลือบมองผู้คนที่อยู่ด้านล่างเวที

เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังจดจ้องเจดีย์โบราณหลังนี้ด้วยดวงตาวาววับ

แววตาของเย่ฉางชิงก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที ก่อนจะได้สติกลับมา

‘หากมิมีสิ่งใดผิดพลาดล่ะก็ เจดีย์โบราณนี้จะต้องเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างแน่นอน มิเช่นนั้นคงมิสามารถลอยอยู่กลางอากาศเช่นนี้ได้เป็นแน่’

‘ส่วนเจดีย์ลึกลับนี้เหตุใดจึงมาปรากฏอยู่ตรงนี้ล่ะ ? ’

‘มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น’

‘นั่นก็คือเราแสดงเป็นท่านเทพฉางชิงได้สมบทบาท จนแม้แต่ท่านเทพฉางชิงท่านนั้นก็ยังรู้สึกประทับใจ’

‘เช่นนั้นท่านเทพฉางชิงจึงได้ประทานเจดีย์ล้ำค่าเช่นนี้ให้แก่เรา’

‘อืม ! ’

‘ใช่แล้ว ! ’

‘คงเป็นเช่นนี้กระมัง ! ’

‘ต้องเป็นเช่นนี้แน่ ! ’

เย่ฉางชิงคิดถึงตรงนี้มุมปากก็โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อย ๆ

เขาลังเลอยู่สักครู่ ก่อนจะค่อย ๆ ยื่นมือขวาออกไป

ในขณะที่เย่ฉางชิงยื่นมือออกไปนั้น

เจดีย์โบราณหลังนั้นก็ตกลงมาสู่มือของเย่ฉางชิงราวกับมีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตัวเองก็มิปาน

แต่ในวินาทีนั้น

จู่ ๆ เย่ฉางชิงก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ตัวเขาและเจดีย์โบราณหลังนี้มีบางอย่างที่เชื่อมโยงกัน

เจดีย์หลังนี้เหมือนกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายของเขา

สมบัติล้ำค่า !

นี่ต้องเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างแน่นอน !

สิ่งที่อัศจรรย์เช่นนี้ มีเพียงคำว่าสมบัติล้ำค่าเท่านั้นที่สามารถอธิบายได้

ทว่าอึดใจต่อมาเย่ฉางชิงกลับได้รับรู้เรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับเจดีย์หลังนี้โดยมิทราบสาเหตุ

เพียงแต่เรื่องราวที่ได้รับรู้นั้นยังน้อยนิดยิ่งนัก !

เจดีย์หวงเซวียนหลิงหลง !

เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ฟ้าดิน สามารถต้านทานการโจมตีได้ทุกรูปแบบ

เย่ฉางชิงตัวชาทันทีที่ได้รู้เรื่องนี้

‘ท่านเทพฉางชิงยกย่องข้าเกินไปหน่อยกระมัง ? ’

‘ข้าเป็นเพียงผู้บำเพ็ญเพียรหน้าใหม่เท่านั้นเอง ! ’

แต่การพร่ำบ่นก็ส่วนการพร่ำบ่น ทว่าการได้สมบัติล้ำค่าเช่นนี้มาครอบครอง เย่ฉางชิงเองก็รู้สึกพึงพอใจมิน้อยเลยทีเดียว

‘ต้านทานการโจมตีได้ทุกรูปแบบ ! ’

‘ก็หมายความว่าแม้ข้าจะยังมิได้เข้าสู่เส้นทางบำเพ็ญเพียร แต่ก็สามารถเอาชนะใครต่อใครได้แล้วน่ะสิ ? ’

‘ตอนนี้ใครจะแข็งแกร่งก็ปล่อยเขาไป รอข้าแข็งแกร่งเมื่อใดล่ะก็ ถึงตอนนั้นก็จะมิมีใครทำอะไรข้าได้อีก ! ’

‘ดีมาก ! ’

‘ยอดไปเลย ! ’

‘บัดนี้เรามิเพียงมีรากวิญญาณที่ใฝ่ฝันถึง แต่ยังมีสมบัติที่ไร้เทียมทานเช่นนี้ด้วย’

‘ขอเพียงรอเวลานั้นมาถึง มิว่าเยี่ยงไรข้าจะต้องกลายเป็นผู้แข็งแกร่งแห่งยุคอย่างแน่นอน ! ’

เย่ฉางชิงคิดได้เช่นนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าก็สว่างเจิดจ้าขึ้นมาทันที

ตอนนั้นเอง

“ผู้น้อยยินดีด้วยที่ท่านเทพฉางชิงได้รับสมบัติศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ ! ”

“ผู้น้อยยินดีด้วยที่ท่านเทพฉางชิงได้รับสมบัติศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ ! ”

“ผู้น้อยยินดีด้วยที่ท่านเทพฉางชิงได้รับสมบัติศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ ! ”

ด้านล่างเวทีพลันเกิดเสียงดังกึกก้องไปทั่วทั้งจัตุรัสอย่างมิขาดสาย

เย่ฉางชิงกวาดตามองทุกคน

ใบหน้าขาวใสแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มเรียบนิ่ง เพียงแค่พยักหน้ารับรู้เท่านั้น

มินานหลังจากเสียงนั้นจางหายไปในอากาศ

นิมิตที่ปกคลุมท้องฟ้าของสำนักศึกษาตงหลันก็มลายหายไปอีกครา

เย่ฉางชิงเพ่งสมาธิแล้วเก็บเจดีย์หวงเซวียนหลิงหลงเข้าไปในแหวนเก็บสมบัติ จากนั้นจึงลุกขึ้นยืน

“ท่านจาง บัดนี้ท่านเป็นถึงปรมาจารย์วิถีปรัชญา คงจะมีความสามารถเพียงพอที่จะช่วยทุกคนไขข้อสงสัยแล้วใช่หรือไม่ ? ”

เย่ฉางชิงเอ่ยกับจางเฉิน

แม้เขาจะมิรู้ว่าปรมาจารย์วิถีปรัชญาคือสิ่งใดกันแน่ แต่ชื่อนี้ก็ฟังดูยอดเยี่ยมและมิธรรมดาเลย

เช่นนั้นเขาจึงตัดสินใจจะจากไปในตอนนี้ ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็ปล่อยให้จางเฉินจัดการไปก็แล้วกัน

แน่นอนว่าสิ่งสำคัญก็คือเขาต้องการที่จะรีบกลับไปศึกษารากวิญญาณของตนเอง รวมทั้งเจดีย์หวงเซวียนหลิงหลง

จางเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะประสานมือคาราวะ “ผู้น้อยทำได้ขอรับ”

เย่ฉางชิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้นที่เหลือก็ให้ท่านเป็นคนจัดการก็แล้วกัน”

ทุกคนได้ยินเช่นนั้นก็มีสีหน้าเต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์

‘ท่านเทพฉางชิงจะไปแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ’

‘จากกันวันนี้เกรงว่าชาตินี้คงมิอาจได้พบอีกแล้ว ! ’

‘แต่อีกฝ่ายเป็นถึงเทพที่อยู่เหนือผู้คน พวกเราจะรั้งเอาไว้ได้เช่นไร ? ’

เมื่อคิดได้เช่นนั้นแล้วทุกคนจึงทยอยลุกขึ้นยืน แล้วโค้งคำนับให้แก่เย่ฉางชิง

“ผู้น้อยขอน้อมส่งท่านเทพฉางชิง ! ”

“ผู้น้อยขอน้อมส่งท่านเทพฉางชิง ! ”

“ผู้น้อยขอน้อมส่งท่านเทพฉางชิง ! ”

ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังกึกก้องไปทั่วจัตุรัสแห่งนี้อีกครา

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

Status: Ongoing
นิยายแปลไทยเรื่อง เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน รายละเอียด เทพแห่งกระบี่ : หากผู้อาวุโสเย่มอบภาพอักษรพู่กันให้ข้าอีกสักภาพ พรุ่งนี้ข้าคงสามารถเปิดประตูสวรรค์ได้แล้ว …… ……เย่ฉางชิงรู้สึกเอือมระอายิ่งนัก ทั้งๆ ที่เขาเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง เหตุใดถึงได้มีผู้คนแวะเวียนมาหาไม่แต่ละเว้นวันเช่นนี้นะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท