ตอนที่ 103 แม่ทัพเฒ่าบรรลุฌาน (3)
“เสด็จพ่อ” เฟิงหรูชิงเดินตรงไปช้าๆ นำไหเหล้าไปให้ขันทีที่อยู่ข้างๆ แล้วหันหน้ามาหาเฟิงเทียนอวี้ “นี่เป็นเหล้าที่หม่อมฉันเพิ่งซื้อมาเพคะ เอามาให้เสด็จพ่อลองชิม”
เฟิงเทียนอวี้ยิ้ม เขารู้สึกดีใจ “ชิงเอ๋อร์ของข้าโตเป็นผู้ใหญ่สักที เจ้ามีใจก็พอแล้ว พ่อไม่ชอบดื่มเหล้า เอาไปให้ท่านตาเจ้าจะดีกว่า เขาชอบดื่มเหล้าดีๆ ”
ความสัมพันธ์ระหว่างชิงเอ๋อร์กับคนของจวนแม่ทัพไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไร ไม่แน่ว่าเหล้าไหนี้ อาจช่วยฟื้นฟูสัมพันธภาพระหว่างพวกเขาได้
เช่นนี้ ดวงวิญญาณของเยียนเอ๋อร์บนสวรรค์คงจะดีใจ
“ไม่ต้องหรอกเพคะ” เฟิงหรูชิงยิ้มและส่ายหน้า “หม่อมฉันเอาไปให้ท่านตาแล้วไหหนึ่ง หม่อมฉันเที่ยวหาซื้อตั้งหลายที่ถึงจะเจอเหล้าแบบที่พอใจ หากเสด็จพ่อไม่ลองดื่มดูสักหน่อย เท่ากับปล่อยให้หม่อมฉันต้องเหนื่อยเปล่านะเพคะ?”
เฟิงเทียนอวี้ทำอะไรไม่ถูก แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความยินดี
นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา ชิงเอ๋อร์เปลี่ยนไปมากจริงๆ มันมาจากน้ำพักน้ำแรงของเยียนเอ๋อร์ทั้งสิ้น
“ได้ เดี๋ยวพ่ออ่านฎีกาเสร็จ จะลองชิมเหล้าดีที่ชิงเอ๋อร์เอามาให้พ่อนะ”
“เพคะ” เฟิงหรูชิงยิ้ม “แล้วหม่อมฉันยังโชคดีซื้อผลเทียนหลิงกั่วมาได้ เอามาถวายเสด็จพ่อด้วยเพคะ เสด็จพ่อทรงงานหนัก ผลเทียนหลิงกั่วจะช่วยเสด็จพ่อคลายความเหนื่อยล้า”
เฟิงเทียนอวี้อึ้งไป เขามองดูผลเทียนหลิงกั่วที่เฟิงหรูชิงเอามาวางไว้ตรงหน้า ขอบตารื้นด้วยหยาดน้ำตา
“ชิงเอ๋อร์ เจ้าโตแล้วจริงๆ ”
ไม่ทำให้ความรักที่เขามีให้นางตลอดเวลาหลายปีต้องสูญเปล่า
“จริงสิ…” เฟิงเทียนอวี้คิดอะไรได้บางอย่าง จึงเอ่ยถามต่อว่า “ข้าได้ยินว่า เจ้าเอาป้ายเลือดเหล็ก…คืนมาแล้วเหรอ”
“อย่างนั้นก็ดี”
เมื่อฟังประโยคนั้นจบ เฟิงเทียนอวี้ก็รู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาที่ทับอกมานานหลายปีออกไป
ป้ายเลือดเหล็กอันนั้น เป็นสมบัติตกทอดจากเยียนเอ๋อร์ เป็นสิ่งที่เขาต้องการเก็บรักษาไว้ตลอดไป แต่ชิงเอ๋อร์กลับนำมันไปให้หรงกุ้ยเฟย แม้แต่เขาซึ่งเป็นพ่อก็ห้ามนางไว้ไม่อยู่
บัดนี้ของกลับคืนสู่เจ้าของ แถมชิงเอ๋อร์ก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขารู้สึกโล่งใจ!
“แต่ชิงเอ๋อร์ เจ้าต้องกินให้เยอะหน่อย นี่เพิ่งจะผ่านไปแค่เดือนกว่า เจ้าผอมลงตั้งเยอะ” เฟิงเทียนอวี้ถอนหายใจด้วยความสงสาร “ต่อให้เจ้าคิดจะลดน้ำหนัก ก็ห้ามอดอาหาร ที่ควรกินก็กิน ขอแค่กินอาหารไม่มันไม่เนื้อก็ได้แล้ว เข้าใจไหม”
สิ่งที่เขาเป็นห่วงที่สุดคือการที่ลูกสาวอดอาหารเพื่อลดน้ำหนัก หากชิงเอ๋อร์เป็นอะไรไป เขาจะเอาหน้าที่ไหนไปพบเยียนเอ๋อร์
“เสด็จพ่อ หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ”
ถึงแม้เฟิงหรูชิงจะผอมกว่าเมื่อก่อนมาก แต่เนื้อบนหน้าของนางยังคงดูอิ่มเหมือนเดิม เดี๋ยวนี้เวลานางยิ้ม พอจะเห็นเค้าโครงใบหน้า ดูแล้วสดใสร่าเริง
“วันนี้หม่อมฉันรบกวนเสด็จพ่อเพียงเท่านี้ ไว้วันหลังจะมาเข้าเฝ้าอีกเพคะ”
“ได้สิ” เฟิงเทียนอวี้ยิ้ม “เจ้าไปเถอะ วันนี้พ่อได้เห็นเจ้าโตเป็นผู้ใหญ่ ต่อไปพ่อก็มีหน้าไปพบแม่เจ้าในปรโลกแล้ว”
เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิงหรูชิงก็มองดูเฟิงเทียนอวี้ ไม่รู้เพราะเหตุใด นางรู้สึกว่าเฟิงเทียนอวี้ดูแปลกๆ แต่นางเห็นว่าเขาไม่อยากพูดอะไรมาก ก็เลยไม่ซักไซ้ให้มากความ นางกลับหลังหันแล้วเดินออกจากห้องทรงพระอักษรไป
เมื่อประตูห้องปิดลง เฟิงเทียนอวี้หน้าแดง กระอักเลือดลงบนฎีกาที่อยู่ตรงหน้า
ใบหน้าของเขายังดูสง่าและเคร่งขรึมเช่นเดิม แต่พวกขันทีและนางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ล้วนตกใจและรีบมามุงรอบตัวเขา
ตอนที่ 104 แม่ทัพเฒ่าบรรลุฌาน (4)
“ฝ่าบาท!”
“ไม่เป็นไร แค่โรคเก่ากำเริบเท่านั้น ไม่หนักหนาอะไร” เฟิงเทียนอวี้เช็ดปาก “เรื่องนี้ อย่าบอกให้ใครรู้ทั้งนั้น โดยเฉพาะชิงเอ๋อร์ ใครกล้าปากโป้ง โทษตายสถานเดียว!”
“ฝ่าบาท…” หลินกงกงเดินเข้ามา แววตาเต็มไปด้วยความกังวล “เหตุใดพระองค์ต้องทำเช่นนี้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ หมอเก่งๆ มีอยู่มากมาย พวกเราเชิญมาได้ อีกอย่าง ฝ่าบาทสามารถรับสั่งให้คนออกไปกว้านซื้อยาวิเศษ แบบนี้อาจพอช่วยได้นะพ่ะย่ะค่ะ”
ที่บอกว่าเป็นโรคเก่า ความจริงแล้วคือความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นจากความทุกข์ทรมานใจในสมัยก่อนต่างหาก
ตั้งแต่น่าหลานฮองเฮาสิ้นพระชนม์ สุขภาพของฝ่าบาทก็ถดถอยลงทุกวัน หากไม่ใช่เพราะองค์หญิงยังไม่รู้ความ เขาคงไม่ฝืนตัวเองมาจนถึงทุกวันนี้ เขากลัวว่าหากเขาตายไปองค์หญิงจะถูกคนอื่นรังแก
แต่ตอนนี้ฝ่าบาทเห็นว่าองค์หญิงเปลี่ยนไปแล้วเขาก็เริ่มทัดทานความเจ็บป่วยไม่ไหว
“เพื่อแคว้นหลิวอวิ๋น ข้าต้องอดทนให้ได้ ถ้ามีคนรู้เรื่องที่ข้าป่วย คนพวกนั้นจะไม่ฉวยโอกาสยกทัพมาตีแคว้นเราหรือ”
เฟิงเทียนอวี้ขมวดคิ้ว ถอนหายใจเบาๆ
“ข้าแค่หวังว่าก่อนข้าตาย ข้าจะสืบพบความจริงและล้างแค้นให้เยียนเอ๋อร์ได้สำเร็จ และจะได้…กวาดล้างศัตรูให้ชิงเอ๋อร์”
“หากศัตรูยังไม่ถูกกวาดล้าง ข้ายังตายไม่ได้ พวกเจ้าวางใจเถอะ!”
แม้ชิงเอ๋อร์ของเขาจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ก็ยังต้องพึ่งพาเขาอยู่ดี เขาจะทิ้งนางไปแบบนี้ไม่ได้รอให้ทุกอย่างเสร็จสิ้น แล้วเขา…จะไปพบเยียนเอ๋อร์
“อีกอย่าง…” เฟิงเทียนอวี้หัวเราะฝืดๆ “ข้ายังหวังมาตลอดว่า ชิงเอ๋อร์กับคนของจวนแม่ทัพจะกลับมาดีกันเหมือนเดิมได้ เมื่อข้ายกบัลลังก์ให้ชิงเอ๋อร์แล้ว แม่ทัพจะยินดีช่วยเหลือสนับสนุนนาง ไม่ใช่เพราะเห็นแก่เยียนเอ๋อร์กับข้าถึงยอมปกป้องนาง!”
“ฝ่าบาท?”
หลินกงกงตกใจหน้าซีด เขาเงยหน้ามองเฟิงเทียนอวี้แบบอึ้งๆ “หากฝ่าบาทจะให้องค์หญิงขึ้นครองราชย์ต่อ เกรงว่าไพร่ฟ้าจะไม่เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ เพราะอย่างไร…แคว้นหลิวอวิ๋นไม่เคยมีกษัตริย์ที่เป็นผู้หญิงมาก่อน”
เฟิงเทียนอวี้หัวเราะหึ “บัลลังก์เป็นของข้า ข้ายกให้ใครสืบทอดต่อ ผู้นั้นก็คือกษัตริย์! อีกอย่างผู้ที่ จะเป็นกษัตริย์ได้ ก็มีแค่ลูกของข้ากับเยียนเอ๋อร์ คนอื่นไม่มีสิทธิ์!”
หลินกงกงเงียบไม่พูดไม่จา หลายปีมานี้ฝ่าบาทไม่ทรงโปรดสนมองค์ไหนๆ สนมเหล่านั้นมีไว้เพียงประดับวัง ดังนั้นจนบัดนี้ฝ่าบาทจึงไม่มีพระโอรส! หากฝ่าบาททรงยืนกรานเช่นนี้ ต่อไปก็จะไม่มีพระโอรสอยู่ดี
ดังนั้น ราชบัลลังก์…คงตกเป็นขององค์หญิงพระองค์เดียวเท่านั้น
…
ณ สวนหย่อมในวังหลวง
หญิงสาวผู้หนึ่งถูกเหล่าทหารล้อมเอาไว้ใบหน้าอันงดงามของนางประดับด้วยรอยยิ้ม สีหน้าท่าทางดูมีเสน่ห์ ดูอ่อนหวานและไร้เดียงสา
“ถังจือ ที่ข้ามาคราวนี้ต้องการมาเยี่ยมเยียนพวกเจ้าจริงๆ อีกอย่างเสด็จแม่ของข้ารู้ว่าช่วงนี้พวกเจ้าฝึกซ้อมกันอย่างเหน็ดเหนื่อย เลยตั้งใจให้ข้าเอาโสมคนอายุร้อยปีมาให้พวกเจ้า พวกเจ้าจะได้ใช้บำรุงร่างกาย”
โสมคนอายุร้อยปี เป็นแค่ยาธรรมดาทั่วไป เทียบอะไรกับยาวิเศษไม่ได้
เพราะอย่างไร…คนของกองทัพเลือดเหล็กก็ไม่ได้ดีอะไรกับพวกนาง ต่อให้ซื้อยาวิเศษมาได้ นางก็ไม่มีทางเอามาให้พวกเขา
แต่โสมคนอายุร้อยปีต้นนี้ ราคาแพงมาก เชื่อว่าคนพวกนี้ต้องซาบซึ้งบุญคุณเป็นแน่
“องค์หญิงรอง เชิญกลับไปเถิดเพคะ”
ถังจือสีหน้าเรียบเฉย ดูเย็นชา
“เอาโสมคนกลับไปด้วยเพคะ พวกเราไม่ต้องการ”
เฟิงหรูซวงหน้าเจื่อน ในใจรู้สึกโกรธเคือง คนพวกนี้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง พวกเขาก็แค่สุนัขรับใช้ในวังเท่านั้น ถือว่าเสด็จพ่อทรงโปรดก็เลยทำตัวโอหังกับนาง!
“ข้าก็แค่มาเยี่ยมเยียนพวกเจ้าด้วยใจ แม้ว่าป้ายเลือดเหล็กจะถูกพี่สาวข้าแย่งคืนไปแล้ว แต่พวกเจ้าคิดว่า…นางแย่งป้ายเลือดเหล็กคืนมันเป็นเรื่องดีจริงๆ หรือ ผิดแล้ว นางก็แค่อยากใช้ป้ายเลือดเหล็กในการรังแกชาวบ้าน! สมัยก่อนตอนเสด็จแม่ข้าเก็บป้ายเลือดเหล็กเอาไว้ ก็เพื่ออาณาประชาราษฎร์เท่านั้น พวกเจ้ายังแยกแยะดีชั่วไม่ออกอีกเหรอ!”