ตอนที่ 165 เฟิงเทียนอวี้กระอักเลือด (4)
พวกเขาคิดมาโดยตลอดว่าเยียนเอ๋อร์ตายเพราะคลอดยาก ตอนนี้เพิ่งได้รู้ว่า น้องสาวของเขา น้องสาวที่เขาและตระกูลน่าหลานทะนุถนอมมานานหลายปี ถูกคนชั่วทำร้าย!
น่าหลานฉางเฉียนหน้าซีดขาว ราวกับมีความเจ็บปวดไม่มีที่สิ้นสุดแพร่กระจายออกมา เจ็บจนแม้แต่หายใจยังลำบาก
“เหตุใดข้าจึงไม่พูด ก็เพราะว่าตอนนั้นก่อนที่พวกเจ้าจะกลับมา ข้าได้สืบพบบางอย่าง ตอนนั้นเจ้าอายุยังน้อยโมโหง่าย ชิงเอ๋อร์ก็เพิ่งเกิด ข้าไม่อยากให้…เรื่องนี้เกี่ยวพันไปถึงจวนแม่ทัพและชิงเอ๋อร์”
ความเจ็บปวดทั้งหมด เขารับมันเอาไว้คนเดียว
ความรับผิดชอบทั้งหมด เขาก็เป็นคนแบกเอาไว้เอง
เขาไม่ยอมให้ คนที่เยียนเอ๋อร์รักทุกคนต้องถูกทำร้ายแม้เศษเสี้ยว
ในฐานะฮ่องเต้ เขาสามารถอดกลั้นไว้ได้ แต่ฉางเฉียนไม่แน่ว่าจะทำได้
ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป จะต้องลุกลามไปถึงจวนแม่ทัพ และยังเกี่ยวพันไปถึงชิงเอ๋อร์ในวัยเด็ก…
เขาเสียเยียนเอ๋อร์ไปแล้ว จะเสี่ยงเสียลูกสาวไปอีกไม่ได้!
“คนพวกนั้น…ทำให้พระองค์หวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้…” หมัดของน่าหลานฉางเฉียนกำแน่นขึ้นเรื่อยๆ “พวกมัน…คือคนของตระกูลที่มีอิทธิพลใช่หรือไม่?”
เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของน่าหลานฉางเฉียน เฟิงเทียนอวี้ใช้ความเงียบตอบรับ
เขาเงียบไปสักพัก แล้วเอ่ยขึ้น “แต่ว่ามันเป็นใคร ข้าสืบมาหลายปีก็ยังสืบไม่ได้ ฉางเฉียน แม่ทัพเฒ่าอายุมากแล้ว ไม่ควรทำงานหนักอีก ที่ข้าพูดทั้งหมดในวันนี้ เจ้าอย่าให้แม่ทัพเฒ่ารู้เป็นอันขาด”
ใจน่าหลานฉางเฉียนสั่นสะท้าน จู่ๆ เขาก็ได้รู้ว่าน้องสาวถูกคนทำร้ายจนตายรู้สึกเหมือนรับไม่ไหว ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ท่านพ่อที่ทั้งรักและทะนุถนอมน้องสาวมาตั้งแต่น้อย
เขาจิตนาการไม่ออกเลยว่า หากเรื่องนี้ถูกท่านพ่อรู้เข้า ท่านพ่อ…จะเป็นอย่างไร?
“ฝ่าบาทเหตุใดตอนนี้จึงบอกเรื่องพวกนี้กับกระหม่อม?”
“เพราะว่า…” เฟิงเทียนอวี้ยิ้มขมอย่างทำอะไรมิได้ “ข้าต้องการให้เจ้าสนับสนุนชิงเอ๋อร์ และความจริงเรื่องการตายของเยียนเอ๋อร์ ไม่ช้าก็เร็วชิงเอ๋อร์ก็ต้องรู้ ไม่สู้ให้นางรู้จากปากข้าดีกว่า”
หลายวันมานี้ เขาดื่มยาวิเศษที่ชิงเอ๋อร์นำมาให้ ร่างกายดีขึ้นไม่น้อย แต่วันนี้ต้องถูกเหล่าขุนนางพวกนั้นทำให้โมโห จนเกือบจะทนไม่ไหว…
เขากลัวว่าหากวันไหนตัวเขาถูกทำให้โมโหจนจากไปกะทันหัน แล้วชิงเอ๋อร์จะไม่ทันเตรียมตัว
บวกกับท่าทีของเฟิงหรูชิงในวันนี้ ท้ายที่สุดแล้วเฟิงเทียนอวี้ก็ตัดสินใจ สารภาพทั้งหมดกับนาง
“เสด็จพ่อ” เฟิงหรูชิงจับมือเฟิงเทียนอวี้แน่น “อาการป่วยของพระองค์หม่อมฉันจะต้องรักษาหายได้แน่ แต่ว่า ตัวพระองค์เองห้ามคิดถึงการตายเด็ดขาด! ไม่เช่นนั้น ด้วยนิสัยของท่านแม่แล้ว หากนางรู้ว่าท่านต้องการตาย แม้จะไปเจอกันที่สะพานไน่เหอนางก็จะไม่สนใจพระองค์!”
เฟิงเทียนอวี้ตกตะลึง เด็กคนนี้…รู้ได้อย่างไรว่าเขาไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้ว
แต่เขาไม่รู้เลยว่าหลายปีมานี้ เขาทนอยู่มาได้อย่างไร
โลกที่ไม่มีเยียนเอ๋อร์ มันจะมีความหมายอะไร?
“ได้” เฟิงเทียนอวี้ยิ้มบางเบา นิ้วของเขาลูบเส้นผมสลวยของสาวน้อย เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พ่อจะไม่คิดอยากตาย”
เฟิงหรูชิงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “จริงนะเพคะ พระองค์ไม่ได้หลอกหม่อมฉัน?”
“พ่อเป็นฮ่องเต้ของแคว้นหลิวอวิ๋น ย่อมรักษาคำพูด ไม่เล่นคำแน่นอน”
แววตาชายหนุ่มแฝงด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงของเขาเบาล่องลอย ราวกับมีลมหายใจแต่ไร้เรี่ยวแรง
“เสด็จพ่อ หม่อมฉันจะเชื่อพระองค์สักครั้ง” เฟิงหรูชิงพยุงเฟิงเทียนอวี้ลุกขึ้นยืน แววตามุ่งมั่น ไร้ข้อกังขา “แต่ว่า หากวันใด พระองค์อยากตายจริงๆ ต่อให้หม่อมฉันต้องไปวังยมบาล บุกไปที่สะพานไน่เหอ หม่อมฉันก็จะไปดึงพระองค์ออกมาให้ได้”
…………………………………..
ตอนที่ 166 หมาป่าจรจัด?
หม่อมฉันไม่ยอมให้พระองค์ตาย เช่นนั้นพระองค์ก็ห้ามตาย!
“ท่านลุง” เฟิงหรูชิงหันไปมองน่าหลานฉางเฉียน “ข้าขอพยุงเสด็จพ่อไปพักก่อน”
ตอนนี้ในใจนางมีแต่เรื่องอาการป่วยของเฟิงเทียนอวี้ ไม่อยากอยู่ที่วังหลวงนานนักต้องรีบกลับไปปรึกษากับฝูเฉินว่าจะรักษาเขาอย่างไรดี
คิดถึงฝูเฉิน…
ต้องบอกว่า ลูกคนนี้รู้จักไว้ไม่มีขาดทุนจริงๆ
เขาไม่ใช่แค่มีของล้ำค่ามากมายยังมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด โลกใบนี้ไม่มีปัญหาอะไรที่เขาแก้ไม่ได้
…
หลังจากเฟิงหรูชิงให้เหล่าสัตว์วิเศษออกไปจากตำหนักกระดิ่งทอง เหล่าสัตว์วิเศษก็เดินเที่ยวเล่นไปทั่วทั้งวังหลวง
สัตว์วิเศษเหล่านี้ล้วนมีสัญชาติญาณสัตว์ป่าอยู่เต็มตัว ถังจือไม่สามารถจัดการพวกมันได้ และยังเห็นว่าสัตว์วิเศษไม่มีท่าทีจะทำร้ายใครก็เลยปล่อยพวกมันเลยตามเลย…
เวลานี้ภายในวังหลวง หมาป่าสีขาวกำลังใช้สายตาหยิ่งผยองมองดูนางกำนัลที่แอบอยู่ข้างๆ โพรงจมูกของมันส่งเสียงหายใจออกแรงเป็นเชิงดูหมิ่น หึ!
ดูเหมือนว่าหลังจากนี้ว่างๆ มันคงต้องมาที่นี่บ่อยเสียหน่อย ให้พวกมนุษย์ตัวเล็กคำนับอยู่ใต้อุ้งเท้ามัน!
“ท่านพี่ หมาป่าตัวนั้นดูองอาจนัก เหตุใดในวังหลวงจึงมีหมาป่าได้? ท่านพี่ให้ข้าเอามันไปได้หรือไม่? ข้ายังขาดพาหนะไว้ขี่พอดี”
อยู่ๆ ก็มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นขัดจากด้านข้างอย่างไม่ดูตาม้าตาเรือ
เสียงอ่อนๆ นั่นฟังดูอายุยังน้อย แต่เย่อหยิ่งเสียจนหมาป่าสีขาวทนไม่ไหวหยุดฝีเท้าลง
มันหันกลับไปมองทั่วทุกทิศ หาอยู่นานก็เห็นว่ามีเพียงมันอยู่เพียงตัวเดียวที่เป็นหมาป่า ไม่มีหมาป่าตัวอื่นอยู่เลย
หรือว่า…หมาป่าที่เขาพูดถึง…ก็คือมัน?
คิดได้ดังนั้นหมาป่าสีขาวก็ทนไม่ไหวเงยหน้าขึ้นมองไปยังด้านหน้า ไม่ไกลออกไปนักมีหญิงสาวยืนอยู่กับเด็กชายอายุราวๆ สิบกว่าปี
หญิงสาวปัดแก้มแดงราวกับหยกชิ้นงาม ใบหน้าของนางในชุดกระโปรงสีชมพูยิ่งดูน่ารักน่าชัง คิ้วตาโค้งแฝงด้วยรอยยิ้มหวาน มองดูสะอาดบริสุทธิ์และงดงาม
เด็กชายหน้าตานับว่าหมดจด แต่ดวงตาของเขามีความโลภอยู่ภายในเป็นที่น่ารังเกียจนัก
เพียงแต่…หลังจากได้เห็นหมาป่าสีขาวที่เดินด้วยท่าทางองอาจแล้ว รอยยิ้มบนในหน้าหญิงสาวก็หายไปพลัน กลับกลายเป็นแข็งทื่อ
“นั่นมัน…สัตว์วิเศษของเฟิงหรูชิง?”
พูดไปแล้วหมาป่าสีขาวตัวนี้นางเป็นคนยกให้เฟิงหรูชิงเอง เดิมคิดว่าจะทำให้เฟิงหรูชิงต้องเสียใจ คิดไม่ถึง หมาป่าสีขาวกลับยอมรับเฟิงหรูชิงเป็นนายจริงๆ
“ท่านพี่” หลิวอวี่ไม่ได้ยินที่เฟิงหรูซวงพูด ดึงชายเสื้อเฟิงหรูซวง “ข้าอยากได้สัตว์วิเศษตัวนั้น ท่านพี่ยกมันให้ข้าได้หรือไม่?”
ครั้งนี้หลิวอวี่ชี้นิ้วไปที่หมาป่าสีขาวโดยตรง แล้วเอ่ยคำพูดเหล่านั้นออกมา หมาป่าสีขาวเข้าใจความหมายในทันที พาหนะที่มนุษย์นี่พูดถึง…ก็คือมัน?
ทันใดนั้นหมาป่าสีขาวส่งเสียงแสดงความเกรี้ยวกราด มีแววตาฉายแววดุร้ายจ้องมองสองคนตรงหน้าอย่างโหดเหี้ยม ในหัวของมันกำลังขบคิด หากมันกินสองคนนี้เข้าไป…นายท่านจะลดเทียนหลิงกั่วของมันหรือไม่? หลังจากที่…มันกินมนุษย์เข้าไปแล้วจะไม่รักมัน ไล่มันออกจากบ้านกลายเป็นหมาป่าจรจัดหรือเปล่า?
เพราะ…หากมีคนกินเนื้อหมาป่าต่อหน้ามัน มันจะต้องโกรธมากแน่ นายท่าน…คงจะไม่ชอบให้มันกินคนหลอกกระมัง?
…………………
Related