พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – บทที่ 1543 เย่อี้ที่กระวนกระวาย

บทที่ 1543 เย่อี้ที่กระวนกระวาย

เสียงที่กล่าวคำนี้ออกมา ถึงแม้จะไม่ดังก้องไปทั้งเมืองเหมือนตอนประกาศชื่อตัวเอง แต่ร้านค้าที่อยู่บริเวณประตูเมืองตะวันออกกลับได้ยินแล้ว ล้างเลือดทั้งเมืองเหรอ? ไม่รู้ว่ามีคนตั้งมากมายเท่าไรที่อกสั่นขวัญแขวน ด่าในใจอย่างบ้าคลั่งว่า เจ้าบ้านี่มันอยากจะล้างเลือดตลาดสวรรค์จริงๆ สินะ!

บรรดาผู้จัดการร้านกับพวกคนงานที่หลบอยู่ในร้าน ก่อนหน้านี้นึกว่าตัวเองจะโชคดีรอดชีวิต คิดว่าหนิวโหย่วเต๋อคงไม่กล้าล้างเลือดตลาดสวรรค์จริงๆ หรอก แต่หลังจากได้ยินคำพูดนี้แล้ว มีหรือที่จะยังกล้าคิดว่าโชคดีอีก เจ้าตัวประกาศออกมาต่อหน้าฝูงชนแล้ว จึงเปิดประตูหนีอีกครั้งทันที รีบหนีไปให้ไกลๆ หน่อย ไม่นานถนนบริเวณประตูเมืองฝั่งตะวันตกว่างเปล่าจนไม่เห็นเงาใครสักคน

ทหารยามเฝ้ากำแพงเมืองเริ่มตึงเครียดเป็นอย่างมาก กลุ่มคนที่อยู่ในตึกบนกำแพงค่อนข้างพูดไม่ออก พบว่าหนิวโหย่วเต๋อคนนี้กล้าพูดทุกอย่างจริงๆ

ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนเชื่ออย่างไม่ต้องสงสัยเลยก็คือ หนิวโหย่วเต๋อเจ้าเวรนี่มันกล้าทำจริงๆ คาดว่าคงไม่ได้พูดเพื่อขู่เฉยๆ หรอก

แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนในตึกทำใจเชื่อได้ยากก็คือ หนิวโหย่วเต๋อพูดจากบฏขนาดนี้ แต่กำลังพลที่อยู่ข้างหลังเขากลับไม่มีใครทำท่าแปลกใจสักคน ไฟโกรธในดวงตาคนพวกนั้นราวกับกำลังบอกทุกคนว่า วันนี้จะต้องเข้าเมืองให้ได้ ถ้าเข้าเมืองไม่ได้ จะฆ่าล้างเมืองสักหน่อยจะเป็นไรล่ะ?

ถังเฮ่อเหนียนพลันถอนหายใจเบาๆ ทันที “ทัพที่ห้าวหาญดุจหมาป่าดุจพยัคฆ์กลุ่มนี้ เกรงว่าในเร็วๆ นี้คงจะอยู่ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว”

“เกรงว่าในเร็วๆ นี้คงเผชิญชะตากรรมโดนจับแยก” จั่วเอ๋อร์พยักหน้าเบาๆ

คนอื่นที่ยังอายุน้อยรวมทั้งเม่ยเหนียงหวังเฟยไม่เข้าใจว่าสิ่งที่สองคนนี้พูดหมายความว่าอะไร แต่โกวเยว่และพวกคนชรากลับถอนหายใจเบาๆ ราวกับเข้าใจหมดแล้ว

เม่ยเหนียงอดไม่ได้ที่จะถ่ายทอดเสียงถามโกวเยว่ “ในเมื่อเป็นทัพที่ห้าวหาญดุจหมาป่าดุจพยัคฆ์ ทำไมต้องโดนจับแยกล่ะ?”

โกวเยว่แอบตอบนางว่า “กองทัพองครักษ์คือกองทัพองครักษ์ของฝ่าบาท ไม่ใช่กองทัพองครักษ์ส่วนตัวของใครคนใดคนหนึ่ง ขนาดหนิวโหย่วเต๋อพูดแบบนี้ออกมาแล้ว พวกลูกน้องยังไม่แสดงอาการผิดปกติเลยสักนิด อาศัยแค่การที่พวกเขาเชื่อฟังคำสั่งหนิวโหย่วเต๋อคนเดียว แค่นี้ก็เป็นความผิดมหันต์แล้ว!”

เม่ยเหนียงเข้าใจในทันที แล้วกล่าวอย่างเสียดายว่า “งั้นก็น่าเสียดายจริงๆ”

โกวเยว่ชี้แนะว่า “ขอเพียงได้หนิวโหย่วเต๋อมาไว้ในมือ ก็จะมีทัพที่ห้าวหาญดุจหมาป่าดุจพยัคฆ์กลุมที่สอง ทัพที่ห้าวหาญดุจหมาป่าดุจพยัคฆ์กลุ่มที่สามเกิดขึ้นอีกแน่นอน ท่านอ๋องคงไม่กังวลที่จะมอบกำลังพลในมือไปให้เขาฝึก!”

เม่ยเหนียงเข้าใจสิ่งที่โกวเยว่สื่อแล้ว นี่คือการบอกเป็นนัยว่าขอเพียงหนิวโหย่วเต๋อยอมสวามิภักดิ์ต่อท่านอ๋อง กองทัพองครักษ์มีความเสียหายอะไรแล้วจะเกี่ยวอะไรกับท่านอ๋องล่ะ?

นางอดไม่ได้ที่จะแอบกัดริมฝีปาก แบบนี้ก็ยิ่งอธิบายแล้วว่าหนิวโหย่วเต๋อคนนี้มีความสำคัญต่อท่านอ๋องขนาดไหน!

“นายท่านหนิวรอสักครู่ ข้าจะไปรายงานเดี๋ยวนี้!” ฟางลี่เหิงกุมหมัดคารวะอีกครั้ง บนใบหน้าเจียดรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วรีบหันตัวหลบมาด้านข้าง แถมยังดึงลูกน้องคนหนึ่งออกมากำชับด้วยว่า “พยายามทำให้สงบไว้ อย่าไปยั่วโมโหเจ้าบ้านีเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นไอ้หน้าด้านนี่มันก็ทำได้ทุกอย่างจริงๆ”

ลูกน้องคนนั้นคิดในใจว่า ยังต้องอีกให้เจ้าเตือนด้วยเหรอ? แต่ปากกลับเอ่ยรับพร้อมพยักหน้าซ้ำๆ “ขอรับๆๆ! นายท่านรีบไปรีบกลับเถอะ ไม่อย่างนั้นข้าน้อยกลัวว่าจะยืนหยัดได้ไม่นานนัก” เขาไม่อยากรับมือกับสถานการณ์นี้เลยจริงๆ กดดันเกินไปแล้ว!

ฟางลี่เหิงแฉลบผ่านฟ้าไปทันที เหาะไปยังตำหนักคุ้มเมืองอย่างรวดเร็ว

เขาหันกลับมามองเป็นระยะ ที่จริงผู้บัญชาการใหญ่เย่อี้ที่อยู่ในตำหนักคุ้มเมืองรู้เรื่องนี้ก่อนเขาหนึ่งด้าวแล้ว รู้ข่าวตั้งแต่ก่อนที่เหมียวอี้จะนำกำลังพลมาถึง

ข้างนอกเกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ วันนี้เขาไม่มีกะจิตกะใจจะฝึกวิชา กำลังเดินครุ่นคิดช้าๆ อยู่ในสวนดอกไม้ จู่ๆ ก็ได้ข่าวมาจากจวนแม่ทัพภาคเบื้องบนของเขา

ท่านแม่ทัพภาคส่งข่าวมาด้วยตัวเอง บอกอย่างชัดเจนว่าให้เขาระวังตัวหน่อย เบื้องบนส่งข่าวมาแล้ว ว่าคนที่นำกองทัพองครักษ์ห้าหมื่นไปสังหารหัวหน้าภาคน่านฟ้าระกาติงและโจมตีทัพใหญ่หนึ่งล้านของน่านฟ้าระกาติงแตกพ่ายก็คือหนิวโหย่วเต๋อ!

พอได้ยินข่าวนี้ เย่อี้ก็ตกใจจนตับสั่น ไม่ใช่เพราะเขามีความขัดแย้งอะไรกับหนิวโหย่วเต๋อหรอก…แน่นอน ใช่ว่าจะไม่มีความขัดแย้งเลยสักนิดเดียว เพราะในปีนั้นเขาก็เคยทดสอบที่แดนอเวจีถึงได้เลื่อนขั้นเป็นผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์เช่นกัน เป็นคนที่เข้าร่วมทดสอบที่แดนอเวจีรอบแรก เป็นรอบเดียวกับหนิวโหย่วเต๋อ ดังนั้นเขาก็เป็นหนึ่งในกำลังพลที่ล้อมโจมตีหนิวโหย่วเต๋อเช่นกัน มีความขัดแย้งนิดหน่อยเท่านี้เอง แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลย ตอนแรกมีคนมากมายขนาดนั้น หนิวโหย่วเต๋อจำตนไม่ได้แน่นอน มีแค่ตนเท่านั้นที่จำหนิวโหย่วเต๋อได้

เพราะเขาได้เห็นเหตุการณ์ที่หนิวโหย่วเต๋อบุกเดี่ยวโจมตีฝ่าเข้าฝ่าออกทัพใหญ่หนึ่งล้านกับตาตัวเอง ถึงได้รับรู้ความเหี้ยมหาญของหนิวโหย่วเต๋ออย่างลึกซึ้ง กอปรกับตอนนี้อีกฝ่ายมีฐานะสูงกว่าเขา แถมในมือยังมีกำลังทหารมากมาย เขาจะไปมีเรื่องด้วยไหวเหรอ ที่สำคัญคือเจ้าหมอนั่นคนบ้าผู้เลื่องชื่อ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น

และที่เป็นปัญหามากที่สุดก็คือ เขาสั่งให้คนเชิญอวิ๋นจือชิวเข้ามาสอบถามที่ตำหนักคุ้มเมืองแล้ว

เขากำลังสาปแช่งบรรพบุรุษสิบแปดรุ่นของฉู่จื่อซาน เมื่อเริ่มเชื่อมโยงทุกเรื่องเข้าด้วยกัน มีหรือที่จะยังไม่รู้ว่าฉู่จื่อซานตายอย่างไร เจ้าบ้าหนิวโหย่วเต๋อมันกล้าทำทุกเรื่องจริงๆ ด้วย มารดาเจ้าเถอะ เป็นเพราะมีคนแตะต้องผู้หญิงของหนิวโหย่วเต๋อจนยั่วให้หนิวโหย่วเต๋อโมโหไง สาเหตุที่ทัพใหญ่หลายแสนของตำหนักสวรรค์โดนสังหาร ก็เพราะหนิวโหย่วเต๋อโมโหเรื่องหญิงงาม!

ตอนนี้ตัวเองจับผู้หญิงของหนิวโหย่วเต๋อเอาไว้ ถึงแม้ตัวเองจะเชิญมา แต่ผีที่ไหนจะไปรู้ว่าหนิวโหย่วเต๋อจะคิดอย่างไร เจ้าบ้านั่นคงไม่ได้ถ่อมาล้างเลือดตลาดสวรรค์หรอกใช่มั้ย?

เย่อี้เริ่มกลัวขึ้นมาแล้วจริงๆ ขนาดน่านฟ้าระกาติงรวบรวมทัพใหญ่หนึ่งล้านแล้วยังต้านอีกฝ่ายไว้ไม่ไหวเลย กำลังพลอันน้อยนิดของเขาไม่พอให้ยัดซอกฟันอีกฝ่ายด้วยซ้ำ มิหนำซ้ำอาวุธในมือกำลังพลของเขาก็ไม่มีทางเทียบกับกองทัพองครักษ์ได้เลย ค่ายกลป้องกันต้านทานการโจมตีด้วยธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ของกองทัพองครักษ์ไม่ไหวหรอก เขาไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะขัดขืนด้วยซ้ำ!

ภายใต้ความหวาดกลัวนี้ เขาจึงขอร้องให้ท่านแม่ทัพภาคช่วยเหลือทันที เขาบอกว่าตัวเองเชิญอวิ๋นจือชิวเข้ามาที่ตำหนักคุ้มเมือง ตอนนี้ตัวนางยังอยู่ที่ตำหนักคุ้มเมืองอยู่เลย จะทำอย่างไรดี?

แม่ทัพภาคท่านนั้นด่ายับทันที ฉู่จื่อซานตายไปแล้วก็แล้วกันสิ เกี่ยวอะไรกับเจ้าล่ะ เจ้ากินอิ่มแล้วว่างงานเลยมาสอดเรื่องนี้เหรอ เบื่อหน่ายที่จะมีชีวิตอยู่แล้วรึไง? ถ้าหนิวโหย่วเต๋อนำกำลังพลมาโจมตีจวนแม่ทัพภาคขึ้นมา แม้แต่ข้าก็ต้านทานไม่ไหว เจ้าน่ะอายุเท่าไรแล้วถึงได้กล้ามายุ่งเรื่องนี้?

ด่าก็ส่วนด่า แต่ก็ยังต้องคิดหาทางแก้ไขปัญหานี้ แม่ทัพภาคท่านนั้นให้เย่อี้รีบปล่อยตัวอวิ๋นจือชิว จะต้องปลอบใจนางให้ดี ส่วนทางเขาจะติดต่อกับเบื้องบนอีกที ให้เบื้องบนติดต่อกับหน่วยองครักษ์ซ้าย หวังว่าคำสั่งของหน่วยองครักษ์ซ้ายจะควบคุมเจ้าคนบ้านั่นได้!

เย่อี้รีบขอบคุณทันที หลังจากเก็บระฆังดาราแล้วก็หันมาตะโกนทันทีว่า “ทหาร!”

ลูกน้องคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา แล้วกุมหมัดคารวะถาม “นายท่านมีอะไรจะกำชับหรือขอรับ?”

เย่อี้ชี้ไปทางคุก แล้วกัดฟันสั่งว่า “เร็วๆ! พาตัวอวิ๋นจือชิวเถ้าแก่เนี้ยหออวิ๋นฮว๋ามาหาข้าเดี๋ยวนี้! ไม่สิ…เชิญตัวมาหาข้า เร็วเข้า!”

“ขอรับ!” ลูกน้องของรีบวิ่งออกไปทันที

ผ่านไปไม่นาน อวิ๋นจือชิวก็เดินมาอย่างไม่สะทกสะท้าน โดยมีทหารหลายคนของตำหนักคุ้มเมืองเดินตามหลัง สีหน้านางเรียบเฉย มองไม่ออกว่ามีอารมณ์ผิดปกติอะไร

เย่อี้ที่เดินกระวนกระวายอยู่ในศาลาหันมามองแวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าคนมาแล้ว เขาก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้มทันที รีบเดินออกมาจากศาลา เดินลงบันไดมาต้อนรับ

พวกทหารของตำหนักคุ้มเมืองยืนอยู่ทางซ้ายและขวาของเขา อวิ๋นจือชิวยกแขนเสื้อทำความเคารพด้วยใบหน้าที่เจือรอยยิ้มเล็กน้อย “อวิ๋นจือชิวคารวะผู้บัญชาการใหญ่ค่ะ!”

ในใจเย่อี้รู้สึกกลัดกลุ้ม ผู้หญิงคนนี้ก็มีสง่าราศีดีเหมือนกัน ความสวยก็จัดอยู่ระดับบน แต่ก็ยังไม่ถือว่างดงามล้ำเลิศอะไร ไม่รู้ว่าฉู่จื่อซานนั่นมันไปกินยาอะไรผิดมา หนิวโหย่วเต๋อนั่นก็ไม่รู้ว่ากินยาอะไรผิดมาเหมือนกัน อาศัยอำนาจอิทธิพลของสองคนนั้น อยากจะหาผู้หญิงแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น จำเป็นต้องมาสู้ตายแบบไม่เสียดายอนาคตเพื่อผู้หญิงคนนี้ด้วยเหรอ?

แน่นอน บนใบหน้าเขายังคงรอยยิ้มเอาไว้ “เถ้าแก่เนี้ย ไม่ได้รบกวนให้ท่านตกใจใช่มั้ย”

“ยังสบายดี!” อวิ๋นจือชิวตอบพร้อมรอยยิ้ม

เย่อี้โล่งอก โชคดีที่ฟางลี่เหิงเตือนไว้ก่อน จึงเหลือทางหนีทีไล่เอาไว้ ไม่ได้ทำอะไรผู้หญิงคนนี้ เขาพยักหน้าบอกว่า “งั้นก็ดีแล้ว”

ใครจะคิดว่าคนที่รับหน้าที่สืบสวยจะแอบถ่ายทอดเสียงบอกว่า “ผู้หญิงคนนี้ปากแข็งมาก ไม่ตกหลุมพรางอะไรสักอย่าง เอาแต่พูดว่าไม่รู้อะไรทั้งนั้น นายท่าน ข้าว่าพวกเราทำดีกับนางเกินไปแล้ว ทำให้นางไม่กลัวอะไรเลย ถ้าอยากจะถามให้ได้ความอะไรจริงๆ ก็ต้องตัดขาดการติดต่อของนางกับภายนอก แล้วทรมานอีก…”

เย่อี้หันขวับมาถลึงตาตัดบทเขา ในใจมีความคิดอยากจะฆ่าเจ้าหมอนี่แล้ว ถ่ายทอดเสียงถามว่า “เจ้าตอบข้ามาอย่างซื่อสัตย์ ยังไม่ได้ทำอะไรนางซี้ซั้วใช่มั้ย?”

ผู้สืบสวนงุนงง รีบตอบว่า “เปล่าเลย! ข้าทำตามที่นายท่านกำชับไว้ สุภาพเกรงใจมาตลอด ตอนที่นางติดต่อกับภายนอกเป็นระยะ ข้าก็ไม่ได้รบกวนเช่นกัน” อันที่จริงแล้ว มันคือการสอบสวนไง จะพูดไม่เกรงใจบ้างสักคำสองคำก็เลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว มีขู่ไปบ้างนิดหน่อย เพียงแต่เห็นท่าทางของผู้บัญชาการใหญ่เป็นแบบนี้ ก็เลยไม่กล้าพูดออกมา

เย่อี้หันกลับมาแล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้ม ยื่นมือเชิญให้นางเข้าไปนั่งในศาลา “เถ้าแก่เนี้ยเชิญนั่งข้างในก่อน จิบน้ำชาปลอบขวัญสักหน่อย ถ้าพวกลูกน้องล่วงเกินอะไรตรงไหน ก็หวังว่าจะใจกว้างให้อภัยนะขอรับ”

อวิ๋นจือชิวชำเลืองมองสาวใช้ที่รินน้ำชาอยู่ข้างในแวบหนึ่ง นางจะกล้าดื่มของที่นี่ซี้ซั้วได้อย่างไร ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น นางกล้าวพร้อมรอยยิ้มทันทีว่า “ผู้บัญชาการใหญ่ให้เกียรติข้าเกินไปแล้วจริงๆ ข้าไม่กล้านั่งตีเสมอกับผู้บัญชาการใหญ่เด็ดขาดค่ะ ผู้บัญชาการใหญ่มีอะไรจะกำชับหรือคะ อวิ๋นจือชิวจะตั้งใจฟังก็พอแล้ว”

เย่อี้เชิญอีกครั้ง เมื่อเห็นว่านางไม่ยอม เขาก็ไม่กล้าบังคับเช่นกัน หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ไม่กล้าชักช้าอีกต่อไป หนิวโหย่วเต๋อนั่นกำลังทำศึกกับกำลังพลน่านฟ้าระกาติงที่อาณาเขตดาวใกล้ๆ นี้แล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะนำคนมาที่นี่แล้วก็ได้ ชักช้าไม่ไหวหรอก เขาจึงยืนนอกศาลาแล้วกล่าวอย่างจริงใจเปิดเผยว่า “เป็นเพราะเชิญเถ้าแก่เนี้ยมาสอบถามที่ตำหนักคุ้มเมือง เย่คนนี้กลัวว่าจะทำให้แม่ทัพภาคหนิวโหย่วเต๋อไม่พอใจ ดังนั้นจึงหวังให้เถ้าแก่เนี้ยช่วยพูดถึงเย่ในทางที่ดีเมื่ออยู่ต่อหน้าแม่ทัพภาคหนิวสักหน่อย! เย่ขอรับประกันเลย ต่อไปนี้ที่ตลาดสวรรค์จะไม่มีใครกล้าแตะต้องเถ้าแก่เนี้ยอีก ถ้าเถ้าแก่เนี้ยมีอะไรจะให้เย่ช่วยเหลือ เย่คนนี้ก็จะช่วยอย่างไม่ลังเลแน่นอน แบบนี้ดีมั้ย?” นี่คือการเจรจาเงื่อนไข

เขาเตรียมตัวไว้เรียบร้อยแล้ว ว่าถ้าเจรจาไม่ลงตัว ก็จะรีบหาข้ออ้างหนีออกจากตลาดสวรรค์ไปหาที่หลบภัย หลบผ่านสถานการณ์ที่ไม่เอื้อประโยชน์นี้ให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน

เมื่อกล่าวคำนี้ออกมา คนที่อยู่ทางซ้ายและขวาก็มองหน้ากันเลิกลั่ก อย่าบอกนะว่าผู้หญิงคนนี้ได้กับหนิวโหย่วเต๋อแล้วจริงๆ?

อวิ๋นจือชิวยิ้มบางๆ “ผู้บัญชาการใหญ่ล้อเล่นแล้ว ข้ากับแม่ทัพภาคหนิวรู้จักกันแค่ผิวเผินเท่านั้น  มาคุยที่ตำหนักคุ้มเมืองสองสามคำจะยั่วให้แม่ทัพภาคหนิวไม่พอใจได้ยังไงคะ? ข้าไม่ค่อยเข้าใจที่ท่านพูดเลย”

“รู้จักกันแค่ผิวเผินเหรอ?” เย่อี้หัวเราะเจื่อน “เป็นเพราะหัวหน้าภาคฉู่คิดไม่ซื่อกับเถ้าแก่เนี้ย ทำให้แม่ทัพภาคหนิวนำกองทัพองครักษ์ห้าหมื่นไปสังหารเขา แล้วก็โจมตีทัพใหญ่หนึ่งล้านของน่านฟ้าระกาติงแตกพ่ายอีก สังหารคนไปหลายแสน ถ้าแบบนี้นับว่ารู้จักกันแค่ผิวเผิน เช่นนั้นเย่ก็ไม่เข้าใจเลยจริงๆ เถ้าแก่เนี้ยช่วยชี้แนะหน่อย ว่าแบบไหนถึงเรียกว่ารู้จักกันลึกซึ้ง?” เขาเปิดโงโดยตรงแล้ว

เรื่องที่ลือกันสนั่นหวั่นไหวข้างนอกเป็นฝีมือหนิวโหย่วเต๋อเหรอ? คนที่ยืนอยู่ทางซ้ายแลขวาสีหน้าเปลี่ยนทันที โดยเฉพาะคนที่เพิ่งสอบสวนไป รู้สึกเริ่มหนาวสันหลังแล้ว ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าทำไมผู้บัญชาการใหญ่ถึงเกรงใจผู้หญิงคนนี้ขนาดนี้

อวิ๋นจือชิวสีหน้าสุขุมสงบนิ่ง ตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ข้ากับแม่ทัพภาคหนิวรู้จักกันผิวเผินจริงๆ แม่ทัพภาคหนิวจะต่อว่าผู้บัญชาการใหญ่เพราะข้าได้ยังไงล่ะ”

ใครจะคิดว่าพอเพิ่งจะพูดคำนี้จบ ด้านนอกก็มีเสียงตะโกนอันเกรี้ยวกราดดุจสายฟ้าฟาดดังมา “หนิวโหย่วเต๋อ แม่ทัพภาคกองมังกรดำของทัพเป่ยโต้ว หน่วยองครักษ์เจิ้นอี่นำกำลังพลมาที่นี่แล้ว รีบเปิดประตู!”

…………………………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา!

เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’

เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น

เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง

ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง!

หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน

แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น

ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด

ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท