พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – บทที่ 1572 ข้าอยากจะเห็นว่าใครกล้า!

บทที่ 1572 ข้าอยากจะเห็นว่าใครกล้า!

ชี้แนะชัดเจนขนาดนี้ ถ้ายังเดาไม่ออกว่าเหมียวอี้คือใครก็แปลว่าโง่แล้ว กุยลั่วที่โดนขนาบอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนที่ทำสีหน้าเยาะเย้ยโกรธจนหน้าดำหน้าแดงแล้ว เขากำหมัดสองข้างแน่น ทั้งตัวราวกับใกล้จะระเบิดอารมณ์แล้ว

ประวัติของเขาไม่ธรรมดา พ่อของเขาคือลั่วหม่างจอมพลสายวอก เป็นลูกชายคนสุดท้องของลั่วหม่าง คนที่มีฐานะแบบนี้เคยโดนทำให้อับอายขนาดนี้เสียที่ไหนกัน

ทำไมถึงมองว่าเป็นความอับอายน่ะเหรอ? ก็ก่วงเม่ยเอ๋อร์หน้าตาเย้าย้วนไร้ที่เปรียบขนาดนี้ มีผู้ชายคนไหนบ้างที่ไม่อยากครอบครอง? กอปรกับฐานะของก่วงเม่ยเอ๋อร์ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีใครตามจีบ และคนที่มีคุณสมบัติจะตามจีบก่วงเม่ยเอ๋อร์ได้ อย่างน้อยภูมิหลังฐานะก็ต้องเป็นขุนนางที่ได้เข้าประชุมในราชสำนัก ถ้าคนทั่วไปกล้าคิดอะไรเพ้อเจ้อ ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะตายอย่างไร และเป็นเพราะฐานะภูมิหลังของก่วงเม่ยเอ๋อร์เช่นเดียวกัน ไม่มีใครกล้าใช้วิธีการแข็งกร้าวกับนางซี้ซั้ว

กุยลั่วย่อมเป็นหนึ่งในคนที่ตามจีบนาง บิดาของเขาคือลูกน้องคนสนิทของอ๋องสวรรค์ก่วง อนุญาตให้เขาตามจีบแล้วเช่นกัน ด้วยสาเหตุเดียวกัน ถึงแม้อ๋องสวรรค์ก่วงจะไม่ได้สนับสนุน แต่ก็ไม่ได้คัดค้านที่ลูกชายลั่วหม่างตามจีบลูกสาวตัวเอง ส่วนจะเต็มใจให้ลูกสาวแต่งงานกับลูกชายของลั่วหม่างจริงๆ หรือไม่นั้น ก็ไม่มีใครรู้ชัดเจน

ในบรรดาผู้ชายสิบกว่าคนนี้ ขอแค่เป็นผู้ชาย ก็เรียกได้ว่าไม่มีใครที่ไม่หวั่นไหวกับก่วงเม่ยเอ๋อร์เลย แต่หลังจากมีเรื่องดูตัวที่ตลาดสวรรค์ดาวจิ่วหวน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร บางทีทุกคนอาจจะรู้สึกถึงวิกฤตการณ์ รู้สึกว่าถ้าทุกคนจีบต่อไปแบบนี้ก็จะไม่มีใครได้ทั้งนั้น ดังนั้นไม่กี่วันก่อนงานเลี้ยงอุทยาน กลุ่มคนที่จีบก่วงเม่ยเอ๋อร์จึงมารวมตัวกันจับไม้สั้นไม้ยาว ถ้าใครจับไม้สั้นไม้ยาวได้ ก่วงเม่ยเอ๋อร์ก็จะเป็นของคนนั้น

แน่นอน ไม่ใช่ว่าการจับไม้สั้นไม้ยาวของพวกเขาจะสามารถตัดสินได้ว่าก่วงเม่ยเอ๋อร์จะแต่งงานกับใคร แต่ถ้าคนไหนจับไม้สั้นไม้ยาวได้ คนอื่นที่เหลือก็จะถอยออกจากกระบวนแถวการจีบนี้ จะร่วมมือกันช่วยให้คนที่จับไม้สั้นไม้ยาวได้จีบก่วงเม่ยเอ๋อร์ สรุปก็คือจะให้ตกอยู่ในมือคนนอกไม่ได้ จะให้คางคกมากินเนื้อหงส์ไม่ได้

กุยลั่วดวงดีอย่างไม่ต้องสงสัย เขาจับได้ไม้ที่สั้นที่สุด เป็นที่อิจฉาจของคนรอบข้าง เมื่อไม่มีคู่แข่งแล้ว ไม่ว่าจะเป็นความคิดของเขาเอง หรือจะเป็นแนวคิดของแวดวงสหาย ก็จะต้องทำให้ก่วงเม่ยเอ๋อร์กลายเป็นผู้หญิงของเขาให้ได้

หลายวันมานี้กุยลั่วดีใจแทบแย่ เอาแต่จินตนาการเพ้อเจ้อถึงภาพที่ก่วงเม่ยเอ๋อร์ผู้น่ารักออดอ้อนเปลื้องผ้าหาความสำราญอยู่ในอ้อมกอดตัวเอง

แต่ใครจะคิดล่ะ ว่าจู่ๆ ตรงหน้าก็มีตัวเห็บโผล่มาตัวหนึ่ง จะให้เขาทนความรู้สึกนี้ได้อย่างไร! สายตาที่เคียดแค้นจ้องเหมียวอี้ราวกับจะฉีกเนื้อทั้งเป็นแล้ว!

เหมียวอี้กำลังยืนถือทวนค้ำพื้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย พอเหลือบมองปฏิกิริยาของคนกลุ่มนี้ก็เข้าใจทันที เรื่องที่ตระกูลโค่วกำชับไว้ตอนแรกเกิดขึ้นแล้ว มีคนมาหาเรื่องถึงที่แล้ว

ผ่านปัญหาอุปสรรคมามากมายขนาดนั้น ถ้าแค่นี้ก็มองไม่ออกว่ามีเงื่อนงำ ที่ผ่านมาเขาก็ใช้ชีวิตโดยเปล่าประโยชน์แล้ว

แต่เขาก็สงบนิ่งมากจริงๆ ตั้งตารอดู ดูว่าคนกลุ่มนี้จะใจกล้าขนาดไหน

ก่วงเม่ยเอ๋อร์ถลึงตาจ้องอิ๋งฮุยที่ถือพัดกระพือไฟอย่างแค้นใจ เมื่อเห็นกุยลั่วกำหมัดเดินประชิดเข้ามาหาเหมียวอี้ นางก็รีบเบี่ยงตัวมาข้างหน้า มาขวางไว้ตรงหน้าเหมียวอี้ แล้วชี้กุยลั่วพร้อมตะคอกว่า “จะเป็นใครแล้วเกี่ยวอะไรกับเจ้าล่ะ? กุยลั่ว ข้าสั่งให้เจ้าหยุดอยู่ตรงนั้น เจ้าคิดจะทำอะไร?”

กุยลั่วขบเขี้ยวเคี้ยวฟันบอกว่า “เม่ยเอ๋อร์ เจ้าหลีกไป!”

ก่วงเม่ยเอ๋อร์ตะคอกทันที “เจ้านับเป็นตัวอะไร ถึงคราวที่เจ้าจะมายุ่งเรื่องของข้าแล้วเหรอ? ไสหัวไปเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”

ใช่ว่านางจะไม่รู้ว่ากุยลั่วชอบนาง แต่นางไม่ได้ชอบเขาเลย เม่ยเหนียงมารดาของนางก็ไม่ชอบเช่นกัน ตามที่มารดานางบอก กุยลั่วเป็นคนสมองทึบ อาศัยครอบครัวเพื่อประทังชีวิตรอความตายแท้ๆ เลย ตระกูลลั่วไม่มีทางเสียทรัพยากรจำนวนมากเพื่อผลักดันคนแบบนี้ให้ขึ้นตำแหน่งแน่นอน ต่อให้ผลักดันขึ้นมาได้แล้ว แต่ในไม่ช้าก็เร็วจะต้องโดนคู่ต่อสู้ดึงลงมา คุมสถานการณ์ไม่ไหวเลย ถ้าลูกสาวแต่งงานกับคนประเภทนี้ก็ไม่มีอนาคตเลยสักนิด แต่ท่านแม่ก็กำชับไว้แล้ว ว่าถึงอย่างไรบิดาของกุยลั่วก็เป็นลูกน้องคนสนิทของท่านพ่อ เจ้าจะชอบหรือไม่ชอบก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ภายนอกก็อย่าทำอะไรให้ดูแย่เกินไป

กุยลั่วถลึงตาอย่างโมโห “เม่ยเอ๋อร์ เจ้ากับมันคงไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ หรอกใช่มั้ย?”

ก่วงเม่ยเอ๋อร์ถูกคำถามนี้ทำให้อับอายแทบแย่ ระหว่างนางกับหนิวโหย่วเต๋อเกิดเรื่องที่ทำให้บอกใครไม่ได้จริงๆ นางกระทืบเท้าชี้ด่าว่า “พูดเหลวไหลอะไรของเจ้า ไสหัวไปเดี๋ยวนี้เลย!”

“ถ้าไม่มีอะไร เจ้าก็หลีกไป เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า!” กุยลั่วตะคอก

อิ๋งฮุยที่โบกพัดแสยะยิ้มมุมปาก แล้วก็ถือพัดโบกไปข้างหลัง ทำท่าส่งสัญญาณมือ

“เม่ยเอ๋อร์ ทุกคนเป็นสหายกันทั้งนั้น ทำไมถึงทะเลาะกันได้ล่ะ”

ด้านหลังมีผู้หญิงกลุ่มหนึ่งเดินออกมา แล้วกอดอยู่ข้างตัวก่วงเม่ยเอ๋อร์อย่างวุ่นวายไร้ระเบียบ ฉุดบ้างผลักบ้าง ควบคุมตัวก่วงเม่ยเอ๋อร์ไปเกลี้ยกล่อมด้านข้าง

“พวกเจ้า…พวกเจ้า…พวกเจ้าทำอะไร? พวกเจ้าปล่อยข้านะ!”

ก่วงเม่ยเอ๋อร์ที่ถูกกลุ่มสหายถ่วงไว้จนสลัดไม่หลุดร้องโวยวายเสียงดัง นางรู้ว่าถ้าตัวเองขัดขวางไม่ได้ ก็จะต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่นอน

กุยลั่วจ้องเหมียวอี้อย่างโมโห เมื่อไม่มีก่วงเม่ยเอ๋อร์ขวางแล้ว เห็นเหมียวอี้สงบนิ่งขนาดนี้ ในใจเขากลับตุ้มๆ ต่อมๆ อย่างไรเสียชื่อของคนก็เหมือนเงาของต้นไม้ ชื่อเสียงของหนิวโหย่วเต๋อก็เห็นๆ กันอยู่ เจ้าหมอนี่ไม่ใช่คนถือศีลกินเจ มีชื่อเสียงด้านความโหดร้ายที่ใช้กำลังสังการเข้าสังหารออกทัพใหญ่หนึ่งล้านถึงสองครั้ง

ถ้าจะให้กุยลั่วรังแกคนทั่วไปก็ยังพอไหว แต่เมื่อเจอกับขุนศึกที่ชื่อเสียงสะท้านใต้หล้าแบบเหมียวอี้ ทั้งยังมีชื่อเสียงว่ากล้าทำเรื่องทุกอย่าง กอปรกับมีตระกูลโค่วหนุนหลัง ทำให้เขาไม่มีความมั่นใจเลยจริงๆ ชั่วขณะนั้นทำให้เขาหาบันไดลงไม่ได้

เหมียวอี้มองข้ามกุยลั่ว แต่จ้องทุกการกระทำของอิ๋งฮุยที่อยู่ข้างหลัง เขามองออกแล้ว ว่าอิ๋งฮุยก็คือคนที่คอยยุงแยงกระพือเชื้อไฟ ทั้งยังแซ่อิ๋งด้วย เกรงว่าคงจะหนีไม่พ้นความเกี่ยวข้องกับตระกูลอิ๋ง

อิ๋งฮุยกับเหมียวอี้สบตากัน อิ๋งฮุ่ยไม่หลบหลีกเลยสักนิด กลับแสยะยิ้มมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเป็นยามปกติ เขาก็ไม่อยากจะไปหาเรื่องเหมียวอี้เช่นกัน แต่ครั้งนี้ต่างออกไปแล้ว เขาถูกคนเสนอแนะให้มา ทั้งยังมอบของวิเศษที่จะเอาชนะให้ด้วย เรียกได้ว่าไม่มีอะไรต้องกลัว

อิ๋งฮุยเก็บพัด แล้วเดินนำออกมาข้างหน้า นำกลุ่มผู้ชายมายืนอยู่ข้างๆ กุยลั่ว พวกผู้หญิงควบคุมก่วงเม่ยเอ๋อร์ไว้แล้ว

กุยลั่วมองซ้ายมองขวา เห็นพวกสหายเคียงข้างตัวเองแล้ว ชัดเจนว่าแสดงท่าทีที่จะรุกถอยร่วมกัน ในใจค่อนข้างซาบซึ้ง สงสัยทุกคนจะยอมรับผลการจับไม้สั้นไม้ยาวแล้ว

“มีคนประเภทหนึ่งที่เรียกว่าภายนอกร้ายกาจภายในขี้ขลาด ถ้าไม่กลัวอะไรเลยจริงๆ ก็คงแต่งงานกับแม่หม้ายเพื่อเกาะขาตระกูลตระกูลโค่วหรอก ถุย แบบนี้มันตัวอะไรกัน!” อิ๋งฮุยโบกพัดพลางถ่มน้ำลาย ไม่ต้องเอ่ยชื่อก็รู้แล้วว่าด่าใคร

“พี่ใหญ่หนิว!” ก่วงเม่ยเอ๋อร์ที่โดนกักตัวไว้ร้องเรียก

เดิมทีกุยลั่วก็ไม่มีความมั่นใจอยู่แล้ว พอได้ยินว่าก่วงเม่ยเอ๋อร์เป็นห่วงสนใจเหมียวอี้ขนาดนี้ บนใบหน้าก็เต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ เขาเดินประชิดเข้าไปหาเหมียวอี้ กลุ่มคนที่อยู่ทางซ้ายและขวาเดินตามเข้าไปเช่นกัน

ทหารยามที่เฝ้าอยู่ไกลๆ แต่ละคนมองมาทางนี้ แล้วก็เริ่มรวมตัวกันมาทางนี้ เหมียวอี้ยกมือส่งสัญญาณห้าม ทำให้คนพวกนั้นหยุดฝีเท้าอย่างงุนงง

เมื่อเห็นเหมียวอี้ไม่กล้าเรียกคน กุยลั่วก็ยิ่งแสดงพลังอำนาจยิ่งกว่าเดิม

เหมียวอี้ขยับร่างกาย เหาะไปเหยียบลงกลางที่นาด้านหลัง

คนกลุ่มนั้นตามไป เหยียบจนพืชในนาเละเทะทันที เหมียวอี้เหลือบมองใต้เท้าคนพวกนั้นโดยไม่พูดอะไร ได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหน

คนกลุ่มนั้นล้อมเหมียวอี้ไว้ตรงนั้นแล้ว กุยลั่วเผยสีหน้ายิ้มดุร้าย “ยังคิดจะหลบอีกเหรอ? เจ้าแซ่หนิว ความสามารถอันน้อยนิดของเจ้านะ โอ้อวดให้พวกข้างล่างเห็นยังพอไว้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าข้าก็ไม่นับเป็นอะไรทั้งนั้น ยังกล้ามาแย่งผู้หญิงกับข้าอีกเหรอ เจ้าบอกมาซิว่าเรื่องวันนี้จะจัดการยังไง?”

“พี่ใหญ่หนิว รีบหนีไปค่ะ!” ก่วงเม่ยเอ๋อร์ร้องตะโกนอย่างร้อนใจอีกครั้ง

ทวนในมือเหมียวอี้พลันชูขึ้นฟ้า

พรึ่บๆ! แม่ทัพใหญ่เกราะแดงสามคนแฉลบเข้ามา คนที่นำหน้ามาก็คือเวินเจ๋อ เวินเจ๋อตะคอกถามเสียงต่ำว่า “พวกเจ้าคิดจะทำอะไร?”

อิ๋งฮุยอึ้งไปชั่วขณะ นึกไม่ถึงว่าแถวนี้จะมีแม่ทัพใหญ่วังสวรรค์ซุ่มอยู่ ด้วยความสามารถอย่างพวกเขาสู้ไม่ไหวเลย จึงแอบร้องว่าแย่แล้ว รู้ว่าวันนี้เล่นต่อไปไม่ไหวแล้ว

อิ๋งฮุยจ้องเหมียวอี้อย่างเย็นเยียบ นึกไม่ถึงว่าหนิวโหย่วเต๋อจะเตรียมตัวไว้นานแล้ว จึงตบบ่ากุยลั่วแล้วบอกว่า “ช่างเถอะ! ถึงยังไงที่นี่ก็คืออุทยานหลวง ถ้าก่อเรื่องใหญ่โตคงไม่ดี เดี๋ยวตอนหลังค่อยคิดบัญชี”

กุยลั่วเห็นยอดฝีมือพลังอิทธิฤทธิ์อนันตภาพ ก็รู้เช่นกันว่าถ้าก่อเรื่องต่อไปจะเสียเปรียบ จึงทำเสียงฮึดฮัดใส่เหมียวอี้ แล้วหันหน้าไป “ไป!”

ใครจะคิดว่าเหมียวอี้ที่เงียบมาตลอดกลับเอ่ยขึ้นในเวลานี้ กล่าวอย่างเย็นเยียบว่า “ทั้งหมดหยุดอยู่กับที่!”

กลุ่มคนที่เพิ่งหันตัวไปทยอยกันหันกลับมา อิ๋งฮุยแสยะยิ้มถามว่า “ทำไมล่ะ? จะให้พวกเราอยู่กินข้าวด้วยกันเหรอ?”

เวินเจ๋อขมวดคิ้ว บอกเหมียวอี้เช่นกันว่า “น้องชาย ช่างเถอะ”

“ข้าเองก็อยากจะปล่อยไปเหมือนกัน” เหมียวอี้บุ้ยปากไปตรงใต้เท้าของคนกลุ่มนั้น “พืชพรรณที่สนมในวังปลูกไว้โดนพวกเขาเหยียบย่ำหมดแล้ว ถ้าปล่อยพวกเขาไปแบบนี้ ถ้าต่อไปมีคนเอาเรื่องนี้มาหาเรื่องจะทำยังไง คนที่เฝ้าที่นี่อย่างข้าจะแก้ตัวไม่ได้น่ะสิ ต้องให้คำอธิบายกันสักหน่อยสิ”

พวกอิ๋งฮุยมองไปที่ใต้เท้า ทำให้ทุกคนอึ้งทันที

เหมียวอี้ตะคอกในทันทีว่า “ทหาร!”

ทีแรกกำลังพลกองมังกรดำที่รวมตัวกันอยู่ไกลงงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็มองข้ามว่าเหมียวอี้เป็นแค่ทหารเลวหนึ่งแถบคนหนึ่ง ทยอยกันเหาะมาตามคำสั่งแล้ว

เหมียวอี้บุ้ยปากบอกว่า “คนพวกนี้ไม่เห็นพืชของเหล่าสนมอยู่ในสายตา บังอาจทำลายตามอำเภอใจ แต่ถ้าเบื้องบนมาเอาเรื่อง พวกเราก็จะแก้ตัวไม่ได้แล้ว จับตัวไปลงโทษให้หมด!”

เวินเจ๋อเอามือเกาหัว คิดในใจว่าไม่จำเป็นหรอก ต่อให้จับคนพวกนี้ไปแล้ว อย่างมากก็แค่โดนด่า ตอนหลังก็จะไม่เป็นอะไรเลย กลับเป็นหนิวโหย่วเต๋อที่จะดูเป็นคนเลวร้าย

“ข้าอยากจะเห็นว่าใครกล้า! สนมสวรรค์…” อิ๋งฮุยหันตัวมาตะคอกอย่าเกรี้ยวกราด ยังไม่ทันพูดจบ เขาก็กระอักเลือดแล้ว ดวงตาสองข้างแทบจะถลนออกมา ที่มุมปากมีเลือดทะลัก

ซวบ! เหมียวอี้พลันแทงทวนออกมา แทงท้ายทอยเขาด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบ

เหมียวอี้แทงทวนออกไป แล้วก็ดึงออกมาอีก ทั้งตัวพุ่งเข้าไปในกลุ่มคน ชั่วพริบตาเดียวก็ออกทวนราวกับมังกร มีเลือดสาดกระจายหลายดอก “อา…” เสียงกรีดร้องดังต่อเนื่อง ราวกับเสือเข้าไปในฝูงแกะ ชั่วพริบตาเดียวก็สังหารคนที่กำลังฉุกละหุกไปสิบกว่าคน

กุยลั่วโชคดี อยู่ใกล้เหมียวอี้ขนาดนี้ แต่เหมียวอี้กลับไม่ฆ่าเขา แต่เตะเขาจนกระอักเลือดแล้วกระเด็นออกไป

คนที่เหลือตกใจจนขวัญกระเจิง หนีกระเจิดกระเจิงแล้ว พวกเวินเจ๋อที่ยืนอยู่ไม่ไกลตะลึงค้าง

“อ๊า…” พวกผู้หญิงที่หัวเราะคิกคักอยู่รอบๆ ก่วงเม่ยเอ๋อร์หน้าเขียวหมดแล้ว ตกใจจนหนีขึ้นไปหมดแล้ว

เหมียวอี้ถลันออกมา ใช้เท้าเหยียบกุยลั่วที่กำลังจะลุกขึ้นกลับลงดินไป แล้วปักทวนเงินลงตรงหน้าศีรษะที่แนบพื้นดิน ทำให้เขาตกใจจนตาแทบถนนออกมา ตกใจจนไม่กล้าขยับตัวซี้ซั้ว มองดูเพื่อนตัวเองชักกระตุกเลือดทะลักออกปากอยู่ไกลๆ

พอปักทวนลงพื้นแล้ว เหมียวอี้ก็คว้าธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์มาไว้ในมือ เกิดเสียงดังปั้งๆ ลูกธนูดาวตกสองลูกถูกยิงออกไปพร้อมกัน “อ๊า…อ๊า…” ผู้หญิงสองคนที่อยู่บนฟ้าส่งสียงร้อง พวกนางร่วงลงจากฟ้า ยิ่งทำให้คนที่กำลังหลบหนีขวัญหนีดีฝ่อ

ลูกธนูดาวตกดอกที่สามกำลังจะยิงออกไป เวินเจ๋อที่ได้สติรีบถลันตัวเข้ามา คว้าข้อมือของเหมียวอี้เอาไว้ ไม่ให้เขาทำซี้ซั้วอีก

…………………………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา!

เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’

เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น

เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง

ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง!

หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน

แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น

ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด

ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท