เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน – ตอนที่ 232 ท่านบรรพจารย์เย่เข้าไปหอเก็บตำราแล้ว

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

ตอนที่ 232 ท่านบรรพจารย์เย่เข้าไปหอเก็บตำราแล้ว

หอเก็บตำรา ?

เย่ฉางชิงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำนั้น

ที่ครั้งนี้เขาหน้าด้านมาเข้าร่วมพิธีแต่งตั้งผู้สืบทอดหญิง ก็เพื่อหอเก็บตำราแห่งนี้

บัดนี้เมื่อได้ยินลู่อู๋ซวงบอกว่าด้านหน้านั้นคือหอเก็บตำรา เขาจะมิรู้สึกตื่นเต้นได้เยี่ยงไรกัน ?

หลังจากเงียบอยู่ครู่หนึ่ง

“ในเมื่อมาถึงแล้วก็เข้าไปเดินดูหน่อยเถอะ”

เย่ฉางชิงพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองให้เป็นปกติ จากนั้นก็เอ่ยเสียงเรียบว่า “จริงสิ ภายในหอเก็บตำรามีบันทึกประวัติศาสตร์เกี่ยวกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนหรือไม่ ? ”

เย่ฉางชิงรู้ดีว่า

ตอนนี้เขาถูกคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนเข้าใจผิด คิดว่าเป็นบรรพจารย์ท่านใดท่านหนึ่งของพวกเขา เช่นนั้นย่อมมิสามารถเอ่ยถามถึงตำราที่เกี่ยวกับการบำเพ็ญเพียรตรง ๆ ได้

และอีกสองวันข้างหน้าเขาต้องเข้าร่วมพิธีแต่งตั้งผู้สืบทอดหญิงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนแล้ว

เมื่อเป็นบรรพจารย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน ถึงตอนนั้นย่อมเลี่ยงที่จะมิเอ่ยโอวาทก็คงมิได้

เช่นนั้นเขาต้องเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนเอาไว้บ้าง มิเช่นนั้นอาจจะเผยพิรุธออกมาได้

ลู่อู๋ซวงได้ยินเช่นนั้นกลับมีสีหน้าเปลี่ยนไป ท่าทางของนางเผยให้เห็นถึงความกังวล

การเป็นศิษย์อันดับหนึ่งของยอดเขาดาบวิญญาณ นางย่อมเข้าใจประวัติศาสตร์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนอยู่บ้าง

แต่บัดนี้ท่านบรรพจารย์เย่ท่านนี้กลับต้องการที่จะดูบันทึกประวัติศาสตร์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน

เช่นนี้แล้วทำให้นางอดที่จะกังวลมิได้ หากท่านบรรพจารย์เย่เห็นบันทึกประวัติศาสตร์ยุคนี้ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน จะโกรธเกรี้ยวขึ้นมาหรือไม่ ?

เขาจะตำหนิท่านเจ้าสำนักคนปัจจุบัน รวมทั้งเจ้ายอดเขาทั้งเจ็ดหรือไม่ ?

ลู่อู๋ซวงลังเลเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยกับเย่ฉางชิงด้วยใบหน้าจริงจังว่า “เรียนท่านเย่ ภายในหอเก็บตำรามีบันทึกเกี่ยวกับประวัติทุกยุคของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนไว้เจ้าค่ะ”

เย่ฉางชิงพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “เช่นนั้นก็ไปดูหอเก็บตำรากันเถอะ”

จากนั้นด้วยความคุ้นเคย ลู่อู๋ซวงก็ได้พาเย่ฉางชิงไปยังหอเก็บตำราได้อย่างรวดเร็ว

“ศิษย์คารวะท่านบรรพจารย์เย่ ! ”

ศิษย์หลายคนที่ประจำอยู่ใกล้กับหอเก็บตำรา เมื่อเห็นเย่ฉางชิงและลู่อู๋ซวงเดินมา ก็สบตากันก่อนจะยิ้มออกมาอย่างตื่นเต้นดีใจ

เย่ฉางชิงกวาดสายตามองศิษย์กลุ่มนั้น ก่อนเอ่ยสบาย ๆ ว่า “ลุกขึ้นได้”

ลู่อู๋ซวงเอ่ยเรียบ ๆ ว่า “ท่านเย่ต้องการเข้าไปในหอเก็บตำรา ศิษย์น้องทุกท่านได้โปรดเปิดผนึกบริเวณใกล้เคียงหอเก็บตำราด้วย”

ศิษย์กลุ่มนั้นได้สื่อสารกันทางสายตาเล็กน้อย จากนั้นพลังปราณรอบกายก็ปะทุขึ้น หลอมรวมเป็นรอยผนึกอันระยิบระยับ ก่อนเปิดผนึกบริเวณใกล้เคียงหอเก็บตำราในทันที

สำหรับนิกายหรือสำนักบำเพ็ญเพียรแล้ว หอเก็บตำรามีความสำคัญอย่างมาก

สำหรับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนเองก็เช่นกัน

เช่นนั้นผู้ใดต้องการเข้าไปในหอเก็บตำราเพื่ออ่านตำราเคล็ดวิชา ล้วนต้องมีป้ายคำสั่งของท่านเจ้าสำนัก หรือป้ายคำสั่งของเจ้ายอดเขาที่เหลือทั้งเจ็ดท่านด้วย

อีกทั้งผู้ที่เข้าไปในหอเก็บตำรา ทำได้เพียงบันทึกเคล็ดวิชาบางส่วนเท่านั้น มิสามารถนำไปทั้งหมดได้

มิเช่นนั้นจะถูกลงโทษอย่างหนัก

แต่บัดนี้กลับต่างออกไป

เพราะคนที่ต้องการจะเข้าหอเก็บตำราในตอนนี้ คือท่านบรรพจารย์เย่ในตำนานท่านนั้น

และสำหรับท่านบรรพจารย์เย่แล้ว สิ่งที่เรียกว่ากฎระเบียบเหล่านี้จะมีความหมายอะไรกัน ?

เช่นนั้นเหล่าศิษย์ที่เฝ้าหอเก็บตำราหลังสบตากันแล้ว ก็ได้ปล่อยพลังเตรียมเปิดผนึกหอเก็บตำราขึ้นพร้อม ๆ กัน

“เปรี้ยง ! ”

มิกี่อึดใจต่อมา

เมื่อผนึกเวทย์ที่ระยิบระยับผสานกันกลางอากาศ บริเวณใกล้เคียงหอเก็บตำราก็ส่องประกายขึ้นทันที

เพียงพริบตาสัญลักษณ์โบราณและซับซ้อนมากมายก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ แผ่ไอพลังมหาศาลล่องลอยอยู่รอบ ๆ หอเก็บตำรา เกิดเป็นปรากฏการณ์อันน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก

ต่อจากนั้นประตูสีดำบานหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเย่ฉางชิง

“ท่านบรรพจารย์เย่ ผนึกเปิดออกแล้วเชิญเข้าไปได้เลยขอรับ”

ศิษย์คนที่เป็นหัวหน้าเอ่ยกับเย่ฉางชิงอย่างนอบน้อม

เย่ฉางชิงจึงพยักหน้ารับ จากนั้นก็ได้เดินตรงเข้าไป

หลังจากที่เห็นเย่ฉางชิงเดินเข้าไปในหอเก็บตำราแล้ว

ศิษย์ที่เป็นหัวหน้าก็หันกลับมาถามลู่อู๋ซวงอย่างสงสัย “ศิษย์พี่ลู่ ท่านบรรพจารย์เย่เข้าไปในหอเก็บตำราเพราะเหตุใดหรือขอรับ ? ”

“ศิษย์น้องหลู พวกเจ้าจงจำไว้ ! ”

ลู่อู๋ซวงปรายตามองศิษย์ผู้นั้นเล็กน้อย แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านบรรพจารย์เย่บอกตั้งแต่อยู่ที่เชิงเขาว่า เขามิชอบให้คนอื่นเรียกว่าท่านบรรพจารย์เย่ เรียกเขาว่าท่านเย่ก็พอแล้ว”

ได้ยินเช่นนั้นเหล่าศิษย์ที่อยู่ตรงนั้นก็ต้องหดคอลงด้วยความหวาดหวั่น แล้วพยักหน้ารับแรง ๆ ทันที

ลู่อู๋ซวงจึงเอ่ยต่อว่า “อีกอย่างเรื่องที่มิควรถามก็อย่าได้ถามออกมา พวกเจ้าจงจำไว้เพียงว่า หลังจากที่ท่านเย่เข้าไปในหอเก็บตำราแล้ว ระหว่างนี้ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปรบกวนเด็ดขาด”

เอ่ยจบลู่อู๋ซวงก็หมุนตัว พลันพลังเวทย์ก็ปะทุขึ้น จากนั้นก็แปลงกายเป็นเงาสายหนึ่งพุ่งไปทางตำหนักไท่เสวียนทันที

มิกี่อึดใจต่อมานักพรตฉางเสวียนรวมทั้งเหล่าผู้อาวุโสดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน ที่รออยู่ภายในตำหนัก เมื่อเห็นลู่อู๋ซวงกลับมากะทันหันต่างก็พากันลุกขึ้นยืนในทันที

“อู๋ซวง เหตุใดเจ้าจึงกลับมาเพียงลำพังเล่า ? ”

“ใช่แล้ว ท่านบรรพจารย์เย่เล่า ? ”

ลู่อู๋ซวงชำเลืองมองเหล่าผู้อาวุโสที่แย่งกันถาม ก่อนจะหยุดมองที่นักพรตฉางเสวียน

“ท่านเจ้าสำนัก ท่านบรรพจารย์เย่เข้าไปในหอเก็บตำราแล้วเจ้าค่ะ”

ลู่อู๋ซวงเอ่ยพร้อมขมวดคิ้วน้อย ๆ

‘หอเก็บตำรา ? ’

ได้ยินเช่นนั้นเหล่าผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนก็นิ่งอึ้งไป ก่อนจะเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ในทันที

“ท่านบรรพจารย์เย่ไปหอเก็บตำราทำไมกัน ? ”

“จริงด้วย ด้วยตบะบารมีของท่านบรรพจารย์เย่ เคล็ดวิชาที่อยู่ภายในหอเก็บตำราจะคู่ควรกับเขาได้เยี่ยงไรกัน ? ”

“หรือภายในหอเก็บตำราจะมีเคล็ดวิชาที่ท่านบรรพจารย์เย่ทิ้งเอาไว้ เขาจึงต้องการที่จะเข้าไปตรวจสอบว่าเคล็ดวิชาเหล่านั้นหายไปหรือไม่ ? ”

“หากข้าเดามิผิดล่ะก็คงจะเป็นเช่นนั้น”

“แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ข้าก็ยังมีข้อสงสัยอยู่”

“ภายในหอเก็บตำรามีสุดยอดเคล็ดวิชาที่ท่านบรรพจารย์ในอดีตทิ้งเอาไว้ แต่ว่าเคล็ดวิชาเหล่านี้กลับมิได้เขียนไว้ ว่าบรรพจารย์ท่านใดเป็นคนทิ้งเอาไว้นี่นา”

ในตอนนั้นเองนักพรตฉางเสวียนก็ขมวดคิ้วแน่น แล้วเอ่ยถามลู่อู๋ซวงขึ้นว่า “อู๋ซวง ท่านบรรพจารย์เย่ได้บอกหรือไม่ว่าเขาเข้าไปในหอเก็บตำราเพราะเหตุใด ? ”

ลู่อู๋ซวงพยักหน้ารับ “ท่านบรรพจารย์เย่บอกว่า เขาอยากจะเข้าไปดูบันทึกประวัติศาสตร์เจ้าค่ะ”

วินาทีต่อมาภายในตำหนักไท่เสวียนก็เงียบสงัด สีหน้าของเหล่าผู้อาวุโสเต็มไปด้วยความฉงน

มิกี่อึดใจต่อมา

นักพรตชิงเย่ก็เอ่ยกับนักพรตฉางเสวียนด้วยสีหน้าครุ่นคิดว่า “ศิษย์พี่ฉางเสวียน ชั้นที่สองของหอเก็บตำรามีบันทึกประวัติศาสตร์ระหว่างที่เจ้าสำนักแต่ละรุ่นดำรงตำแหน่ง ขณะเดียวกันก็บันทึกสาเหตุที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนของเราค่อย ๆ เสื่อมถอยลงเอาไว้ด้วย”

“เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว คงทำได้เพียงรอคำสั่งจากท่านบรรพจารย์เย่แล้วล่ะ”

นักพรตฉางเสวียนพยักหน้ารับ จากนั้นก็อดที่จะถอนหายใจออกมามิได้ “ยิ่งไปกว่านั้นต้องยอมรับว่าการที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนตกต่ำถึงขนาดนี้ ข้ามีส่วนที่ต้องรับผิดชอบเป็นอย่างมาก”

ได้ยินเช่นนั้นเหล่าผู้อาวุโสของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน ต่างก็มีสีหน้าจนปัญญาและเศร้าเสียใจทันที

ตอนนั้นเองมุมปากของนักพรตหยวนเจี้ยนก็โค้งขึ้น พร้อมกวาดสายตามองทุกคนแล้วเอ่ยว่า

“พวกเจ้ามิต้องโศกเศร้าไปหรอก ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนของเราตกต่ำเช่นนี้ หาใช่ความผิดของศิษย์พี่ฉางเสวียนแต่เพียงผู้เดียวไม่”

“อีกอย่างท่านบรรพจารย์เย่เร้นกายอยู่ที่เมืองเสี่ยวฉือมานาน คงจะทราบสถานการณ์ในตอนนี้ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนดี การที่เข้าไปหอเก็บตำราในวันนี้เป็นไปได้มากว่าเขาเพียงแค่ต้องการตามหาบันทึกเกี่ยวกับสหายเก่าและเรื่องราวเก่า ๆ ก็เท่านั้น”

เอ่ยถึงตรงนี้นักพรตหยวนเจี้ยนก็ยิ้มออกมา “อีกอย่างก่อนหน้านี้ท่านบรรพจารย์เย่ก็ได้มอบโอกาสและวาสนามากมายให้แก่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน มิแน่การที่เขาเข้าไปในหอเก็บตำราครานี้ เมื่อทราบสาเหตุแท้จริงที่ทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนตกต่ำลงแล้ว อาจจะประทานโอกาสและวาสนาอันไร้เทียมทานให้ก็เป็นได้”

เหล่าผู้อาวุโสดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน ได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มมีสีหน้าดีขึ้น จากนั้นต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย

อีกด้านหนึ่ง

เมื่อเย่ฉางชิงเข้ามาในหอเก็บตำรา

หลังจากที่เย่ฉางชิงดูแผนที่แต่ละชั้นบนกำแพงแล้ว ก็เริ่มค้นหาตำราเกี่ยวกับการบำเพ็ญเพียรขั้นเริ่มต้นทันที

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

Status: Ongoing
นิยายแปลไทยเรื่อง เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน รายละเอียด เทพแห่งกระบี่ : หากผู้อาวุโสเย่มอบภาพอักษรพู่กันให้ข้าอีกสักภาพ พรุ่งนี้ข้าคงสามารถเปิดประตูสวรรค์ได้แล้ว …… ……เย่ฉางชิงรู้สึกเอือมระอายิ่งนัก ทั้งๆ ที่เขาเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง เหตุใดถึงได้มีผู้คนแวะเวียนมาหาไม่แต่ละเว้นวันเช่นนี้นะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท