ไหปีศาจ – บทที่ 190 สำนักเฉียนหลง

ไหปีศาจ

บทที่ 190

สำนักเฉียนหลง

หนึ่งเดือนผ่านไป

สำนักโล่พิทักษ์ได้จับคนจำนวนมากที่วางแผนที่จะฝ่าฝืนกฎหมายมาลงทัณฑ์ ซึ่งทำให้พวกหัวขโมยได้รู้ว่าสำนักโล่พิทักษ์นั้นไม่ใช่ลูกแกะอ่อนแอ แต่เป็นเสืออันดุร้าย

หลังจากผ่านอะไรมามากสมาชิกทีมคุ้มกันคมมีดสองคนที่ใกล้จะก้าวสู่การเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงก็ประสบความสำเร็จในการยกระดับมิติวิญญาณ ภายใต้ความร่วมมือของทุกคน

สำหรับพวกพี่ชายที่สำคัญของเขา ลั่วอู๋ไม่ได้ตระหนี่กับยาเม็ดและเขาก็ได้ให้เทียนหยวนหนิงลินสำหรับการฝึกฝน ตอนนี้ความแข็งแกร่งโดยรวมของทีมคุ้มกันคมมีดจึงได้แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ

และด้วยเหตุนี้เองจึงได้มีผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงถึง 3 คนในทีมคุ้มกันคมมีด

แต่มันก็น่าหดหู่เช่นกันสำหรับลั่วอู๋

เพราะเขาไม่สามารถหาใครมาสังเวยให้กับดาบได้

ดาบระบำแห่งความตายดูเหมือนจะพัฒนาไปจนถึงกำแพง มันดูดซับเลือดของผู้ใช้พลังวิญญาณธรรมดามามากจน มันพัฒนาต่อไม่ได้แล้ว มันจึงติดอยู่แค่ในระดับสวรรค์

ทั้งที่เพียงแค่ก้าวเดียวก็จะได้เลื่อนขั้นระดับเป็นระดับตำนานแล้วแท้ ๆ

ลั่วอู๋คาดว่ามันจะวิวัฒนาการได้อีกก็ต่อเมื่อได้ลิ้มรสเลือดของผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงหลาย ๆ คน

“ ยังไงในตอนนี้ก็ปล่อย ๆ ไปก่อนก็แล้วกัน แค่ระดับสวรรค์ก็ถือว่าดีพอแล้ว” ลั่วอู๋คิด

มันเป็นดาบคุณภาพสูงระดับสวรรค์ ซึ่งเท่านี้ก็สามารถทำลายการป้องกันของคนที่แข็งแกร่งระดับต่ำ ๆ ในหมู่ผู้ใช้พลังวิญญาณได้อย่างง่ายดาย

อย่างไรก็ตามลั่วอู๋นั้นประหลาดใจมากที่ศาลาไป่หยู่ฝั่งตรงข้ามเขากลับค่อนข้างเงียบสงบ

ลั่วอู๋ได้แต่สงสัยว่าทำไมเขาจึงไม่ได้คิดจะทำอะไรกับสำนักโล่พิทักษ์

ทั้ง ๆ ที่ร้านของเขาเปิดอยู่ตรงข้ามประตูของศาลาไป่หยู่แท้ ๆ

แต่อีกฝ่ายก็กลับไม่สนใจเขา แม้จะแย่งลูกค้าไปมากขนาดนี้ อีกฝ่ายก็ไม่ได้ดูโกรธเลย มันเป็นความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงสวนกลับเหมือนเขากำลังชกฝ้าย

ลั่วอู๋นั้นยังคงรอคอยที่จะต่อสู้กับศาลาไป่หยู่ในทางธุรกิจอยู่

“ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงด้วยความสงบนิ่งงั้นสินะ ? ยังไงก็ยังไม่ควรมองข้ามอยู่ดี ความสงบนี้นี่แหละที่ทำให้ศาลาไป่หยู่สาขานี้ยากที่จะรับมือ” ลั่วอู๋รู้สึกตื่นตัว

ถ้าเขาได้รู้ถึงความคิดของลั๋วอู๋แล้วละก็ หยางกู่หลงเจ้าของร้านศาลาไป่หยู่สาขาเมืองหมิงนานคงจะต้องร้องไห้อีกรอบเป็นแน่

จริง ๆ เขาแค่กลัวว่าจะทำให้ลั่วอู๋รู้สึกแย่

ดังนั้นเขาจึงระวังในสิ่งเขาทำ

มันไม่ได้ซับซ้อนยุ่งยากอย่างที่เขาคิดเลยแม้แต่น้อย

ฉูจงฉวนเองก็ดูเป็นคนปกติ ๆ มากขึ้นถึงจะยังรักอิสระอยู่เหมือนเดิมก็ตาม เมื่อเร็ว ๆ นี้ ตั้งแต่ที่เขาได้รับการยกระดับมิติวิญญาณเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูง เขาก็เริ่มจะติดยาสูบและฝิ่น เขามีความสุขมากที่ไม่ต้องเจอผู้คนตลอดทั้งวัน

ตอนนี้ไม่มีใครในตระกูลฉู ที่จะสามารถควบคุมเขาได้แล้ว

ทว่าในวันนั้นจู่ ๆ ฉูจงฉวน ก็ปรากฏตัวขึ้นและวิ่งไปที่สำนักโล่พิทักษ์ เพื่อตามหาลั่วอู๋

“การสอบคัดเลือกของเฉียนหลงจะเริ่มขึ้นแล้ว” ฉูจงฉวนมาถึงก็พูดประโยคนี้โดยไม่มีคำอธิบายใด ๆ จากนั้นก็พูดอะไรบางอย่างกับตัวเองด้วยความตื่นเต้นบนใบหน้าของเขา

ลั่วอู๋งง “อะไรของเจ้า”

“เจ้าไม่รู้เหรอว่าการสอบคัดเลือกของเฉียนหลงกำลังจะจัดขึ้นน่ะ ? ต่อให้เป็นคนธรรมดา ๆ ก็ไม่มีข้อแก้ตัวว่าไม่รู้หรอกนะ อีกอย่างเจ้าเองก็มาจากตระกูลลั่วไม่ใช่หรือไม่รู้ได้ยังไง?” ฉูจงฉวนสงสัย

ลั่วอู๋กลอกตา “ข้าไม่ได้มีสถานะทางสังคมอะไรจะไปหาข้อมูลได้แบบเจ้าหรอกนะ อย่าเอาข้าไปเปรียบเทียบกับตระกูลฉูของเจ้าสิ”

“ที่เจ้าพูดมาก็ถูกละนะ” ฉูจงฉวนถึงกับผงกศีรษะ นั่นจึงยิ่งทำให้ลั่วอู๋สับสน

ต่อมาฉูจงฉวนก็ได้อธิบายให้ลั่วอู๋ฟัง

การสอบคัดเลือกของเฉียนหลงเป็นหนทางสำหรับการเข้าไปศึกษาในสำนักเฉียนหลง ในการรับสมัครลูกศิษย์ ทางสำนักเฉียนหลงได้คัดเลือกคนจากทั่วทั้งทวีปเพื่อให้ได้ศิษย์ที่ดีที่สุด

กล่าวกันว่าสำนักเฉียนหลงเป็นสำนักที่ก่อตั้งร่วมกันโดยเทพเจ้าแห่งราชวงศ์มังกรเร้นกายและผู้พิทักษ์แห่งหนานหลิง

ไม่มีใครรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน

แต่ในทุก ๆ สิบปีสำนักเฉียนหลงจะจัดการแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งเข้าสู่สำนัก โดยจะคัดเลือกเพียงแค่ผู้สมัครที่ดีที่สุดเท่านั้น ที่จะมีคุณสมบัติเข้าร่วมสำนักเฉียนหลงได้

ผู้พิทักษ์

เทพเจ้า

สองตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก

สำนักที่ตั้งขึ้นโดยคนสองคนมีความพิเศษเหนือใคร ๆ

“โอ้มันก็ฟังดูดีนี่ ว่าแต่มันเกี่ยวอะไรกับข้าเหรอ?” ลั่วอู๋ถาม

ดวงตาของฉูจงฉวนเบิกกว้าง “มันคือสำนักเฉียนหลง มันคือที่ที่ทุกคนต้องการที่จะเข้าร่วมหลังจากต่อสู้คัดเลือก เพราะเมื่อพวกเขาเข้าร่วมแล้ว มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการฝึกฝนมิติวิญญาณของพวกเขาเอง”

“ ข้าไม่สนใจ” ลั่วอู๋พูดอย่างสบาย ๆ “ อีกอย่างเจ้าเองก็ดูไม่เหมือนคนที่จะต้องการคำแนะนำและการฝึกฝนเท่าไหร่ด้วย ถ้าพวกเราไปเข้าร่วมสำนักเฉียนหลง พวกเราก็จะไม่มีโอกาสได้กลับไปที่เขตหวงชาอีกนานเลยนะ”

ตอนนี้ลั่วอู๋นั้นยังไม่สามารถควบคุมไหปีศาจได้อย่างเต็มที่ อย่างเขาจะไปเข้าร่วมสำนักเฉียนหลงได้ที่ไหน

อีกทั้งสิ่งที่สำนักเฉียนหลงสอน มันจะไปทำกำไรได้มากกว่า สิ่งที่ได้รับจากไหปีศาจรึยังไงกัน?

“ ถ้าข้าเข้าร่วมสำนักเฉียนหลง ข้าเองก็จะไม่สามารถไปเตร็ดเตร่หาสาว ๆ ที่น่ารักเหล่านั้นได้สินะ” ฉูจงฉวนเสียใจอย่างสุดซึ้ง แต่ใบหน้าของเขากลับดูเคร่งขรึม

“แต่เพื่อความปรารถนาทะเยอทะยานตลอดชีวิตของข้า ข้าจะต้องเข้าร่วมสำนักเฉียนหลง”

“ทำไมล่ะ?” ลั่วอู๋ถามอย่างสงสัย

ฉูจงฉวนกล่าวอย่างเคร่งขรึมต่อไป “เพราะมีการกล่าวกันว่าทางสำนักเฉียนหลง นั้นมีความรู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเส้นทางไปสู่ดินแดนลึกลับ เพื่อที่จะติดตามความงามขั้นสูงสุด เพื่อค้นหาภูตสาวที่น่าอัศจรรย์ ข้าคงทำได้แค่ทนอย่างเจ็บปวด ”

ลั่วอู๋เม้มริมฝีปาก

ฉูจงฉวนสามารถใส่คำที่อธิบายที่ไม่จำเป็นเหล่านี้เข้าไปได้ด้วยวิธีการที่ถูกต้อง

อย่างไรก็ตามหากสำนักเฉียนหลงได้เชี่ยวชาญเส้นทางที่นำไปสู่ดินแดนลึกลับต่าง ๆ มันก็อาจจะน่าสนใจก็ได้ หากพวกเขาทราบเกี่ยวกับอาณาจักรเซียนโบราณแล้วละก็ สำนักเฉียน หลงก็คือสถานที่ในตำนานเลยทีเดียว เพราะไม่เคยมีใครได้เข้าไปในอาณาจักรเซียนโบราณมาก่อน

“แล้วทำไมเจ้ามาบอกข้าล่ะ” ลั่วอู๋ถามอย่างสับสน

ฉูจงฉวนยิ้ม “ข้าต้องการให้เจ้าไปกับข้า แม้ว่าเจ้าจะมีระดับต่ำกว่าข้าเล็กน้อย แต่เจ้าก็สามารถเข้าร่วมการสอบคัดเลือกของเฉียนหลงได้ในฐานะผู้ใช้พลังวิญญาณ และเจ้าเองก็น่าจะมีโอกาสได้เข้าร่วมสำนักเฉียนหลงได้ บางทีเจ้าอาจจะสนใจวิชาลับมากมายอันน่าพิศวงและตำราโบราณเกี่ยวกับการฝึกฝนพลังวิญญาณในสำนักเฉียนหลงก็ได้นะ”

“ข้าไม่สนใจ” ลั่วอู๋ตอบแบบเดิม

ฉูจงฉวนคิดว่าวิชาลับและตำราโบราณของสำนักเฉียน หลง จะสามารถล่อตาล่อใจลั่วอู๋ที่เป็นผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณได้

แต่เขาไม่ได้รู้เลย

ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มีผลใด ๆ กับลั่วอู๋

“ดูเหมือนว่าจะข้าจะต้องไปเพียงคนเดียวสินะ เมื่อข้าได้เดินทางไปทั่วทั้งแดนลึกลับแห่งราชวงศ์มังกรเร้นกาย ผ่านอาณาจักรภูเขาแห้งแล้ง ทะเลเหนือสุดขอบและนรกมนตรา ข้าอาจจะได้พบหญิงสาวผู้สวยงาม ยืนอยู่บนยอดเขาในอาณาจักรเซียนโบราณ ตอนนั้นมันคงเงียบเหงามาก หากไม่มีสหายคู่ใจอยู่ด้วยเพื่อยกแก้วเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จกับข้า นี่สินะที่เขาเรียกว่าความเหงาของผู้แข็งแกร่ง” ฉูจงฉวนส่ายหัว

ทันใดนั้นลั่วอู๋ก็ร้องออกมา “เดี๋ยวก่อน”

“มีอะไรเหรอ เจ้าสนใจแล้วงั้นเหรอ ?”

