บทที่ 116
การเยียวยา
ลั่วอู๋หยิบมีดสั้นที่ลงตราธาตุไม้อันน่าหลงใหลออกมา
หมอกสีเขียวที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณไหลเข้าสู่ร่างกายของเฒ่าเฉินอย่างช้าๆลมหายใจของเฒ่าเฉินเริ่มทรงตัวขึ้นมาเล็กน้อย แต่อาการบาดเจ็บในร่างกายก็ยังคงทรุดโทรมอยู่
ครู่ต่อมาเครื่องหมายสีตราธาตุสีเขียวบนกริชก็กะพริบและจางหายไป
พลังของมันกำลังจะหมดลง
ลมหายใจของเฒ่าเฉินยังคงตกลงอย่างต่อเนื่อง
ลั่วอู๋เลิกคิ้วและรู้สึกว่ามันยุ่งยากเล็กน้อย อาการบาดเจ็บนี้มันหนักเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นระดับแก่นวิญญาณของเฒ่าเฉินนั้นสูงเกินไป เทียบกับระดับพลังวิญญาณของกริชแล้วมันต่ำเกินไปที่จะรักษาแก่นวิญญาณของเขาได้
“เป็นอย่างไรบ้าง?” เจิ้งเว่ยถามอย่างระมัดระวัง
ลั่วอู๋คิดอยู่ครู่หนึ่ง “เจ้ามีสัตว์วิญญาณระดับทองที่มีพลังวิญญาณเป็นธาตุไม้รึเปล่า?”
สองพี่น้องเจิ้งซี เจิ้งเว่ยมองหน้ากันแล้วส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
ลั่วอู๋ปวดหัว มันลำบากจริงๆ อาวุธของเขาถูกลงตราด้วยพลังของสัตว์วิญญาณระดับเงิน หากเขาใช้สัตว์วิญญาณระดับทอง เขาอาจมีโอกาสที่จะรักษาอาการบาดเจ็บของเฉินได้
ถ้าเขารู้ว่าจะมาเจอเรื่องแบบนี้ เขาคงจะไม่ทิ้งตั๊กแตนขู่เชิงทั้งหมดไว้ที่ศาลาไป่หยู่
ตอนนี้ก็คงสายเกินไปแล้วที่จะหามันมา
หากพวกเขาไม่รู้ว่าจะไปเอาสัตว์วิญญาณธาตุไม้ระดับทองมาจากที่ไหน อาการบาดเจ็บของเฒ่าเฉินก็คงจะเกินเยียวยาและเขาก็คงอยู่ได้อีกไม่นาน
“เจ้ามีหนูหาวิญญาณและตั๊กแตนวายุรึเปล่า” ลั่วอู๋ถาม ด้วยที่ว่ามันคือความหวังสุดท้าย
เจิ้งซีรู้สึกสับสน
สิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไรกับอาการบาดเจ็บของผู้เฒ่าเฉิน
ลั่วอู๋ปวดหัว “ไม่มีงั้นเหรอ แย่ล่ะ”
“ข้ามี” ในกลุ่มทหารของเจิ้งซี มีชายคนหนึ่งยกมือขึ้นอย่างเงียบ ๆ
“ข้ามีสัตว์วิญญาณทั้งสองแบบนี้”
หลังจากนั้นชายคนนั้นก็ปล่อยหนูหาวิญญาณและตั๊กแตนวายุออกจากแหวนสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์
“ มีอีกไหม” ลั่วอู๋ถาม
ชายคนนั้นส่ายหัว “มีเพียงตัวเดียวเท่านั้นหนูหาวิญญาณข้าใช้เพื่อค้นหาแร่ และข้าเก็บตั๊กแตนวายุไว้เพื่อความสนุกสนานยามว่าง”
“ ดูเหมือนมันจะขึ้นอยู่กับโชคของเจ้าแล้ว” ลั่วอู๋กระซิบ
ความเป็นไปได้ที่การสังเคราะห์ตั๊กแตนขู่เชิง ไม่ใช่ความสำเร็จ 100%
ภายใต้การจ้องมองที่สับสนของผู้คน ลั่วอู๋วางหนูหาวิญญาณและตั๊กแตนวายุลงในไหปีศาจ
“สังเคราะห์”
ลั่วอู๋ใส่สัตว์วิญญาณสองตัวลงในส่วนต่อประสานการสังเคราะห์
[ได้รับ ตั๊กแตนขู่เชิงสัตว์วิญญาณระดับทอง, แต้มเซียน + 40]
ประสบความสำเร็จ!
ดูเหมือนว่าชะตาของคุณเฉินจะยังไม่ขาด
ลั่วอู๋รีบไปที่แท่นลงตราของคลังอาวุธ เพื่อสกัดเอาพลังวิญญาณธาตุดั้งเดิมของตั๊กแตนขู่เชิง จากนั้นแนบแก่นพลังวิญญาณลงตราเข้ากับมีดสั้น
มีดสั้นแตกในทันทีและระเบิดออกเป็นชิ้น ๆ
แต่พลังดั้งเดิมธาตุไม้ของตั๊กแตนขู่เชิง ยังคงอยู่ในอากาศและไม่ได้สลายไป
ดวงตาของลั่วอู๋เบิกกว้าง
มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง?
เป็นเพราะคุณภาพของมีดสั้นไม่ดีพอ?
มันเลยไม่สามารถทนรับการลงตราธาตุพลังวิญญาณระดับทองได้งั้นเหรอ?
“ไม่ข้าต้องหาอาวุธที่ดีกว่านี้ไม่งั้นแก่นวิญญาณของตั๊กแตนขู่เชิงจะหายไป” ลั่วอู๋กระวนกระวายเล็กน้อย
จากนั้นเขาก็จ้องมองไปที่โล่ของเขา
“โล่คริสทัลที่เสริมแกร่งแล้วน่าจะใช้ได้”
ลั่วอู๋เลือกที่จะลงตราธาตุใส่โล่ของเขา
พลังวิญญาณระเบิดออกมาเป็นแสงสีเขียวเข้ม มันเริ่มซึมเข้าไปในคลังแสงทั้งหมด ลั่วอู๋รู้สึกว่ามันช่างน่าตื่นตา
“ แต่มันค่อนข้างน่ากลัวเหมือนกันแฮะ”
ดวงตาของลั่วอู๋มองตรงไปยังโล่คริสทัลของเขาเอง พื้นผิวโล่ที่ใสเหมือนคริสทัลนั้นเต็มไปด้วยสีเขียวและมีแถบบาง ๆ ที่บิดเบี้ยวแบบเดียวกับกิ่งไม้ที่เติบโตผิดปกติ
มันส่งพลังงานชีวิตที่ทำให้มึนเมาได้ออกมา
“ เยี่ยมไปเลย … ” ลั่วอู๋พึมพำกับตัวเอง
เขายังพบว่าดูเหมือนจะมีช่องว่างบนโล่ เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ขีดจำกัดของโล่ชิ้นนี้ บางทีโล่นี้น่าจะสามารถลงตราต่อไปได้
หนึ่งอาวุธแต่มีสองตราธาตุงั้นเหรอ?
หัวใจของลั่วอู๋กระโจนโลดเต้น
ถ้าทำได้นี่มันผิดกับหลักการที่ผ่านมาเลยจริงๆ
แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาค้นคว้าเพิ่มเติม มิฉะนั้นเกรงว่าคุณเฉินจะไม่สามารถต้านทานพิษของบาดแผลได้
ลั่วอู๋ออกจากมิติไห
ในสายตาของคนภายนอกลั่วอู๋เพียงแค่หลับตาและไตร่ตรองสักครู่ จากนั้นก็ลืมตาขึ้น
ลั่วอู๋หยิบโล่คริสทัลที่ลงตราวิญญาณธาตุไม้ของตัวเองออกมา พลังชีวิตที่เอ่อล้นทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจและประหลาดใจอย่างมาก
“นี่มันโล่อะไรกันเนี่ย” เจิ้งซีเห็นได้ถึงความหายากของโล่
“ ถ้าเจ้ายังถามเรื่องไร้สาระมากกว่านี้ คนของเจ้าคงจะตายก่อน” ลั่วอู๋พูด
เจิ้งซีหุบปากในทันที
ผู้คนในศาลาไป่หยู่ เองก็ประหลาดใจเช่นกัน พวกเขาเคยเห็นลั่วอู๋ใช้โล่คริสทัลที่เสริมพลังแล้ว แต่พวกเขาไม่เคยเห็นโล่คริสทัลที่ลงตราวิญญาณธาตุ
ลั่วอู๋วางโล่ไว้ใกล้เฒ่าเฉิน ทันใดนั้นพลังวิญญาณในโล่ทั้งหมดก็ระเบิดออกมาเป็นแสงสีเขียวพราว
พลังชีวิตไหลออกมาจากโล่และหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเฒ่าเฉิน
บาดแผลของเฒ่าเฉินค่อยๆหายเป็นปกติและลมหายใจของเขาก็ไม่ตกลงอีกต่อไป แต่เขาก็ยังคงดูหดหู่มากและใบหน้าของเขาซีดเซียว
นี่คือขีดจำกัดของมัน
คุณสมบัติตราวิญญาณธาตุไม้ ไม่ใช่ยาอายุวัฒนะหรือเวทมนตร์ มันไม่สามารถนำทุกอย่างกลับคืนมาได้อย่างสมบูรณ์เหมือนเดิม พลังวิญญาณและเลือดที่สูญเสียไปจะไม่กลับมา
อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้สามารถนำมาใช้ในบรรเทาอาการได้
ซึ่งมันก็เพียงพอแล้ว
“ เยี่ยมมาก” เจิ้งเว่ยดูมีความสุข
แม้ว่าเฒ่าเฉินจะยังไม่ตื่น แต่ชีวิตของเขาก็ไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายอีกต่อไป อย่างไรก็ตามหากไม่สามารถดูแลเขาได้ดี สภาพที่อาจจะทรุดลงอีกก็เป็นปัญหาใหญ่เช่นกัน
“ขอบคุณมาก” เจิ้งเว่ยเอาเงินและเครื่องประดับของนางออกมาทั้งหมด
เจิ้งซีกัดฟันและหยิบเงินออกมาเช่นกัน
ลั่วอู๋หยิบหินวิญญาณทั้งหมดของเจิ้งซีอย่างไร้มารยาท ส่วนสำหรับของเจิ้งเว่ยนั้นลั่วอู๋รับไปเพียงครึ่งหนึ่งและเครื่องประดับทั้งหมดก็ถูกส่งคืน
การช่วยเหลือในครั้งนี้ เจิ้งเว่ยรู้สึกขอบคุณจากใจจริงเช่นเดียวกับเจิ้งซีที่ก็แอบรู้สึกขอบคุณด้วยดวงตาเป็นประกายเช่นกัน
เวลาได้ผ่านไปจนเริ่มมืดแล้ว
มันคงเป็นเรื่องที่โง่มาก หากคิดจะเดินทางต่อไปในส่วนลึกของป่าหวงชาในความมืด
ห่างไกลจากลิงยักษ์ที่บ้าคลั่งนั้น ลั่วอู๋และพรรคพวกได้ตัดสินใจตั้งค่ายพักแรมใกล้ ๆ และไม่ไกลจากพวกเจิ้งซี ซึ่งส่วนหนึ่งที่พวกเขาเองก็ไม่ได้ไปไหนก็เพราะเฒ่าเฉินไม่สามารถเคลื่อนไหวไปมาได้และมีแนวโน้มที่จะเกิดอุบัติเหตุหากฝืน
ในทะเลทรายตอนกลางคืนอุณหภูมินั้นต่ำมาก
ลั่วอู๋จุดกองไฟขึ้นที่นี่ แม้ว่าพวกเขาจะสามารถใช้พลังวิญญาณ เพื่อต้านทานความหนาวเย็นได้ แต่วิธีนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
ดังนั้นไฟจึงสำคัญมาก
นอกจากนี้พวกเขายังสามารถใช้ไฟอุ่นอาหารเพื่อเติมเต็มกำลังกายของตัวเองได้อีกด้วย
กองไฟอาจก่อให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็นดังนั้น ลั่วอู๋จึงสร้างเพิงไม้ชั่วคราวเพื่อปกปิดไฟไว้
ไม่นานนักเจิ้งเว่ยก็เดินมาร่วมด้วย
ผมสั้นของนางปลิวไสวในสายลมยามค่ำคืนแกว่ง นางดูเหมือนจะเป็นคนขี้เล่นและน่ารัก
“ เจ้ามานี่ทำไม” ลั่วอู๋ถามอย่างสงสัย
ใบหน้าของเจิ้งเว่ยเปลี่ยนเป็นสีแดง นางนำขวดหยกขนาดเล็กมา “นี่คือผงพิเศษที่สามารถปกปิดกลิ่นได้ มันสามารถขับไล่แมลง มด งูและแมงป่องได้ หากพวกเจ้ากำลังจะตั้งค่ายพักแรม เจ้าสามารถกระจายผงนี้ไปรอบ ๆ ค่ายพักแรมเพื่อปกป้องตัวเองจากพวกมันได้”
“สำหรับพวกเรา?” ลั่วอู๋หัวเราะและรับขวดหยกไป “ขอบคุณมาก”
เจิ้งเว่ยพยักหน้าดูเหมือนนางจะอายเล็กน้อยแล้วหันหนีไปทางซ้าย
ยากที่จะเชื่อว่าสาวขี้อายและขี้ขลาด คนนี้จะมีความกล้าเด็ดเดี่ยวได้ขนาดนั้นในตอนกลางวัน
ห่างออกไปไม่ไกลมีการสนทนากันอย่างเงียบ ๆ
“ เจ้าน้องโง่ ทำอะไรของเจ้า พวกเราไม่ค่อยมีแป้งแบบนี้แล้วยังเอาไปให้คนนอกอีก”
“แต่เพื่อขอบคุณเขา”
“ขอบคุณเขาอะไร เขาเรียกเก็บเงินเราไปตั้งมาก”
“แต่…”
“ เจ้าน้องโง่ เจ้าใจดีเกินไป ก็เลยเป็นทุกข์ง่ายไง”
“โอ้ …”