เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน – ตอนที่ 243 พวกเจ้ามิให้โอกาสข้าเลยแม้แต่น้อย

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

ตอนที่ 243 พวกเจ้ามิให้โอกาสข้าเลยแม้แต่น้อย

เย่ฉางชิงชะงักฝีเท้าลง พร้อมกับผงะไปเล็กน้อย เมื่อเห็นภาพที่ทุกคนต่างโค้งลงคำนับให้กับตนอย่างพร้อมเพรียงเช่นนั้น

ทว่าตอนอยู่เมืองหลวง เขาก็เคยประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง

ทำให้เวลานี้แม้ภายในใจของเขาอดมิได้ที่จะรู้สึกตื่นตระหนก แต่ก็ยังคงสามารถรักษาท่าทีที่นิ่งสงบเอาไว้ได้เป็นอย่างดี

หลังจากลังเลเล็กน้อยเย่ฉางชิงก็กวาดตามองทุกคน ก่อนจะโบกมือเป็นสัญญาณให้ทุกคนทำตัวตามสบายได้ จากนั้นก็เดินต่อไปพร้อมกับหลี่ฉางหมิง

“หลี่ฉางหมิง วันนี้เหมือนจะมีคนมิคุ้นหน้าเพิ่มขึ้นหลายคนเลยนะ ? ”

ขณะเดินไปนั้นเย่ฉางชิงก็ได้หันมาถามหลี่ฉางหมิง

“เรียนท่านเย่ พิธีแต่งตั้งในวันนี้ล้วนมีตัวแทนจากสำนักบำเพ็ญเพียรใหญ่ทั่วจงหยวนมาเข้าร่วมด้วยขอรับ”

หลี่ฉางหมิงเอ่ยด้วยความจริงใจ “นอกจากนี้หลังจากได้ทราบข่าวของท่าน ตัวแทนที่สำนักบำเพ็ญเพียรต่าง ๆ ส่งมาล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลสำคัญทั้งสิ้นขอรับ”

‘บุคคลสำคัญของสำนักบำเพ็ญเพียรใหญ่ ? ’

เย่ฉางชิงมีสีหน้าเปลี่ยนไป ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วถามต่อว่า

“เจ้าหมายความว่าสำนักบำเพ็ญเพียรใหญ่ทั่วจงหยวน ต่างก็ส่งตัวแทนมาร่วมงานนี้เยี่ยงนั้นหรือ ? ”

หลี่ฉางหมิงเหลือบมองสีหน้าของเย่ฉางชิงเล็กน้อย ก่อนจะชะงักไปทันที

‘ท่านบรรพจารย์เย่พูดเช่นนี้หมายความว่าเยี่ยงไรกัน ? ’

‘แม้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนจะมิรุ่งเรืองดั่งเมื่อก่อน แต่เยี่ยงไรเสียก็เป็นหนึ่งในห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่แห่งจงหยวน’

‘ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ยังมีผู้แข็งแกร่งที่ไร้เทียมทาน อย่างท่านหนานกงเสวียนจีและท่านซือถูเจิ้นผิงมาพำนักเป็นแขกด้วย’

‘จึงทำให้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนในตอนนี้ เพียงพอที่จะสั่นคลอนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต้าหลัวที่เป็นอันดับหนึ่งของห้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ได้แล้ว’

‘เช่นนั้นหลังจากที่ส่งเทียบเชิญพิธีแต่งตั้งครั้งนี้ออกไป แทบมิมีสำนักใดในจงหยวนที่กล้าปฏิเสธ’

‘ทว่าหลังจากท่านบรรพจารย์เย่ได้ยินเรื่องนี้ เหตุใดจึงดูเหมือนมิค่อยพอใจเล่า ? ’

‘ใช่แล้ว ! ’

‘ท่านบรรพจารย์เย่คงมิอยากให้มีคนไปรบกวนความสงบของเขาเป็นแน่ จึงได้แสดงความมิพอใจออกมา’

‘อืม ! ’

‘ต้องเป็นเช่นนี้แน่’

‘หลังจบพิธีแต่งตั้งแล้วจะต้องแจ้งเรื่องนี้ให้อาจารย์ทราบ จะให้คนนอกไปรบกวนความสงบของท่านบรรพจารย์เย่อีกมิได้เด็ดขาด’

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง

“เรียนท่านเย่ สำนักขั้นสองขึ้นไปทั้งหมดของจงหยวน ล้วนส่งตัวแทนมาร่วมพิธีแต่งตั้งในครานี้ด้วยขอรับ”

หลี่ฉางหมิงเอ่ยตอบ

เย่ฉางชิงได้ยินเช่นนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ก่อนที่ปากจะเม้มเข้าหากันอย่างอดมิได้

เพราะด้วยอายุของเขาในตอนนี้ การที่จะเข้าสำนักบำเพ็ญเพียรด้วยการคัดเลือกเช่นปกตินั้น แทบจะเป็นไปมิได้เลย

เช่นนั้นก่อนหน้านี้เขาจึงคิดว่า

รอวันหน้าที่ตบะบารมีของเขาสูงถึงระดับหนึ่งแล้ว เขาจะไปจากเมืองเสี่ยวฉือและท่องไปทั่วทั้งจงหยวน

ด้านหนึ่งเขาจะได้เข้าใจโลกเซียนที่ลึกลับแห่งนี้มากขึ้น

อีกด้านหนึ่งขณะที่ท่องไปในโลกเซียนแห่งนี้ คงจะสามารถหาสำนักบำเพ็ญเพียรสักที่เพื่อเข้าไปฝึกฝน

เขารู้ดีว่าในโลกเซียนเช่นนี้ หากอยากจะเป็นผู้แข็งแกร่งนั้น

จำเป็นจะต้องเข้าสำนักบำเพ็ญเพียร เพื่อหาสมบัติที่ใช้ในการบำเพ็ญเพียร มิเช่นนั้นต่อให้จะมีคุณสมบัติที่ดีเพียงใดก็ยากที่จะประสบความสำเร็จได้

เนื่องด้วยตอนนี้เขาถูกทุกคนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนเข้าใจผิดว่าตนเป็นบรรพจารย์ของพวกเขา เช่นนั้นจึงจำเป็นต้องคอยหลีกเลี่ยงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน

มิเช่นนั้นหากถูกเปิดโปงขึ้นมา ถึงตอนนั้นจะต้องเกิดเรื่องวุ่นวายมากมายเป็นแน่

ทว่าตอนนี้ยิ่งแล้วใหญ่เพราะสำนักขั้นสองขึ้นไปทั้งหมดของจงหยวน ล้วนส่งผู้แข็งแกร่งมาเข้าร่วมพิธีแต่งตั้งครั้งนี้ด้วย

เช่นนี้แล้วมิเท่ากับว่าภายภาคหน้ามีเพียงสำนักที่ต่ำกว่าขั้นสองเท่านั้น ที่เขาสามารถเข้าได้เยี่ยงนั้นหรือ ?

เย่ฉางชิงคิดแล้วก็ได้แต่บ่นอยู่ในใจอย่างหดหู่

‘หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ มิน่ามาเข้าร่วมงานพิธีแต่งตั้งนี่เลย’

‘แต่ว่า… หากมิมาร่วมพิธีแต่งตั้งในครั้งนี้ แล้วจะได้รู้เคล็ดกระบี่แสงทองนั่นได้เยี่ยงไร ? ’

‘เฮ้อ น่าหงุดหงิดจริง ๆ เลย ข้าเป็นแค่มือใหม่แท้ ๆ เหตุใดพวกเขาถึงได้ใสซื่อกันขนาดนี้นะ ? ’

หลังจากเงียบไปพักใหญ่ เย่ฉางชิงก็ค่อย ๆ ถอนหายใจออกมา จากนั้นก็เดินตรงไปข้างหน้า

เมื่อเย่ฉางชิงเดินมา

ตัวแทนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งสำนักใหญ่ต่าง ๆ ก็ทยอยประสานมือโค้งคำนับ

“ผู้น้อยเจ้าสำนักต้าหลัว หลัวชุนเฟิง คารวะผู้อาวุโสเย่”

“ผู้น้อยเจ้าสำนักกู่หัว เว่ยไท่หัว คารวะผู้อาวุโสเย่”

“ผู้น้อยเจ้าสำนักจื่อชิง สวีฉิงเทียน คารวะผู้อาวุโสเย่”

“ผู้น้อยเจ้าสำนักหยินหยาง ต้วนฉางเต๋อ คารวะผู้อาวุโสเย่”

“ผู้น้อยประมุขนิกายหมื่นกระบี่ เจี้ยนเจิ้งหยวน คารวะผู้อาวุโสเย่”

“ผู้น้อยประมุขนิกายกระดูกเหล็ก เซี่ยเชียอี คารวะผู้อาวุโสเย่”

“……”

ทันใดนั้นหลังจากตัวแทนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และนิกายบำเพ็ญเพียรใหญ่ต่าง ๆ แจ้งนามของตัวเองแล้ว

แม้ใบหน้าของเย่ฉางชิงจะมิได้บ่งบอกอารมณ์ใด ๆ ทว่าเขากลับรู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก

เย่ฉางชิงค่อย ๆ นั่งลงยังตำแหน่งประธานในพิธี ท่ามกลางการต้อนรับของทุกคน

แต่ในขณะที่เขานั่งลงนั้น ก็อดมิได้ที่จะถลึงตาใส่หลี่ฉางหมิงที่อยู่มิไกลนัก

‘ไหนบอกว่าตัวแทนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์และนิกายบำเพ็ญเพียรใหญ่ต่าง ๆ เป็นเพียงบุคคลที่มีชื่อเสียง แต่เหตุใดถึงมิบอกว่าล้วนแล้วแต่เป็นเจ้าสำนักหรือไม่ก็พวกประมุขนิกายเล่า ? ’

‘พวกเจ้ามิให้โอกาสข้าเลยแม้แต่น้อย ! ’

‘แค้นใจนัก ! ’

‘ช่างน่าแค้นใจยิ่งนัก ! ’

ทว่าการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเย่ฉางชิง กลับตกอยู่ในสายตาของนักพรตฉางเสวียนแทบจะทั้งสิ้น

เวลานี้เย่ฉางชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้มิได้แสดงสีหน้าใด ๆ ออกมามากนัก ทว่ากลับมิได้มีท่าทางสุภาพอ่อนโยนดังเดิมอีก

เช่นนี้แล้วจึงทำให้นักพรตฉางเสวียนอดที่จะคิดมากมิได้

‘หลี่ฉางหมิงไปทำอะไรเอาไว้กันแน่ ถึงทำให้ท่านเย่มิพอใจถึงเพียงนี้ รอพิธีแต่งตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว ข้าจะต้องสอบสวนให้รู้ความให้ได้’

‘เจ้าเด็กคนนี้ ข้าให้ความสำคัญกับเขาถึงเพียงนี้ แต่เขากลับมิได้เรื่องเอาเสียเลย ดูท่าคงต้องลงโทษเสียบ้างแล้วจริง ๆ ! ’

นักพรตฉางเสวียนถลึงตาใส่หลี่ฉางหมิง พลางลอบตัดสินใจ

หลังจากนิ่งเงียบอยู่ครู่ใหญ่ ผู้อาวุโสที่รับหน้าที่ในการดำเนินพิธีท่านหนึ่งก็เดินมาด้านหน้าของนักพรตฉางเสวียนอย่างเร่งรีบ แล้วเอ่ยเบา ๆ ว่า

“ท่านเจ้าสำนักได้เวลาแล้ว เริ่มเลยหรือไม่ขอรับ ? ”

นักพรตฉางเสวียนพยักหน้าให้ จากนั้นก็เดินมาข้างกายของเย่ฉางชิง พร้อมกดเสียงต่ำถามขึ้นว่า

“ท่านเย่ ตอนนี้ได้เวลาแล้ว ให้เริ่มพิธีเลยหรือไม่ขอรับ ? ”

เย่ฉางชิงได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ตอบกลับไปว่า

“เช่นนั้นก็เริ่มได้เลย”

ความจริงแล้วเวลานี้อารมณ์ของเย่ฉางชิงนั้นมิค่อยดีเท่าไรนัก เขาแทบอยากจะไปจากเขาไท่เสวียนเสียเดี๋ยวนี้

นักพรตฉางเสวียนจึงพยักหน้ารับ จากนั้นก็หมุนกายส่งสัญญาณให้แก่ผู้อาวุโสผู้ดำเนินพิธี

“ได้เวลาแล้ว ! ”

หลังจากเสียงอันก้องกังวานของผู้อาวุโสผู้ดำเนินพิธีดังขึ้น

มินานเสียงระฆังอันหนักแน่นก็ดังไปทั่วทั้งเขาไท่เสวียน

ทันใดนั้นทั้งลานพิธีก็เงียบสงัดลง แสดงให้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์อย่างหาที่เปรียบมิได้

“ได้เวลาแล้ว พิธีแต่งตั้งจะเริ่ม ณ บัดนี้ ! ”

ผู้อาวุโสผู้ดำเนินพิธีเดินมากลางลานพิธีอย่างมิเร่งรีบ แล้วเอ่ยว่า “ด้วยโองการแห่งฟ้า บัดนี้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน ขอแต่งตั้งศิษย์ลู่อู๋ซวงเป็นผู้สืบทอดหญิงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียน”

หลังจากสิ้นเสียงมินาน ลู่อู๋ซวงที่อยู่ในชุดกระโปรงยาวสีทองลายเมฆา ก็ค่อย ๆ เดินเข้ามาในลานพิธี โดยมีศิษย์หนุ่มสาวหลายคนเคียงข้างมาด้วย

ในตอนนั้นเองค่ายกลโบราณบางค่าย ราวกับถูกเปิดออกอย่างเงียบ ๆ

“เปรี้ยง ! ”

“เปรี้ยง ! ”

ทันใดนั้นท้องฟ้าด้านบนก็เกิดสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น เมฆหมอกแผ่ปกคลุม เกาะลอยฟ้าขนาดใหญ่เกาะหนึ่งค่อย ๆ ปรากฏสู่สายตาของทุกคน

จากนั้นตำหนักโบราณสูงตระหง่านหลังหนึ่งก็ค่อย ๆ ชัดขึ้น พร้อมกับมีไอพลังมหาศาลบางอย่างแผ่ออกมา

ขณะเดียวกันสะพานสายรุ้งสายหนึ่งก็ได้ทอดออกมาจากเกาะลอยฟ้า ที่มีเมฆหมอกล่องลอยอยู่รอบ ๆ ก่อนทอดยาวลงมาสู่ใจกลางลานพิธี

ตอนนั้นเองนักพรตฉางเสวียนก็ได้เดินมาตรงหน้าของเย่ฉางชิงอีกครั้ง พร้อมกับขอร้องอย่างจริงใจว่า “ท่านบรรพจารย์เย่ ศิษย์อยากขอให้ท่านไปที่ตำหนักบรรพจารย์ เพื่อสวมหมวกแต่งตั้งให้แก่อู๋ซวงขอรับ”

เย่ฉางชิงได้ยินเช่นนั้นก็ได้ลุกขึ้นยืนทันทีอย่างมิลังเล

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

Status: Ongoing
นิยายแปลไทยเรื่อง เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน รายละเอียด เทพแห่งกระบี่ : หากผู้อาวุโสเย่มอบภาพอักษรพู่กันให้ข้าอีกสักภาพ พรุ่งนี้ข้าคงสามารถเปิดประตูสวรรค์ได้แล้ว …… ……เย่ฉางชิงรู้สึกเอือมระอายิ่งนัก ทั้งๆ ที่เขาเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง เหตุใดถึงได้มีผู้คนแวะเวียนมาหาไม่แต่ละเว้นวันเช่นนี้นะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท