ตอนที่ 167 ผู้นำตระกูลหลิว (1)
หมีปฐพีชำเลืองมองหลิวอวี่ที่เย่อหยิ่ง แล้วหันไปคำรามเสียงต่ำใส่หมาป่าสีขาวข้างกาย
“โห่ว!”
พ่อบ้านหมาป่า ท่านรู้จักเจ้าสองคนตรงหน้านี้หรือ?
“เอ๋าว์”
ข้าเคยเจอผู้หญิงคนนั้นที่โรงค้าสัตว์วิเศษดูเหมือนว่า…นางกับโรงค้าสัตว์วิเศษน่ารังเกียจนั่นจะเป็นพวกเดียวกัน?
“โห่ว”
พ่อบ้านหมาป่า อย่างนั้นพวกเรากินพวกมันได้หรือไม่? พวกเรามีกันตั้งเยอะ ไม่กลัวมนุษย์แค่สองคนหรอก
“เอ๋าว์”
ไม่ได้ ไม่ได้ พวกมันเป็นประเภทเดียวกับนายท่าน พวกเราจะกินคนไม่ได้ ไม่เช่นนั้นนายท่านจะเข้าใจพวกเราผิดแล้วไม่ให้เทียนหลิงกั่วจะทำอย่างไรกัน?
“โห่ว”
แต่มนุษย์นั่นอยากจะจับท่านไป เป็นเพราะถูกใจเทียนหลิงกั่วที่ท่านแอบเก็บเอาไว้ก็เลยอยากจะแย่งชิงไปใช่หรือไม่?
หมาป่าสีขาวจากเดิมไม่ได้สนใจใยดีอะไรนัก แต่พอได้ยินที่เจ้าหมีปฐพีพูดก็โมโหจนขนลุกตั้ง
กล้ามาแย่งเทียนหลิงกั่วของข้าพ่อบ้านหมาป่าผู้สง่างามหรือ?
รนหาที่ตายนัก!
…
เฟิงหรูซวงตาโตอ้าปากค้างมองหมาป่ากับหมีคำรามใส่กันไปมา รู้สึกเหมือน…พวกมันกำลังสื่อสารกัน?
สื่อสารกันเพียงไม่นาน สายตาดูหมิ่นของหมาป่าสีขาวที่มองมาทางนางในตอนแรกก็เปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราด
ราวกับว่า…นางแย่งเอาคู่ครองของมันมา
แต่สำหรับหมาป่าสีขาวแล้ว เทียนหลิงกั่วสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของหมาป่าของมันเสียอีก!
นายท่านตระหนี่ขนาดนั้น หลังจากมันขึ้นเป็นพ่อบ้าน ทุกวันก็ให้เทียนหลิงกั่วมันแค่สองผล ไม่ง่ายเลยกว่ามันจะเหลือเก็บไว้ได้น้อยนิด กะว่าครั้งหน้าหากทำผิดโดยไม่ทันระวังจะได้ไม่ต้องอดอาหาร
ผลสุดท้ายเจ้ามนุษย์น่ารังเกียจนี่คิดจะจับมันไปเป็นพาหนะก็ช่างมันแล้วนะ แต่นี่กลับคิดจะแตะต้องเทียนหลิงกั่ว!
“ก็แค่หมาป่าสีขาวตัวเดียว”
ไม่รอให้เฟิงหรูซวงได้อ้าปาก เสียงหัวเราะก็ดังมาจากด้านข้าง ภายในน้ำเสียงแฝงด้วยความเย่อหยิ่ง “ในเมื่ออวี่เอ๋อร์ชอบ องค์หญิงรอง ท่านก็ยกหมาป่าสีขาวนี่ให้อวี่เอ๋อร์สิ”
สีหน้าเฟิงหรูซวงแข็งกระด้าง นางหันกลับไปเผชิญหน้ากับหญิงสูงศักดิ์ที่ด้านหลัง
ใบหน้าหญิงสูงศักดิ์มีรอยยิ้มบางๆ ดูมีสง่าราศี สวมชุดผ้าไหมชั้นดีส่งเสริมให้นางดูสูงศักดิ์ขึ้นไปอีก
“ท่านมาได้อย่างไร?” เฟิงหรูซวงขมวดคิ้วเล็กน้อย
ตรงหน้านางคือน้าสะใภ้ของนางและเป็นยังแม่ของหลิวอวี่ หลิวซื่อ
เดิมทีท่านแม่ไม่อยู่ในสายตาเสด็จพ่อแต่เพราะมีเฟิงหรูชิงเป็นที่พึ่งพิง หลิวซื่อคนนี้ก็คอยประจบสอพลอ
แต่ว่า…
ตอนนี้ท่านแม่ต้องอาญาจากเสด็จพ่อถึงตอนนี้ก็ยังถูกกักบริเวณอยู่ จำต้องอาศัยตระกูลหลิวจึงจะสามารถรักษาตำแหน่งกุ้ยเฟยเอาไว้ได้ เป็นเหตุให้หลิวซื่อกล้าวางท่าหยิ่งยโสเช่นนี้ต่อหน้านาง!
หรือนี่จะเป็น…เสือตกอับก็อาจถูกสุนัขรังแก?
ริมฝีปากของเฟิงหรูซวงประดับด้วยรอยยิ้มเย็น รอยยิ้มนั้นมีแต่การถากถาง
“หากข้าไม่มาคงไม่รู้ว่าองค์หญิงตระหนี่เช่นนี้ แม้แต่หมาป่าสีขาวตัวเดียวยังมิอาจยกให้อวี่เอ๋อร์ได้”
หลิวซื่อยิ้มเพียงเปลือกนอกกล่าวขึ้น
ตอนนี้หรงกุ้ยเฟยถูกกักบริเวณอยู่เห็นได้ชัดว่าเสียที่พักพิงไปแล้ว อีกทั้งหลายปีมานี้ตระกูลหลิวอาศัยอำนาจของหรงกุ้ยเฟยพัฒนาขึ้นจนใหญ่โต รอแค่ให้ท่านพ่อสำเร็จระดับหลิงอู่เท่านั้นใต้หล้านี้ก็ต้องตกเป็นของตระกูลหลิวของพวกนาง
หรงกุ้ยเฟยกับเฟิงหรูซวง…จะเท่าไหร่กันเชียว?
อย่าว่าแต่กุ้ยเฟยเลยตอนนี้ฝ่าบาทเองยังไม่กล้าทำอะไรพวกเขา
“ท่านแม่” หลิวอวี่พุ่งเข้าสู่อ้อมแขนของหลิวซื่อเอ่ยด้วยความน้อยใจ “ข้าอยากได้หมาป่าสีขาวตัวนั้นมาเป็นพาหนะของข้าแต่ท่านพี่ไม่ยอมให้! นางยังบอกอีกว่า ต่อให้นางต้องยกหมาป่าสีขาวตัวนั้นให้เฟิงหรูชิงก็จะไม่ยอมยกให้ข้า!”
สีหน้าเฟิงหรูซวงเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด “หลิวอวี่ เจ้าพูดเพ้อเจ้ออะไร?”
นางดีต่อหลิวอวี่เช่นนี้ หลิวอวี่ก็ยังใส่ร้ายนางอีกหรือ?
……………………………………….
ถ้าไม่ใช่ตระกูลหลิวมีหลิวอวี่เพียงคนเดียวที่เป็นผู้ชายและท่านแม่ชอบเขามาก นางไม่มีทางสนใจเขาเป็นอันขาด
“องค์หญิงรอง” สีหน้าหลิวซื่อซีดดูไม่ดีนัก “ท่านทำเช่นนี้มิละอายใจต่อตระกูลหลิวหรือ? มีของดีก็ไม่รู้จักกตัญญูต่อตระกูลหลิวยกให้เฟิงหรูชิงเสียหมด น่าเสียดายที่ไม่ว่าท่านจะเอาใจนางอย่างไรก็ไร้ความหมาย”
เดิมหลิวซื่อคิดว่าหมาป่าสีขาวเป็นของคนอื่นในวังเลี้ยงไว้ พอได้ยินคำพูดของหลิวอวี่ก็เข้าใจในทันที หมาป่าสีขาวตัวนี้…ต้องเป็นของเฟิงหรูซวงแน่
คิดไม่ถึงว่าเฟิงหรูซวงจะเป็นพวกหมาป่าตาขาว[1] ของดีเช่นนี้ยอมยกให้เฟิงหรูชิงได้แต่ไม่ยอมยกให้อวี่เอ๋อร์ของนาง
“ท่านน้าสะใภ้ ท่านอย่าให้มันมากเกินไปนัก ท่านไม่กลัวว่าข้าจะไปบอกท่านแม่หรือ?”
หน้าเฟิงหรูซวงแดงก่ำ เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธกล่าวขึ้น
หลิวซื่อหัวเราะเสียงเย็น “ท่านก็ไปบอกนางสิ ดูสิว่าหรงกุ้ยเฟยจะเข้าข้างท่านหรืออวี่เอ๋อร์”
ประโยคนี้ทำให้เฟิงหรูซวงรู้สึกท้อแท้หมดกำลังใจสิ้น
ปกติแล้วท่านแม่รักนางมากคิดถึงนางทุกเรื่อง แต่ว่า…เทียบกับหลิวอวี่แล้ว ท่านแม่ของนางจะยืนข้างหลิวอวี่เสมอ
แต่ว่า…
ไม่นานมานี้หลิวอวี่ถูกเฟิงหรูชิงตี หลิวซื่อเกรงว่าเฟิงหรูชิงจะตามราวีหลิวอวี่อีก จึงพาเขาไปหลบที่บ้านแม่ ทำให้ไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นวังหลวงภายในไม่กี่วันมานี้ ย่อมไม่รู้เรื่องเฟิงหรูชิงนำเอาสัตว์วิเศษกลับมาจนเกิดเป็นเรื่องอึกกระทึกครึกโครม
อีกอย่างหลิวซื่อและหลิวอวี่ล้วนก็มีระดับพลังต่ำ ยิ่งไม่รู้ว่าหมาป่าตัวนั้นกับหมีปฐพีล้วนเป็นสัตว์วิเศษระดับสามทั้งสิ้น…
เฟิงหรูซวงยิ้มเหยียด ดวงตาแฝงด้วยแววอาฆาต “ท่านอยากได้หมาป่าสีขาว เช่นนั้นท่านก็เอามันไปตอนนี้เลยสิ”
ถ้ามันยินยอม…
หลิวซื่อดีใจเป็นอย่างยิ่ง “อวี่เอ๋อร์ ไปแม่จะพาเจ้าไปจูงพาหนะตัวนี้เอง องค์หญิงรองมีรับสั่งแล้ว เจ้าหมาป่าสีขาวตัวนี้ไม่กล้าขัดขืนหรอก”
…
ไม่ไกลกันนักหมาป่าสีขาวกับหมีปฐพีหันมองหน้ากัน
คนพวกนี้เหตุใดอยู่ดีๆ จึงทะเลาะกันเองได้?
แต่ไม่ว่าคนพวกนี้จะทะเลาะกันเองอย่างไรพวกมันก็รู้ความจริงข้อหนึ่ง นั่นก็คือ…คนพวกนี้ไม่ใช่คนดีอะไรเลย!
“โห่ว”
มองเห็นหญิงสูงศักดิ์คนนั้นจูงมือเด็กชายเดินมาทางพวกมัน หมีปฐพีก็คำรามต่ำอีกครั้ง
พ่อบ้านหมาป่าพวกเราต้องลงมือหรือไม่?
“เอ๋าว์”
หรือไม่…พวกเราให้โอกาสพวกเขาสักครั้ง? หากพวกเขายังเข้ามาใกล้อีกก้าวค่อยตะปบพวกเขาให้ตายเป็นอย่างไร?
อย่างไรเสียขอแค่ไม่กินมนุษย์ นายท่านน่าจะ…ไม่ลงโทษพวกเขากระมัง?
หลิวซื่อก้าวเท้าเดินต่อไปข้างหน้าอีกก้าวได้สำเร็จ
หลิวอวี่ใช้น้ำเสียงเย่อหยิ่งหาใดเปรียบพูดขึ้น “ท่านแม่หมีตัวนั้นอ้วนเกินไปแล้ว เหมือนเฟิงหรูชิงเลย ข้าไม่ชอบอ้วนๆ ข้าชอบหมาป่าสีขาวตัวนั้น”
พวกอ้วนๆ น่ารังเกียจ ชีวิตเขาเกียจที่สุดก็พวกอ้วนๆ นี่แหละ!
“โห่ว!”
หมีปฐพีโมโหสุดขีด
เจ้าบอกว่าข้าโง่ ด่าว่าข้าปัญญาอ่อน ข้าทนได้หมด แต่เจ้าห้ามดูถูกเหยียดหยามว่าข้าอ้วน!
อ้วนแล้วไม่มีศักดิ์ศรีหรือ? อ้วนแล้วต้องถูกคนหัวเราะเยาะหรือ?
ข้าอ้วนแล้วมันอย่างไร? กินเนื้อบ้านเจ้าหรือ?
หมีปฐพีที่กำลังโมโหใช้กำปั้นทุบหน้าอกไม่หยุด จากนั้นก็ส่งเสียงคำรามกึกก้องออกจากปากของมัน
เสียงนั้นดังสนั่นแสดงถึงพละกำลังที่ไม่เกินคณานับ ทำให้หลิวอวี่และหลิวซื่อถอยหลังไปหลายก้าว
เสียงวิ้งดังขึ้นในหูของพวกเขาอื้ออึง เลือดสดๆ ไหลออกจากหูโดยไม่รู้ตัวตกตะลึงสติหลุดลอยอยู่นาน…
เฟิงหรูซวงก็อึ้งไปเช่นกัน นางเพียงแค่อยากจะสั่งสอนสองคนนั้นไม่ได้คิดอยากให้พวกเขาตายเสียหน่อย
………………………………………….
[1] หมาป่าตาขาว หมายถึงคนที่ลืมบุญคุณคน
Related