ตอนที่ 41 กั๋วซือสำคัญกว่า (1)
เฟิงหรูชิงมองลงต่ำ นางรู้อยู่แก่ใจดีว่าคนที่ทำความผิดทั้งหมดไว้คือองค์หญิงคนเดิม แต่ว่าในใจของนางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแย่ ตอนนี้ นางไม่เพียงรับช่วงกายเนื้อต่อมา แต่ยังต้องรับความผิดที่องค์หญิงคนเดิมทำไว้อีกด้วย
“ท่านป้า ตอนนี้ข้าไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีกับคนในจวนแม่ทัพ ข้าหวังว่าท่านจะยอมเชื่อข้าสักครั้ง” นางเงยหน้าขึ้น แววตามีประกาย ดูแน่วแน่ไม่หวั่นไหว
แววตาแบบนั้น น่าหลานฮูหยินไม่เคยพบเห็นมาก่อน
ดูแน่วแน่ขนาดทำให้นางใจอ่อนลงได้
โชคดีที่นางทำใจแข็งได้ทัน จึงหัวเราะน้ำเสียงเย้ยหยัน
เชื่อนางหรือ เมื่อก่อนพอนางรังแกไต้เอ๋อร์เสร็จ ก็จะแสร้งทำเป็นคนดีมาเยี่ยมไต้เอ๋อร์ทุกครั้ง สุดท้ายก็มีแต่ทำให้ไต้เอ๋อร์ต้องเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม
ใช่ว่าคนของจวนแม่ทัพไม่เคยเชื่อใจนาง แต่นางต่างหากที่ทำให้ความไว้วางใจของพวกเขาถูกทำลายไม่เหลือหลอ ไม่ว่าตอนนี้นางจะพูดอะไร น่าหลานฮูหยินก็ไม่มีทางเชื่อ
“องค์หญิง ท่านเป็นเชื้อพระวงศ์ พวกเราเป็นเพียงขุนนาง ในฐานะขุนนางพวกเราต้องทำตามองค์หญิงอยู่แล้ว จะพูดถึงเรื่องเชื่อใจไปทำไมเพคะ” น่าหลานฮูหยินกำมือแน่น “ตอนนี้ดึกมากแล้ว องค์หญิงเสด็จกลับเถิดเพคะ โปรดอภัยที่หม่อมฉันไม่ส่งเสด็จ”
เฟิงหรูชิงถอนหายใจเบาๆ นางมองดูน่าหลานฮูหยินที่หน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ เดิมมีเรื่องคิดจะพูดต่อ แต่กลับพูดไม่ออก
ในที่สุดก็ได้แต่พูดคำบอกลาเพียงประโยคเดียว
“งั้นข้ากลับก่อนล่ะ ท่านป้า วันหลังข้าค่อยมาเยี่ยมพวกท่านใหม่ ดีหรือไม่”
น่าหลานฮูหยินใจสั่น นัยน์ตาแสดงความรู้สึกกระวนกระวาย นี่นางยังจะมาอีกหรือ หรือนางคิดว่าคนของจวนแม่ทัพยังเดือดร้อนเพราะนางน้อยเกินไป?
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเฟิงหรูชิง น่าหลานฮูหยินไม่กล้าพูดอะไรมาก นางยิ้มแบบหน้าซีดๆ “ดินแดนทั้งหลายในใต้หล้า ล้วนเป็นขององค์ราชา องค์หญิงประสงค์จะเสด็จไปที่ใด มิจำเป็นต้องถามความเห็นของข้าหรอกเพคะ”
แต่เมื่อน่าหลานฮูหยินเห็นมือที่นางกำลังยื่นมา จึงกอดไต้เอ๋อร์ไว้แน่น สายตาแฝงไว้ด้วยความหวาดระแวง
มือของนางหยุดนิ่งอยู่กลางทาง สุดท้ายไม่ได้สัมผัสไปที่ศีรษะของไต้เอ๋อร์ แต่กลับปล่อยลงด้วยความจนใจ
“งั้นข้าไปก่อนล่ะ”
เฟิงหรูชิงเหลียวมองประตูจวนแม่ทัพอย่างอาวรณ์ แล้วจึงหันกลับมาช้าๆ ภาพกายของนาง ค่อยๆ หายไปในยามค่ำคืน
จนภาพของนางหายลับไป ในที่สุดความคับอกคับใจของน่าหลานฮูหยินก็ถึงคราวผ่อนคลาย นางรีบปล่อยน่าหลานไต้เอ๋อร์ออกจากอ้อมกอดอันแน่น นางพูดด้วยสีหน้ากังวลว่า “ไต้เอ๋อร์ ต่อไปเจ้าห้ามไปเจอนางอีก เข้าใจหรือไม่”
น่าหลานไต้เอ๋อร์รู้สึกสับสน ดวงตาอันกลมโตของนางเป็นประกายราวกับแสงดาวบนท้องฟ้า
“แต่ท่านพี่…พาข้าไปซื้อขนมนะเจ้าคะ”
ท่านพี่ปกป้องนางไว้ แล้วยังพานางไปซื้อขนมกุ้ยฮวา ท่านพี่ไม่ใช่คนไม่ดีอีกต่อไปแล้ว
ทำไมท่านแม่ยังไม่ชอบนางอยู่นะ
“ฟังแม่นะ นางจะรังแกเจ้า ทำร้ายเจ้า ตั้งแต่เล็กเจ้าถูกนางกดขี่ข่มเหงเป็นประจำ แม่ไม่อยากให้เจ้าต้องเจ็บอีก” น่าหลานฮูหยินน้ำตาไหลริน
พอนางคิดถึงสิ่งที่เฟิงหรูชิงเคยทำกับไต้เอ๋อร์ไว้ ก็รู้สึกเจ็บปวดใจอย่างยิ่ง
คนดีอย่างน่าหลานฮองเฮา เหตุใดจึง…ให้กำเนิดลูกสาวแบบนี้ได้
นางสร้างความเดือดร้อนให้คนในวังกับจวนแม่ทัพยังไม่พอ แม้แต่ไพร่ฟ้าประชาราษฎร์ ยังเกือบถูกนางสร้างปัญหาให้ด้วย
“ท่านพี่…ไม่ใช่คนเลว”
น่าหลานไต้เอ๋อร์แก้ต่างให้แบบหัวชนฝา
ท่านพี่ที่ช่วยนางไว้ แถมยังให้ผลไม้ ไม่ใช่คนเลวแน่นอน
“เอาล่ะๆ เจ้าบอกว่านางไม่ใช่คนเลว นางก็ไม่ใช่คนเลว”
น่าหลานฮูหยินถอนหายใจอย่างคนรู้สึกจนใจ ไม่รู้ว่าวันนี้เฟิงหรูชิงทำคุณไสยอะไรใส่ไต้เอ๋อร์ ถึงทำให้นางที่กลัวเฟิงหรูชิงมาตลอด กลายเป็นปกป้องเฟิงหรูชิงขนาดนี้
ตอนที่ 42 กั๋วซือสำคัญกว่า (2)
ถ้าองค์หญิงจริงใจกับไต้เอ๋อร์ก็คงดี น่าหลานฮูหยินกลัวแต่นางจะว่างจนเบื่อก็เลยมาแกล้งไต้เอ๋อร์เพื่อหาความสนุกเท่านั้น ไต้เอ๋อร์ไร้เดียงสาถึงเพียงนี้ ใครๆ พูดงอนง้อปลอบใจไม่กี่คำ นางก็หายโกรธแล้ว
ดูท่า ต่อไปนางต้องคอยดูไต้เอ๋อร์ให้ดีๆ ไม่ปล่อยให้ไต้เอ๋อร์ออกไปนอกบ้านแม้เพียงก้าวเดียว แบบนี้ก็จะยับยั้งไม่ให้ผู้หญิงคนนั้นทำร้ายไต้เอ๋อร์ได้อีก!
“รีบไปบอกพวกท่านแม่ทัพว่าไต้เอ๋อร์กลับมาแล้ว” น่าหลานฮูหยินแววตาไม่สดใส “อีกอย่าง เรื่องที่องค์หญิงมาที่นี่ ห้ามบอกให้พวกท่านแม่ทัพรู้”
เฟิงหรูชิงทำให้ท่านแม่ทัพผิดหวังเสียใจมานานแล้ว หากตอนนี้พูดถึงชื่อนาง เขาก็จะเสียความรู้สึกตามไปด้วย ดังนั้น น่าหลานฮูหยินไม่อยากบอกเรื่องที่เฟิงหรูชิงมาที่จวนให้ท่านแม่ทัพรู้
ท่านแม่ทัพเฒ่าสุขภาพกายใจพังยับเยินไปแล้วหนึ่งคน จะให้ท่านแม่ทัพเป็นไปอีกคนด้วยไม่ได้
“ขอรับ ฮูหยิน”
ทหารอารักขาประสานมือทำท่าคำนับ
…
เนื่องจากไต้เอ๋อร์กลับมาที่จวนในเวลาไม่นาน เรื่องที่เกิดขึ้นในจวนแม่ทัพจึงไม่ได้สร้างความปั่นป่วนอะไรให้คนในเมืองหลวงของแคว้นหลิวอวิ๋นนัก
แต่ทหารอารักขาในจวนแม่ทัพเพิ่มกำลังพลจำนวนมาก แม้แต่ประตูท้ายจวนยังมียามเฝ้ามากมาย ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ไต้เอ๋อร์หนีออกไปเดินเล่นนอกจวนอีก
รุ่งเช้า
น่าหลานฉางเฉียนเปิดประตูแล้วเดินออกมาจากห้องหนังสือ เขาดูเหมือนไม่ได้นอนมาทั้งคืน ท่าทางเหนื่อยล้าอย่างมาก
ที่ไกลออกไป น่าหลานฉางเฉียนมองเห็นร่างเล็กๆ น่ารักกำลังเดินตรงมาหาเขา
เมื่อเห็นน่าหลานไต้เอ๋อร์ สีหน้าอันเหนื่อยล้าของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้น “ไต้เอ๋อร์ ลูกมีอะไรหรือ”
“ท่านพ่อ” รอยยิ้มของไต้เอ๋อร์ช่างแสนบริสุทธิ์ น้ำเสียงฟังดูอ่อนโยน “ไต้เอ๋อร์คิดถึงท่านพ่อ เลยเอาผลไม้มาให้ท่านพ่อกินเจ้าคะ”
น่าหลานฉางเฉียนแววตาดูอ่อนโยน ขอเพียงมองดูเด็กคนนี้ จิตใจของเขาก็ผ่อนคลายอย่างมาก
“ไต้เอ๋อร์น่ารักจริงๆ ลูกเอาผลไม้อะไรมาให้พ่อกินหรือ”
“ผลไม้ที่หวานอร่อยมากๆ เจ้าคะ”
น่าหลานไต้เอ๋อร์แบมือออก ผลไม้สีแดงก็ปรากฏอยู่บนฝ่ามือน้อยๆ ของนาง
เมื่อวานท่านพี่ให้นางไว้ห้าลูก นางกินไปแล้วหนึ่งลูก เหลืออยู่สี่ลูกนางเก็บไว้ให้พ่อกับแม่ แล้วยังมีท่านปู่กับพี่ชาย
“หือ” ในชั่ววินาทีที่น่าหลานฉางเฉียนมองเห็นผลเทียนหลิงกั่ว สีหน้าก็อึ้งไป แล้วถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ไต้เอ๋อร์ ผลไม้นี่…เจ้าไปเอามาจากที่ไหน”
พลังวิเศษแล้วกลิ่นหอมแบบนี้…บอกให้รู้ว่า ผลไม้ในมือไต้เอ๋อร์เป็นยาวิเศษ!
น่าหลานฉางเฉียนหายใจแรง ถึงแม้พลังวิเศษของยาวิเศษนี้จะไม่แรงอะไร เป็นเพียงยาวิเศษระดับหนึ่ง แต่…ขอแค่เป็นยาวิเศษ ราคาก็แพงมหาศาล เงินที่เขาให้ไต้เอ๋อร์ไปรวมกันแล้วยังไม่พอซื้อแม้เพียงสักลูก!
“ไต้เอ๋อร์ซื้อมา” ท่านพี่บอกไว้ อย่าให้พ่อรู้ว่าว่านางเป็นคนให้ผลไม้นี้ เลยทำได้เพียงโกหกพ่อไปว่า ไต้เอ๋อร์ซื้อมา
แม้นางไม่รู้ว่าทำไมท่านพี่ต้องให้นางทำแบบนี้ แต่ท่านพี่ที่ไม่ได้รังแกนางต้องไม่ใช่คนเลว
“เจ้าซื้อมาจากไหน” น่าหลานฉางเฉียนถามต่อด้วยสีหน้าเคร่งขรึมกว่าเดิม
“มีคุณปู่คนหนึ่งตะโกนขายอยู่ที่ถนน ไต้เอ๋อร์ชิมแล้วว่าอร่อยดี ก็เลยซื้อมาให้ท่านพ่อท่านแม่กินเจ้าค่ะ” ไต้เอ๋อร์เบ้ปากน้อยใจ ก้มหน้าคอตก “ไต้เอ๋อร์ทำอะไรผิดหรือไม่เจ้าคะ”
ประโยคนี้เฟิงหรูชิงเป็นคนสอนนาง ถึงแม้สติปัญญาของไต้เอ๋อร์จะไม่สมบูรณ์นัก แต่นางก็ไม่ได้ปัญญาอ่อน จึงพูดประโยคนี้ซ้ำให้น่าหลานฉางเฉียนฟังได้อย่างที่เรียนรู้มา
น้ำเสียงของน่าหลานฉางเฉียนอ่อนลง “ไต้เอ๋อร์ไม่ได้ทำอะไรผิด นี่เป็นเรื่องดีต่างหาก ผลไม้นี่มีค่ามีราคามาก ไต้เอ๋อร์คงโชคดีเลยซื้อมันมาได้สบายๆ แต่ไต้เอ๋อร์บอกพ่อได้หรือไม่ ว่าคุณปู่คนนั้นอยู่ที่ไหน”