ลั่วอู๋ถามทันที “เจ้าไปที่สำนักเฉียนหลงไม่ใช่เหรอ แล้วเจ้าจะไปก้าวข้ามแดนลึกลับแห่งราชวงศ์มังกรเร้นกาย ผ่านอาณาจักรภูเขาแห้งแล้ง ทะเลเหนือสุดขอบและนรกมนตราได้อย่างไร?”

“อ้าว เจ้าไม่รู้เหรอว่าสำนักเฉียนหลง ไม่ได้ตั้งอยู่ในเขตจักรวรรดิราชวงศ์มังกรเร้นกายของเรา แต่อยู่ในพื้นที่ลึกลับ สำนักเฉียนหลงมีวิธีการเปิดช่องว่างมิติที่ทำให้เจ้าสามารถไปได้ในทุกส่วนของทวีป ตลอดจนถึง ทะเลเหนือสุดขอบได้ในพริบตา ”

“ปีศาจกำเนิดขึ้นในนรกมนตรา และมีภูตในอาณาจักรเซียนโบราณ อาจมีเพียงสำนักเฉียนหลงเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงสถานที่เหล่านี้ได้”

“ถ้าเจ้าเข้าร่วมสำนักเฉียนหลงเจ้าจะได้มีโอกาสได้เห็นสัตว์วิญญาณล้ำค่ามากมายนับไม่ถ้วนซึ่งมันจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการเลือกสัตว์วิญญาณในอนาคตของเจ้า” ฉูจงฉวนอธิบาย

ลั่วอู๋ตะลึง

จะสามารถเห็นสัตว์วิญญาณล้ำค่าได้นับไม่ถ้วนงั้นเหรอ?

ลั่วอู๋นึกถึงหนังสือลึกลับในไหปีศาจทันที หากป้อนข้อมูลของสัตว์วิญญาณได้เพียงพอ เขาก็จะสามารถเปิดใช้ความสามารถใหม่ ๆ ให้กับไหปีศาจได้

โลกใบนี้นั้นใหญ่มาก ทุกภูมิภาคเองก็มีลักษณะเฉพาะของตัวเอง มันจึงเป็นเรื่องยากมากที่จะทำให้หนังสือสมบูรณ์และเปิดใช้ความสามารถทั้งหมด

ดูเหมือนว่านี่จะเป็นโอกาสที่ดี

“ข้าจะไปกับเจ้าด้วย” ลั่วอู๋พูดอย่างกะทันหัน

ตอนนี้ฉูจงฉวนมีความสุขมาก

ไหปีศาจ

ไหปีศาจ

Status: Ongoing
หากคุณชอบแนว มั่วๆซั่วๆจับมารวมกันได้ของเทพ อย่าพลาดเรื่องนี้!!ลั่วอู๋ โดนไหหล่นใส่หัวจนข้ามมิติไปอยู่ในร่างของ นายน้อยลั่ว ผู้ถูกเนรเทศ เพราะไม่สามารถทำพันธสัญญากับสัตว์อสูรได้ แต่แล้วเขาก็พบว่าเจ้าไหที่เป็นปัญหาได้เชื่อมต่อกับเขา ความสามารถของเจ้าไหปีศาจนี้ท้าทายสวรรค์ยิ่งนัก เพียงแค่ ลั่วอู๋ใส่ ดอกหญ้าลงไปมั่วๆ มันสังเคราะห์สัตว์วิญญาณระดับเงินให้กับเขา ยิ่งเขาลองใส่ของลงไปมั่วซั่วมากเท่าไหร่ก็ยิ่งสังเคราะห์ สิ่งต่างๆออกมา ทั้ง ยาวิญญาณ อาวุธวิญญาณ สัตว์อสูร ภูต

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท