เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน – ตอนที่ 282 การกลับมาของจักรพรรดิมาร

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

ตอนที่​ 282 การ​กลับมา​ของ​จักรพรรดิ​มาร​

“เปรี๊ยง​ ! ”

ด้านหลัง​ของ​เย่​ฉางชิงจู่ ๆ ก็​เกิด​การ​สั่นสะเทือน​ พร้อมกับ​เสียง​ดังลั่น​ออกมา​เป็น​ระลอก​

ขณะเดียวกัน​หลังจาก​ระลอกคลื่น​ทอด​ยาว​ห่าง​ออก​ไป​จาก​ด้านหลัง​ของ​เย่​ฉางชิง พลัน​หมอก​อัน​งดงาม​กลุ่ม​หนึ่ง​ก็​ถูก​ปลดปล่อย​ออกมา​

มินาน​ก็​มีแสงจาง ๆ ลอย​อบอวล​ สัญลักษณ์​โบราณ​นับ​มิถ้วน​ปรากฏ​ แสงสีทอง​สว่างไสว​มากมาย​หลาย​สาย​ ส่งสว่าง​ออก​มาจาก​ภายใน​หมอก​

เพียง​พริบตา​นิมิต​กลับ​ยิ่ง​ทำให้​เย่​ฉางชิง ดู​ราวกับ​เซียน​ผู้​อยู่​เหนือ​โลกา​ก็​มิปาน​

สง่างามและ​เย่อหยิ่ง​

อีก​ทั้ง​ยัง​แผ่​ความ​น่าเกรงขาม​ออกมา​อีกด้วย​

ทว่า​มิเพียง​เท่านั้น​ หลัง​เวลา​ผ่าน​ไป​มิกี่​อึดใจ​

“โฮก​ ! ”

จู่ ๆ ก็​มีเสียงคำราม​ทุ้ม​ต่ำ​ของ​มังกร​ดัง​ขึ้น​

หมอก​ปริศนา​ที่อยู่​ด้านหลัง​ของ​เย่​ฉางชิง ก็​ปรากฏ​หัว​มังกร​ทอง​ขนาดใหญ่​หลาย​หัว​โผล่​ออกมา​

หัว​ของ​มังกร​ทอง​แต่ละ​หัว​ราวกับ​มีชีวิต​ เหมือน​ต้องการ​จะหลุดพ้น​จาก​หมอก​ปริศนา​นั้น​ เพื่อ​ออกมา​เผชิญ​โลก​ภายนอก​

วินาที​นี้​เย่​ฉางชิงจึงดู​ราวกับ​เป็น​นาย​ของ​มังกร​ทั้งปวง​ ยิ่ง​ดู​น่าเกรงขาม​และ​น่า​หวั่นเกรง​ ทำให้​คน​ที่​ได้​เห็น​อด​ที่จะ​เกิด​ความเลื่อมใสศรัทธา​ขึ้น​มามิได้​

มิกี่​อึดใจ​ต่อมา​

เมื่อ​เย่​ฉางชิงเขียน​ชื่อ​และ​ประทับตรา​เสร็จ​เรียบร้อย​แล้ว​ จึงเพิ่งจะ​สังเกต​เห็นภาพ​นิมิต​ที่​เกิดขึ้น​ทาง​เบื้องหลัง​ รวมทั้ง​จ้าวก​วง​อี้​ที่​มีสีหน้า​เคร่งเครียด​และ​ซีดเผือด​

“กวง​อี้​ ที่​เจ้าเห็น​เป็น​เพียง​ภาพ​นิมิต​เท่านั้น​ มิต้อง​กังวล​ถึงเพียงนั้น​หรอก​”

เย่​ฉางชิงเอ่ย​ขึ้น​พร้อม​รอยยิ้ม​อ่อนโยน​

จ้าวก​วง​อี้​ยังคง​นิ่งงัน​อยู่​เช่นนั้น​ ก่อน​จะพยักหน้า​รับ​ด้วย​ความ​งงงวย​

แม้จะเป็น​เพียง​ภาพ​นิมิต​ ทว่า​ภาพ​นิมิต​เช่นนี้​บน​โลก​นี้​จะมีสัก​กี่​คน​กันที่​ทำ​เช่นนี้​ได้​ ?

เหมือนกับ​ที่​อาจารย์​กล่าว​เอาไว้​มิมีผิด​

ท่าน​เย่​เป็นยอด​ฝีมือ​ที่​มีความสามารถ​สูงส่ง มีตบะ​บา​ร​ลึกล้ำ​สุด​จะหยั่ง​

ตอนนั้น​เอง​เย่​ฉางชิงก็​ละสายตา​กลับมา​ สำรวจ​ผลงาน​ชิ้น​ใหม่​ของ​ตน​อีกครั้ง​

ผู้คน​ดุจดั่ง​มังกร​ !

พอ​กางปีก​บิน​ก็​ทะยาน​ขึ้น​ฟ้า !

อักษร​โบราณ​เพียง​มิกี่​ตัว​

เป็น​ผลงาน​ที่​เขา​ตั้งใจ​ทำให้​กับ​พวก​จ้าวก​วง​อี้​

เยี่ยง​ไร​เสีย​พวก​จ้าวก​วง​อี้​ก็​เคย​เป็น​ศิษย์​ของ​เขา​มาก่อน​

บัดนี้​พวกเขา​ล้วน​กลายเป็น​ศิษย์​ผู้​มีพรสวรรค์​ของ​ดินแดน​ศักดิ์สิทธิ์​ไท่​เสวียน​ไป​แล้ว​ ความสำเร็จ​ใน​ภายภาคหน้า​ย่อม​มากมาย​จน​มิอาจ​คาดเดา​ได้​

เย่​ฉางชิงหวัง​ว่า​ภายภาคหน้า​มิว่า​จะเป็น​วิถี​การ​บำเพ็ญ​เพียร​ของ​พวกเขา​ หรือ​ด้าน​อื่น​ ๆ จะต้อง​ประสบความสำเร็จ​ดุจดั่ง​มังกร​ที่​ยิ่งใหญ่​

หลังจาก​ครุ่นคิด​อยู่​พัก​หนึ่ง​ เย่​ฉางชิงก็​เก็บ​ภาพ​อักษร​พู่กัน​จน​เสร็จ​เรียบร้อย​ ก่อน​จะมอบให้​แก่​จ้าวก​วง​อี้​

“กวง​อี้​ พวกเรา​นับว่า​เคย​เป็น​ศิษย์​อาจารย์​กัน​มาก่อน​”

เย่​ฉางชิงมอง​จ้าวก​วง​อี้​ พลาง​เอ่ย​ด้วย​ท่าทาง​จริงจัง​ว่า​ “อักษร​สอง​ประโยค​นี้​ นับ​เป็น​คำ​อวยพร​จาก​ข้า​ที่​มอบให้​แก่​พวก​เจ้าก็แล้วกัน​นะ​”

จ้าวก​วง​อี้​ยื่นมือ​ทั้งสอง​ข้างออก​ไป​รับ​ภาพ​อักษร​พู่กัน​มา จากนั้น​ก็​โค้ง​ตัว​ลง​คำนับ​

“ท่าน​เย่​ พวกเรา​จะมิทำให้​ท่าน​ต้อง​ผิดหวัง​อย่าง​แน่นอน​ขอรับ​”

จ้าวก​วง​อี้​ค่อย ๆ​ เงยหน้า​ขึ้น​ ดวงตา​แดงก่ำ​อย่า​งอด​มิได้​

ใบหน้า​ของ​เย่​ฉางชิงปรากฏ​สีหน้า​สับสน​ออกมา​ ก่อน​จะโบกมือ​ไปมา​พร้อม​รอยยิ้ม​ “ไป​เถอะ​ หลัง​กลับ​ไป​ถึงดินแดน​ศักดิ์สิทธิ์​ไท่​เสวียน​แล้ว​ ต้อง​ตั้งใจ​บำเพ็ญ​เพียร​ล่ะ​”

จ้าวก​วง​อี้​หยัก​หน้า​รับ​ด้วย​ความหนักแน่น​ จากนั้น​จึงหมุน​กาย​และ​เดิน​จากไป​

เมื่อ​มอง​ด้านหลัง​ที่​ผอมบาง​ของ​จ้าวก​วง​อี้​แล้ว​

เย่​ฉางชิงก็​อด​มิได้​ที่จะ​พึมพำ​กับ​ตัวเอง​ว่า​ “อายุ​ยัง​น้อย​อยู่​แท้ ๆ​ ทำไม​ถึงเจ้าเล่ห์​ได้ขนาด​นี้​กัน​ล่ะ​เนี่ย​”

จากนั้น​เย่​ฉางชิงก็​กลับ​เข้า​ห้อง​ไป​บำเพ็ญ​เพียร​ต่อ​

แต่​หลังจาก​ได้​พูดคุย​กับ​จ้าวก​วง​อี้​แล้ว​

จิตใจ​ของ​เย่​ฉางชิงก็​เกิด​การเปลี่ยนแปลง​ไป​อย่าง​มาก​

ก่อนหน้านี้​เขา​คิด​ว่า​แม้ตน​จะมีราก​วิญญาณ​แล้ว​ แต่​ด้วย​การ​บำเพ็ญ​เพียร​ที่​ล่าช้า​ ทำให้​เขา​อด​มิได้​ที่จะ​ดูถูก​ว่า​ตัวเอง​นั้น​ก็​ยัง​เป็น​เพียง​คน​ไร้ค่า​อยู่ดี​

แต่​บัดนี้​กลับ​ต่าง​ออก​ไป​ ตามที่​จ้าวก​วง​อี้​บอก​นั้น​ มิใช่ว่า​ตนเอง​นั้น​มิมีคุณสมบัติ​เพียงพอ​ แต่​เป็น​เพราะ​ตนเอง​นั้น​เก่ง​เกินไป​ต่างหาก​

ขอ​เพียง​ผ่าน​ช่วง​ชะงักงัน​อัน​ยาวนาน​นี้​ไป​ได้​ ตบะ​บารมี​ของ​เขา​ก็​จะต้อง​เพิ่มขึ้น​อย่าง​รวดเร็ว​ ระดับ​ขั้น​ก็​จะบรรลุ​ได้​อย่าง​ต่อเนื่อง​

ถึงตอนนั้น​อย่า​ว่าแต่​แดน​สร้าง​แก่น​เลย​ แม้แต่​ระดับ​ที่สูง​กว่า​นั้น​ก็​คง​มิใช่เรื่อง​ยาก​อะไร​

คิดถึง​ตรงนี้​เย่​ฉางชิงก็​รู้สึก​ว่า​เลือด​ลม​ของ​ตัวเอง​จู่ ๆ ก็​พลุ่งพล่าน​ขึ้น​มา ทั่ว​ทั้ง​ร่าง​ล้วน​เต็มไปด้วย​พลัง​

………………………………..

เพียง​พริบตา​เวลา​ห้า​ปี​ก็​ผ่าน​ไป​อย่าง​มิทัน​รู้ตัว​

วันนี้​

“เปรี้ยง​ ! ”

ส่วนลึก​ของ​ทุ่ง​น้ำแข็ง​แดน​รกร้าง​ทางเหนือ​ ได้​มีเสียงดัง​สนั่นหวั่นไหว​ดัง​ออกมา​

อีก​ทั้ง​เสียงดัง​กึกก้อง​นี้​ยัง​มาจาก​แดน​ศักดิ์สิทธิ์​ของ​ฝ่าย​มาร​

ขณะเดียวกัน​หลังจาก​เกิด​เสียง​ดังสนั่น​ไป​ทั่ว​ทั้ง​แดน​รกร้าง​ทางเหนือ​ คลื่น​พลัง​อัน​น่าสะพรึงกลัว​สาย​หนึ่ง​ก็​พัดผ่าน​ทุ่ง​น้ำแข็ง​ที่​ทอด​ยาว​นับ​แสน​ลี้​ในทันที​

ทุกที่​ที่​คลื่น​พลัง​อัน​น่าสะพรึงกลัว​ไร้​ที่​เปรียบ​นี้​พัดผ่าน​ไป​

ภูเขาน้ำแข็ง​ที่​ทอด​ยาว​ออก​ไป​นับ​หมื่น​ลี้​ราวกับ​จะพังทลาย​ลง​ได้​ทุกเมื่อ​ แม้กระทั่ง​สัตว์​อัน​ทรงพลัง​ใน​ทุ่ง​น้ำแข็ง​จำนวนมาก​ก็​กลายเป็น​หมอก​โลหิต​ใน​พริบตา​

วินาที​นี้​ราวกับ​วัน​สิ้น​โลก​กำลัง​คืบคลาน​ดินแดน​รกร้าง​ทางเหนือ​อัน​กว้างใหญ่​ไพศาล​แห่ง​นี้​

ทว่า​มิเพียง​เท่านั้น​

“เปรี๊ยง​ ! ”

“เปรี๊ยะ​ ! ”

“เปรี๊ยง​ ! ”

หลังจาก​มีเสียง​สนั่นหวั่นไหว​ดัง​ขึ้น​

ทุ่ง​น้ำแข็ง​ที่​ถูก​ผนึก​เอาไว้​เนิ่นนาน​ กลับ​มีรอย​แตกร้าว​เกิดขึ้น​มากมาย​ภายใน​พริบตา​

แต่​สิ่งที่​น่า​เหลือเชื่อ​ที่สุด​ก็​คือ​

จุด​ที่เกิด​รอยแยก​ขึ้น​กลับ​มีหมอก​สีดำ​อัน​เย็นยะเยือก​และ​หนาแน่น​ลอย​ขึ้น​มามิหยุด​

ทันใดนั้น​ เมื่อ​มอง​ลง​มาจาก​เบื้องบน​

รอย​แตกร้าว​ที่​ทอด​ยาว​ไป​นับ​หมื่น​ลี้​ ราวกับ​ใยแมงมุม​ยักษ์​ที่​ปกคลุม​ไป​ทั่ว​ทั้ง​ทุ่ง​น้ำแข็ง​ก็​มิปาน​

โดยเฉพาะ​รอบ​ ๆ หุบเหว​ที่​ลึกลับ​และ​เก่าแก่​แห่ง​นี้​

ราวกับ​ค่าย​กล​ผนึก​ขนาดใหญ่​ ได้​ปกคลุม​รอบ​ ๆ หุบเหว​เอาไว้​ทั้งหมด​

ทว่า​เวลานี้​ค่าย​กล​ผนึก​นี้​กลับ​ถูก​ทำลาย​ลง​ สิ่งชั่วร้าย​ที่​ถูก​ผนึก​เอาไว้​ใน​ส่วนลึก​ของ​หุบเหว​ ในที่สุด​ก็ได้​ฟื้น​ขึ้น​มาอีกครั้ง​

และ​ในเวลานี้​ผู้​แข็งแกร่ง​ฝ่าย​มาร​ที่​ประจำ​อยู่​ใน​ที่​ต่าง ๆ​ ของ​หุบเหว​ ต่าง​ก็​ทยอย​มุด​ออก​มาจาก​หลุม​

เมื่อ​พวกเขา​สัมผัส​ได้​ถึงไอ​พลัง​อัน​น่ากลัว​ที่​แผ่​กระจาย​ออกมา​

ทันใดนั้น​ บน​ใบหน้า​อัน​ดุดัน​และ​น่ากลัว​ของ​ทุกคน​ ต่าง​ก็​เต็มไปด้วย​ความยินดี​ปรีดา​

“ไอ​พลัง​ที่​น่ากลัว​เพียงนี้​… นี่​… ต้อง​เป็น​เพราะ​ท่าน​จักรพรรดิ​ฟื้น​คืน​ขึ้น​แล้ว​เป็นแน่​ ! ”

“ฮ่า ๆ จักรพรรดิ​ฝ่าย​มาร​ของ​เรา​ฟื้น​คืน​ขึ้น​มาแล้ว​ ในที่สุด​เผ่า​ของ​เรา​ก็​จะได้​กลับ​สู่จงหยวน​สักที​ ! ”

“เผ่า​ของ​เรา​กล้ำกลืน​ฝืนทน​มาหลาย​ปี​ อีก​มินาน​จะถึงเวลา​ที่​พวก​มนุษย์​จะต้อง​ชดใช้​ให้​กับ​พวกเรา​แล้ว​ ! ”

“ทุกท่าน​ รีบ​ถอย​ไป​จะดีกว่า​”

“ค่าย​กล​ที่​สามารถ​ผนึก​ท่าน​จักรพรรดิ​ได้​ย่อม​เป็น​ค่าย​กล​โบราณ​ และ​อานุภาพ​แข็งแกร่ง​ หาก​ท่าน​จักรพรรดิ​สามารถ​ทำลาย​ค่าย​กล​ได้​ พลัง​ทำลายล้าง​จะต้อง​รุนแรง​จน​ทำให้​ที่นี่​ย่อยยับ​เป็นแน่​”

“ใช่แล้ว​ รีบ​ถอย​ก่อน​เร็ว​เข้า​ ! ”

สิ้น​เสียง​ ผู้​แข็งแกร่ง​ฝ่าย​มาร​ต่าง​ก็​พา​กัน​ทะยาน​ขึ้น​ฟ้า เหาะ​มุ่งตรง​ไปนอก​เขต​ทุ่ง​น้ำแข็ง​ในทันที​

สุดท้าย​เมื่อ​เวลา​ผ่าน​ไป​มิถึงหนึ่ง​ก้านธูป​

หลังจาก​ส่วนลึก​ของ​หุบเหว​มีไอ​ดำ​มหาศาล​พวยพุ่ง​ขึ้น​มา ทุ่ง​น้ำแข็ง​ใน​รัศมี​นับ​หมื่น​ลี้​ก็​เกิด​แตกร้าว​และ​แยก​ออก​จากกัน​จน​เป็น​ทาง​ยาว​

ปรากฏการณ์​ที่​น่าสะพรึงกลัว​เช่นนี้​ ช่างชวน​ให้​อกสั่นขวัญแขวน​ยิ่งนัก​

ขณะเดียวกัน​ มวล​พลัง​ฟ้าดิน​มหาศาล​และ​รุนแรง​ก็​พลุ่งพล่าน​ออกมา​ ทำให้​ความว่างเปล่า​รอบ​หุบเหว​นี้​เกิด​การ​บิดเบี้ยว​ ก่อน​จะพังทลาย​…

ผ่าน​ไป​มิกี่​อึดใจ​

“เปรี้ยง​ ! ”

หลังจาก​เกิด​เสียงดัง​สนั่นหวั่นไหว​ขึ้น​อีกครั้ง​ คลื่น​พลัง​อัน​น่ากลัว​ก็​โหมกระหน่ำ​ไป​ทั่ว​ทุ่ง​น้ำแข็ง​อี​กระลอก​

ขณะเดียวกัน​ ไอ​พลัง​ของ​ค่าย​กล​ที่​ทรง​พลานุภาพ​ก็ได้​แผ่ขยาย​ไป​อย่าง​รวดเร็ว​

ใน​ตอนนั้น​เอง​ภายใต้​ไอ​สีดำ​ก็​มีร่าง​ของ​สตรี​ผู้​เลอโฉม​นาง​หนึ่ง​ปราก​ฎขึ้น​

นาง​ยืน​ตระหง่าน​อยู่​ท่ามกลาง​ฟ้าและ​ดิน​ รอบกาย​มีพลัง​แผ่​ออกมา​มากมาย​ ไอ​พลัง​อัน​น่ากลัว​ทำให้​ห้วง​อากาศ​รอบ​ ๆ กาย​ ที่​เพิ่งจะ​กลับ​สู่ปกติ​เกิด​บิดเบี้ยว​ขึ้น​อีกครั้ง​ และ​พังทลาย​ลง​ในที่สุด​

จน​เวลา​ผ่าน​ไป​ประมาณ​หนึ่ง​ก้านธูป​

ร่าง​เพรียวบาง​ร่าง​นั้น​ก็​ค่อย ๆ​ ชัดเจน​ขึ้น​

ร่าง​นั้น​เป็น​ร่าง​ของ​สตรี​นาง​หนึ่ง​

ผม​ยาว​สลวย​ลู่​ไป​ด้านหลัง​ราวกับ​เกลียวคลื่น​ ทุก​อณู​บน​ร่างกาย​ที่​เปิดเผย​ออกมา​ให้​ภายนอก​เห็น​คือ​ผิว​ขาวผ่อง​ราวกับ​หิมะ​

รูปร่าง​อรชรอ้อนแอ้น​ แขนขา​เรียว​ยาว​ ราวกับ​รูป​สลัก​ที่​ถูก​แกะ​อย่าง​ประณีต​ ไร้​ซึ่งรอย​ตำหนิ​ใด​ ๆ

งดงาม​ !

งดงาม​จน​มิอาจจะ​บรรยาย​ออกมา​เป็น​คำพูด​ได้​ !

“พวก​เจ้าต่าง​สละ​ร่างกาย​เพื่อ​สร้าง​ค่าย​กล​ผนึก​ข้า​มาตั้งแต่​สมัย​บรรพกาล​ พวก​เจ้าสะกด​ข้า​มานาน​หลาย​ปี​ ทว่า​ตอนนี้​ข้า​สามารถ​ทำลาย​ค่าย​กล​นี้​ลง​ได้​แล้ว​ พวก​เจ้ายัง​ต้องการ​สะกด​ข้า​เอาไว้​ที่นี่​อีก​เยี่ยง​นั้น​หรือ​ ? ”

ทันใดนั้น​เสียง​อัน​เย็นเฉียบ​และ​น่าสะพรึงกลัว​เสียง​หนึ่ง​ ที่​เต็มไปด้วย​พลัง​อัน​น่าเกรงขาม​ จู่ ๆ ก็​ดัง​กึกก้อง​ไป​ทั่ว​ทั้ง​ดินแดน​รกร้าง​ทางเหนือ​

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน

Status: Ongoing
นิยายแปลไทยเรื่อง เกิดใหม่ทั้งทีข้าขอเป็นเซียน รายละเอียด เทพแห่งกระบี่ : หากผู้อาวุโสเย่มอบภาพอักษรพู่กันให้ข้าอีกสักภาพ พรุ่งนี้ข้าคงสามารถเปิดประตูสวรรค์ได้แล้ว …… ……เย่ฉางชิงรู้สึกเอือมระอายิ่งนัก ทั้งๆ ที่เขาเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง เหตุใดถึงได้มีผู้คนแวะเวียนมาหาไม่แต่ละเว้นวันเช่นนี้นะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท