ตอนที่ 139 ใส่ยาพิษ? (4)
สิบกว่าปีที่ผ่านมา นางไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้คุณชายฉินเลย แต่นางยังคงคิดว่าตัวเองจะได้เป็นอนุจึงไม่ยอมแต่งงานกับคนอื่น ซึ่งคนที่คอยหนุนหลังนางคือแม่ของเว่ยผิ่นเหยา ต่อให้เว่ยผิ่นเหยาไม่พอใจอย่างไรก็ไม่กล้าไล่นางไป
แต่ตอนนี้ โอกาสของนางก็มาถึง
ก่อนหน้านี้ นางเห็นองค์หญิงพาน่าหลานไต้เอ๋อร์เข้าไปในห้องของฮูหยินรอง นางแอบได้ยินเรื่องอาหารที่ใส่ยาลงไป
แน่นอนว่านางไม่มีสิทธิ์เข้าไปรับใช้อยู่ในห้อง เรื่องดังกล่าวนางได้ยินองค์หญิงกับน่าหลานไต้เอ๋อร์พูดระหว่างที่เดินผ่านพอดี
น่าหลานไต้เอ๋อร์มีสติปัญญาไม่สมบูรณ์จึงไม่รู้ว่าการใส่ยาลงไปจะมีผลอย่างไร แต่ตอนที่องค์หญิงเข้าไปในห้อง นางไม่ได้มารายงานให้คุณชายทราบ นางรออยู่พักหนึ่งถึงมารายงาน
นางคิดว่าตอนนี้ยาพิษคงออกฤทธิ์แล้ว ด้วยสภาพร่างกายของฮูหยินรอง คงทนได้ไม่นาน
ที่นางมาตอนนี้ หวังว่าจะทำให้คุณชายรู้สึกประทับใจในตัวนาง
“คุณชายเจ้าคะ” หงเสวี่ยกัดริมฝีปากแน่น “เมื่อครู่ บ่าวเห็นองค์หญิง…เข้าไปในห้องของฮูหยินรองเจ้าค่ะ”
อะไรนะ
ฉินซวินตกใจหน้าซีด
ยัยอันธพาลนั่นไปหาเรื่องเหยาเอ๋อร์? บัดซบ ทำไมไม่มีคนมารายงานเขา!
“องค์หญิงมาหรือ” เจาหยางลุกขึ้นทันที เมื่อเทียบกับฉินซวินที่ท่าทีเป็นกังวล สีหน้าของเจาหยางกลับรู้สึกดีใจ
หงเสวี่ยไม่ได้สนใจสีหน้าของเจาหยาง สายตาของนางจับจ้องอยู่ที่ฉินซวินเพียงคนเดียว
“คุณชาย องค์หญิงไม่ได้มามือเปล่า แต่เอาสำรับอาหารมาให้ฮูหยินรองด้วย บ่าวได้ยินองค์หญิงพูดว่า…อาหารนั่นใส่ยาลงไปด้วย หากคุณชายยังไม่ไปดู ฮูหยินรองต้องเป็นอันตรายแน่ๆ เจ้าค่ะ ฮือๆ” หงเสวี่ยร้องไห้น้ำตาไหลพราก “หากฮูหยินรองเป็นอะไรไป บ่าว…บ่าวคงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้”
แน่นอนว่าฉินซวินไม่สนใจว่านางจะมีชีวิตอยู่ต่อไปหรือไม่ เขารีบเดินไปอยู่ตรงหน้าของหงเสวี่ย แล้วพูดต่อว่าด้วยความโมโห “องค์หญิงมาหาเหยาเอ๋อร์ ทำไมเจ้าไม่รีบมาบอกข้า”
“บ่าว บ่าว…” หงเสวี่ยท่าทีเลิ่กลั่ก ใบหน้าซีดขาว “บ่าวกำลังคิดว่า องค์หญิงคงไม่มีทางทำร้ายฮูหยิน
รอง แต่สุดท้ายบ่าวก็เป็นห่วงฮูหยินรอง คิดไปคิดมา มาเรียนให้คุณชายทราบดีกว่าเจ้าค่ะ”
ฉินซวินยิ่งรู้สึกวิตกกังวล ในขณะที่เขากำลังจะเดินออกไป ก็มีเสียงที่ดีใจของเจาหยางดังขึ้นมา
“เจ้าบอกว่าอาหารที่องค์หญิงนำมาใส่ยาด้วยใช่ไหม เยี่ยมไปเลย!”
องค์หญิงนำอาหารบำรุงสุขภาพมา ฮูหยินรองของสกุลฉินมีหวังแล้ว!
ใครจะรู้ว่าทันทีที่เจาหยางพูดจบ ฉินซวินก็รีบหันมาชกเขาจนเจาหยางกระเด็นออกไป
“เจาหยาง รอข้าช่วยเหยาเอ๋อร์เสร็จก่อน ข้าจะมาคิดบัญชีกับเจ้า!”
คนสารเลว ฉินซวินร้อนใจจะเป็นบ้าอยู่แล้ว ยังมาพูดว่าองค์หญิงใส่ยาลงไปแหละดี?
เขาไม่กล้าทำอะไรองค์หญิง แต่มีหรือจะไม่กล้าสั่งสอนคนสารเลวนี่?
เจาหยางงุนงง
นายกองเจาโมโห
เขาทุบโต๊ะดังปัง ลุกขึ้นด้วยความโมโห “คุณชายฉิน ข้าเห็นแก่หน้าท่านฉินจึงไม่ถือสาท่าน แต่ท่านกลับลงไม้ลงมือกับเจาหยาง ความผิดนี้ พวกข้าจะชำระให้เรียบร้อยแล้วท่านถึงจะไปได้!”
ฉินซวินหัวเราะหึ “องค์หญิงวางยาฮูหยินของข้า แต่เขากลับดีใจ ไม่ควรโดนชกหรืออย่างไร ตอนนี้ข้าไม่มีเวลามาพูดคุยเรื่องไร้สาระกับพวกท่าน เดี๋ยวข้ากลับมาเราค่อยมาสะสางกัน!”
เขากำลังเป็นห่วงความปลอดภัยของเว่ยผิ่นเหยา ไม่มีเวลาคิดบัญชีเจาหยางให้จบสิ้น
แต่ฉินซวินยังไม่ทันเดินออกจากห้องรับแขก เสียงของความโกรธสุดขีดของเจาหยางก็ดังขึ้น
“ฉินซวิน เจ้ากล้าชกข้า! ตั้งแต่เด็ก พ่อข้ายังไม่เคยตีข้าเลย เจ้ากล้าลงไม้ลงมือกับข้า เจ้าห้ามไปไหนทั้งนั้น เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”
เขาผิดตรงไหน
เขาแค่ดีใจที่ฮูหยินรองมีหวังแล้วเท่านั้น แต่ปรากฏว่าเจ้าสารเลวนี่กลับต่อยเขา!
ทำดีไม่ได้ดีจริงๆ !
……………………………………………..
ตอนที่ 140 ชาตินี้จะไม่ขอมีภรรยา (1)
“เจาหยาง เจ้าเป็นแค่ลูกชายของนายกอง ถ้าข้าไม่เห็นแก่หน้าของแม่ทัพน่าหลาน เจ้าคิดว่าข้าจะต่อยเจ้าแค่หมัดเดียวหรืออย่างไร” ฉินซวินหัวเราะหึ สะบัดชายแขนเสื้อแล้วเดินจากไป
เจาหยางโมโหจนตาแดง เขาเดินเข้าไปขวางตรงหน้าของฉินซวิน
“เจ้าต่อยข้า คิดจะไปง่ายๆ ไม่ได้หรอกนะ!”
“ไสหัวไป!” ฉินซวินโกรธหน้าแดง เขากำหมัดเสียงข้อลั่น หน้าผากเส้นเลือดปูด
แม้บิดาของเจาหยางจะเป็นเพียงแค่นายกอง แต่เขาก็สนิทสนมกับฉางเฉียน หากเห็นแก่หน้าของฉางเฉียน ก็ไม่ควรปฏิบัติเช่นนี้
“หยางเอ๋อร์” นางกองเจามองลูกชาย สีหน้าไม่สบอารมณ์ “เจ้าเป็นคนสุขุมมาตลอด ทำไมวันนี้ถึงพูดจาเช่นนี้”
แม้เขาจะโมโหในการกระทำของฉินซวิน แต่อย่างไรเสียเจาหยางก็เป็นฝ่ายที่ทำผิดก่อน แต่เขาเชื่อว่าลูกชายของเขาไม่มีทางพูดจาแบบนี้โดยไม่มีเหตุผล
“การที่องค์หญิงเอาอาหารบำรุงสุขภาพมาให้ฮูหยินรอง ข้ารู้สึกดีใจจริงๆ แต่ฉินซวินกลับต่อยข้าโดยไม่มีเหตุผล ข้าผิดอะไร”
เจาหยางยิ่งคิดยิ่งโมโห เจตนาดีของเขากลับถูกคนอื่นเข้าใจผิดเช่นนี้ เขาจะไม่โมโหได้อย่างไร
จิตใจของฉินซวินเต็มไปด้วยไฟแห่งความโกรธ เขาไม่ฟังสิ่งที่เจาหยางพูด ในขณะที่เขาจะต่อยหน้าเจาหยางอีกหมัดหนึ่ง ฉินเฟยหยางก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเจาหยางเพื่อห้ามหมัดของลูกชาย
“ซวินเอ๋อร์ อย่าวู่วามนะ!” ฉินเฟยหยางจ้องฉินซวินตาเขม็ง จากนั้นก็หันไปมองเจาหยาง “คุณชายเจา เมื่อครู่ท่านพูดว่า…ที่องค์หญิงนำมา…คืออาหารบำรุงสุขภาพหรือ”
เจาหยางยิ้มเยาะ “เมื่อก่อนที่ข้าเคยบอกพวกท่านเรื่องอาหารบำรุงสุขภาพที่ช่วยรักษารอยแผลเป็นได้ เป็นสูตรที่องค์หญิงบอกข้า! ตอนนี้นางนำอาหารบำรุงสุขภาพมา อาการของฮูหยินรองจะต้องดีขึ้น แต่ฉินซวิน กลับไม่มองเห็นในความปรารถนาดีของผู้อื่น กล้าลงไม้ลงมือกับข้า!”
“เจ้า…” เดิมฉินซวินตั้งใจจะต่อว่า แต่เมื่อคำพูดของเจาหยางดังถึงหูของเขาทำให้เขาตัวสั่น
“เมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรนะ”
ก่อนหน้านี้ไม่นาน เจาหยางได้สูตรอาหารบำรุงสุขภาพมาสูตรหนึ่งซึ่งใช้รักษารอยแผลเป็นได้ ที่เขามาวันนี้ก็เพื่อพูดเรื่องนี้! เขาต้องการไปจวนแม่ทัพกับฉินเฟยหยางเพื่อบอกสูตรนี้แก่น่าหลานฉางเฉียน ดังนั้น เรื่องอาหารบำรุงสุขภาพ จึงไม่ใช่เรื่องที่ฉินซวินไม่รู้จัก
“อย่างนี้นี่เอง” ฉินเฟยหยางยิ้ม “องค์หญิงไม่ใช่คนเลวร้ายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว คงไม่มีทางคิดทำร้ายผิ่นเหยา อีกอย่างยังมีฉินอี๋อยู่เป็นเพื่อนผิ่นเหยา จึงไม่ต้องกังวลเกินไป ซวินเอ๋อร์ ครั้งนี้เจ้าบุ่มบามเกินไป เลยเผลอทำร้ายคุณชายเจาเข้า”
ฉินซวิน “…”
องค์หญิงอันธพาลนั่น…กลายเป็นคนดีแล้ว? เขาไม่อยากจะเชื่อ?
“ท่านพ่อ…ทำไมท่านถึงเชื่อใจองค์หญิงเช่นนี้” แววตาของฉินซวินมองไปที่ฉินเฟยหยางด้วยความสงสัย
ฉินเฟยหยางยิ้ม “เจ้าจำเรื่องที่ข้าดื่มเหล้าวิเศษที่จวนแม่ทัพได้ไหม เหล้านั่น…เป็นเหล้าที่องค์หญิงมอบให้ท่านแม่ทัพเฒ่า! ถ้าตอนแรกองค์หญิงแค่บังเอิญซื้อเหล้านี้มาได้ แต่ท่านแม่ทัพเฒ่าบอกว่ามูลค่าของเหล้านั้นมหาศาลมาก แต่นางก็เอามาให้เขาโดยไม่คิดเสียดาย”
“เจ้าคิดว่า…ถ้าเป็นองค์หญิงคนเดิม จะเอาของมีค่าแบบนี้มามอบให้คนสกุลน่าหลานหรือไม่ เกรงว่านางจะเอาไปให้หรงกุ้ยเฟยเสียมิว่า” สีหน้าของฉินเฟยหยางเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่เมื่อคิดถึงความวู่วามของฉินซวิน สีหน้าเขาก็บูดบึ้ง “อีกอย่าง เจ้าต้องขอโทษคุณชายเจาซะ”
………………………………