ตอนที่ 25 เฟิงหรูซวงผู้ไร้เดียงสา (1)
เมื่อเปรียบกับเฟิงหรูซวงที่มีท่าทีดีอกดีใจ ผู้คนที่ยืนอยู่รอบๆ ตัวนางต่างถอยหลังไปโดยสัญชาตญาณ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความกลัว ราวกับว่าเฟิงหรูชิงที่ยืนอยู่หน้าประตูนั้นเป็นปีศาจ
“ท่านพี่ ตั้งแต่ท่านฟื้นขึ้นมา ข้าอยากไปเยี่ยมท่าน แต่เสด็จพ่อไม่อนุญาต ข้าเลยไม่ไปรบกวน ท่านคงไม่ถือโทษข้าใช่หรือไม่”
แววตาของเฟิงหรูซวงบริสุทธิ์ใสไร้เดียงสา นัยน์ตาอันบริสุทธิ์ไร้มลทิน จ้องมองดูเฟิงหรูชิงด้วยรอยยิ้ม
ในแคว้นหลิวอวิ๋น ชื่อเสียงอันฟอนเฟะของเฟิงหรูชิงระบือไกล แม้แต่ภูตผีปีศาจหากได้พบนางยังต้องหลบซ่อนตัว มีเพียงเฟิงหรูซวงคนนี้ที่เฟิงหรูชิงปฏิบัติกับนางเหมือนน้องสาวมาแต่แรก สิ่งดีๆ อะไรก็ล้วนยกให้นางทั้งหมด
“ถือโทษเจ้า ทำไมข้าต้องถือโทษเจ้าด้วย” เมื่อเฟิงหรูชิงตั้งสติได้ นางยิ้มตาหยี กายอันอวบอ้วนสั่นไปทั้งตัว แววตาดูร้ายกาจน่ากลัว “เสด็จพ่อบอกว่า ท่านไม่ตำหนิเจ้าที่ตอนนั้นรั้นจะไปหากั๋วซือที่ป่าไผ่ทิศใต้ เพราะกั๋วซือรูปงามกว่าใครๆ เจ้ามีความคิดแบบนั้นก็เป็นเรื่องปกติ”
สีหน้ายิ้มแย้มของเฟิงหรูซวงเจื่อนลงในทันที นางหัวเราะแกมเสียดสี “ท่านพี่ ท่านพูดอะไรของท่าน ข้าไม่เข้าใจที่ท่านพูดเลย?”
เรื่องที่นางไปป่าไผ่ทิศใต้แถมโดนสัตว์ที่กั๋วซือเลี้ยงไว้กัดเข้า เฟิงหรูชิงไม่น่าจะรู้ ต่อให้นางรู้ ก็ไม่น่าจะซักไซ้กันซึ่งๆ หน้า!
หรือเป็นอย่างที่เสด็จแม่บอก ตั้งแต่เฟิงหรูชิงฟื้นขึ้นมา นางก็เปลี่ยนไป?
“เสด็จพ่อเป็นคนบอกข้าเอง เป็นไปได้ว่าพระองค์จะเข้าใจผิด เดี๋ยวข้าจะกลับไปอธิบายให้เสด็จพ่อฟัง เห็นๆ อยู่ว่าเจ้าไม่ได้ไปยั่วยวนกั๋วซือ ทำไมเสด็จพ่อต้องพูดเหลวไหลกับข้าด้วยนะ”
เฟิงหรูชิงไม่ได้มองดูใบหน้าของเฟิงหรูซวงที่ถอดสี นางพูดด้วยความโมโหสุดขีด “หรูซวง หากเทียบกับเสด็จพ่อแล้ว ข้าย่อมเชื่อคำพูดของเจ้ามากกว่า เจ้าไม่มีทางไปยั่วยวนคนอย่างกั๋วซืออยู่แล้ว”
เฟิงหรูชิงเอาแต่พูดคำว่ายั่วยวน ทำให้หรูซวงโมโหจนอกแทบแตก แต่นางกลับไม่กล้าแสดงอาการกับเฟิงหรูชิง จึงทนเก็บเอาความโกรธแค้นทั้งหมดไว้ข้างใน ได้แต่หัวเราะเจื่อนๆ
“แค่ท่านพี่เชื่อใจข้าก็พอแล้วเพคะ”
หญิงโง่ผู้นี้ ไม่เข้าใจอะไรเสียเลย ต่อให้เฟิงหรูชิงอยากซักไซ้นาง ก็คงไม่พูดออกมาต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนั้น มันจะทิ่มแทงจิตใจเฟิงหรูซวงมากแค่ไหน
ที่จริงในสายตาของคนแคว้นหลิวอวิ๋น ฮ่องเต้เฟิงเทียนอวี้เป็นผู้มีสัจจะ ในฐานะประมุขของบ้านเมือง จะพูดโกหกได้อย่างไร
เห็นได้ชัดว่าองค์หญิงไร้เดียงสาไม่รู้จักโลกผู้นี้ คงไปยั่วยวนกั๋วซือจริงๆ ?
“ข้าต้องเชื่อเจ้าอยู่แล้ว” เฟิงหรูชิงยิ้ม “แต่ข้ารีบออกมาจากบ้านลืมนำเงินมาด้วย ข้าอยากซื้อสัตว์วิเศษสักหน่อย หรูซวง ปกติข้าดีกับเจ้ามาก เจ้าให้ข้ายืมเงินสักหน่อยได้หรือไม่”
เฟิงหรูซวงเริ่มรู้สึกโล่งอก
ที่เสด็จแม่บอกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เฟิงหรูชิงคนเดิมอีกต่อไป แต่ดูไปแล้วตอนนี้ยังคงเชื่อใจนางเหมือนเดิม
เห็นได้ชัดว่าเสด็จแม่คิดมากไปเอง
“ท่านพี่ สัตว์วิเศษในโรงค้าสัตว์นี้ ท่านเลือกได้ตามใจชอบเลยเพคะ”
เฟิงหรูซวงยิ้มเล็กๆ น้ำเสียงสดใสไร้เดียงสา
ถึงอย่างไรสัตว์วิเศษในโรงค้าสัตว์นี้ก็ไม่ได้ราคาแพงอะไร เงินเล็กน้อยแค่นี้ นางจ่ายให้ได้อยู่แล้ว
“เจ้าพูดแบบนี้ ข้าก็สบายใจ”
เฟิงหรูชิงยิ้ม
ไม่รู้ทำไมเวลามองเห็นรอยยิ้มของเฟิงหรูชิง เฟิงหรูซวงจึงรู้สึกเย็นวาบในใจ รู้สึกเหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ และเกินกว่านางจะควบคุมได้
ตอนที่ 26 เฟิงหรูซวงผู้ไร้เดียงสา (2)
เฟิงหรูชิงหันหลังแล้วเดินไปยังกรงสัตว์วิเศษ เมื่อเห็นนางเดินมา ผู้คนโดยรอบก็หลีกทางให้ราวกับเป็นทางเดินของนางโดยเฉพาะ พวกเขากลัวว่าถ้าเผลอไปขวางทางองค์หญิงอันธพาลเข้า จะโดนนางอัดจนสะบักสะบอม
ในกรง เมื่อสัตว์วิเศษเหล่านั้นเห็นมนุษย์เข้าใกล้ ก็เงยหน้าแยกเขี้ยว ทำท่าทีดุร้ายใส่ ต่อให้พวกมันถูกขังในกรงนานแล้ว ทั้งยังโดนคนฝึกให้เชื่อง แต่พอเห็นคนแปลกหน้าเข้าใกล้ สัญชาตญาณของพวกมันยังคงมีอยู่เหมือนเดิม
เฟิงหรูชิงไม่พูดอะไร เพียงท่องคาถากำราบสัตว์ ท่าทางของนางดูอ่อนโยนในทันที ราวกับส่งมืออุ่นๆ ลูบไปบนตัวของสัตว์วิเศษพวกนั้น สัตว์วิเศษที่เดิมแยกเขี้ยวยิงฟันขู่เมื่อรับรู้ถึงท่าทีของเฟิงหรูชิง พวกมันก็ดูอ่อนโยนขึ้นและคลานมาหมอบอยู่ข้างกรงแบบเชื่องๆ สายตาจ้องมองมาที่นาง
อันที่จริงต้องขอบคุณที่สัตว์วิเศษพวกนี้เคยโดนฝึกมาก่อน เฟิงหรูชิงแค่ใช้คาถากำราบสัตว์นิดหน่อยก็ทำให้พวกมันเชื่องได้ ถ้าเป็นสัตว์วิเศษที่อยู่ในป่า ลำพังความสามารถของนางในตอนนี้คงไม่มีทางกำราบได้
“เอากระต่ายวิเศษสองตัวนี้ กับหนูเดกูมีเท่าไหร่เอามาให้หมด แล้วเอาลิงสี่แขนอีกตัวหนึ่ง”
กระต่ายวิเศษสองตัวนั้น ดูแล้วน่ารัก นางดูแวบเดียวก็รู้สึกชอบมาก หนูเดกูแม้ไม่ค่อยมีกำลังในการต่อสู้ แต่ถ้าฝึกให้ดี กำลังของหนูเดกูที่อยู่เป็นกลุ่มคงประมาทไม่ได้ โดยเฉพาะฟันที่แสนคมของพวกมันจัดเป็นอาวุธที่ร้ายกาจที่สุด
ส่วนลิงสี่แขนมีความฉลาดเฉลียว ใช้เฝ้าบ้านได้ เพื่อป้องกันคนเข้ามาขโมยของ
เฟิงหรูซวงมองดูสัตว์วิเศษที่เฟิงหรูชิงเลือก นางหัวเราะเยาะเชิงดูถูก ความสามารถของสัตว์วิเศษพวกนี้ต่ำเหลือเกิน แถมยังไม่มีราคาอะไรนัก แต่ว่าลำพังความสามารถของเฟิงหรูชิงในตอนนี้ หากซื้อสัตว์วิเศษที่ ดุร้ายไป ไม่ช้าก็เร็วนางอาจกลายเป็นอาหารของสัตว์พวกนั้นได้
“ท่านพี่ ท่านเลือกสัตว์วิเศษเสร็จแล้วหรือยัง” เฟิงหรูซวงยิ้มแล้วเดินเข้ามาหาเฟิงหรูชิง ตาพริ้ม ดูใสๆ และน่ารัก “ถ้าเลือกเสร็จแล้ว ข้าจะจ่ายเงินให้ท่าน ท่านไม่ต้องคืนหรอกนะ ถือว่าข้าตอบแทนท่านพี่แล้วกันเพคะ”
เฟิงหรูชิงไม่สนใจเฟิงหรูซวง นางหันหลังไปมองเถ้าแก่ที่อยู่ข้างหลัง “เถ้าแก่ ในโรงค้าสัตว์ของเจ้า สัตว์วิเศษที่ราคาแพงที่สุดคือตัวไหน เอามาให้ข้าได้เห็นเป็นบุญตาหน่อย”
เถ้าแก่ร้านตกใจ พูดเสียงสั่นๆ “องค์หญิง ท่านอย่าทำให้พวกข้าต้องลำบากเลยพ่ะย่ะค่ะ สัตว์ที่มีค่าที่สุดในโรงค้าสัตว์ของพวกเรายังไม่ได้รับการฝึก ข้าน้อยไม่กล้าเอาออกมา ถ้ามันทำร้ายองค์หญิงเข้า โรงค้าสัตว์ของเราต้องโดนปิดเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ”
เฟิงหรูชิงเอามือจับคาง “ไม่เป็นไรหรอก เจ้าเอาออกมาให้ข้าดูเถอะ ถ้าข้าชอบ ข้าไม่เอาไปโดยไม่จ่ายเงินหรอกนะ น้องสาวข้าเรื่องอื่นไม่โดดเด่นอะไร แต่นางมีเงินเยอะ พวกเจ้าไม่ขาดทุนหรอกน่า”
เฟิงหรูซวงหน้าซีด นางรีบดึงชายเสื้อของเฟิงหรูชิง “ท่านพี่คะ สัตว์วิเศษที่ยังไม่ถูกฝึกมันอันตราย มากนะ พวกเราดูตัวอื่นไม่ดีกว่าหรือเพคะ”
สัตว์วิเศษที่มีค่ามากที่สุดในโรงค้าสัตว์ ต้องใช้เงินเท่าไรกันนะ แม้นางจะเป็นองค์หญิง แต่ก็อยู่คนละระดับกับเฟิงหรูชิง เงินค่าขนมที่ได้แต่ละเดือนไม่ได้มากมายนัก
ถ้าหากเสด็จแม่ของนางไม่มีผู้คนมากมายคอยเอาอกเอาใจ นางคงไม่มีทางได้เงินมากมายขนาดนี้
“หรูซวง!” เฟิงหรูชิงสีหน้าไม่สบอารมณ์ “หลายปีมานี้ เจ้ากับหรงกุ้ยเฟยใช้เงินของข้าไปเท่าไหร่ ป้ายเลือดเหล็กที่เสด็จแม่ข้าทิ้งไว้ให้ ข้าแค่ตอบตกลงให้พวกเจ้าเอาไปเล่นแค่ไม่กี่วัน สุดท้ายผ่านมาเป็นปีๆ แล้ว พวกเจ้ายังไม่เอามาคืนให้ข้า ตอนนี้ข้าจะใช้เงินของเจ้าสักหน่อย เจ้าเสียดายหรือ”
เฟิงหรูซวงมองดูเฟิงหรูชิงอย่างมึนงง “ท่านพี่ ป้ายเลือดเหล็กนั่น ท่านไม่ได้ยกให้เสด็จแม่ข้าหรอกหรือเพคะ”