บทที่ 258 ระหว่างชีวิตและความตาย
วิญญาณสงครามเกิดมาพร้อมกับทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งเช่นเดียวกับแม่ทัพที่ผ่านการต่อสู้ในสงครามมาหลายร้อยครั้ง มันมีสัญชาตญาณการต่อสู้ที่เฉียบแหลมและความสามารถในการต่อสู้อันน่ากลัว
ต่อหน้าต่อตาของ ลั่วอู๋ วิญญาณสงครามที่มีขวานขนาดใหญ่ได้เข้ามาจู่โจมอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าวิญญาณสงครามจะยังไม่ได้ออกแรงเต็มที่ แต่ขวานขนาดใหญ่ของมันก็สามารถสร้างลมแรงขึ้นมาจากการเหวี่ยงไปมาทำให้ลั่วอู๋รู้สึกปวดผิวหนัง
“ตูม” เมื่อขวานตกลงพื้นดินก็ระเบิดออก
ลั่วอู๋ทำได้เพียงกระโดดหนี แต่เศษซากของการระเบิดก็ยังคงกระเด็นมาโดนเขา ทำให้มีรอยแผลถลอก
วิญญาณสงครามนั้นไม่มีความเมตตา
มันโบกขวานในมือไปมา แล้วเริ่มใช้ท่าเหวี่ยงหมุนเป็นวงกว้าง
ลั่วอู๋หัวเราะอย่างขมขื่น “นี่ข้ายังมีชีวิตอยู่จริง ๆ เหรอเนี่ย”
อย่างไรก็ตามเขารู้ว่าการฝึกนี้มันเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับเขา เพราะการขาดประสบการณ์ในการต่อสู้นั้นเป็นจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
พื้นที่โล่งหน้าบ้านพักนั้นเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง มีก้อนกรวดกระเด็นทุกที่และมีคราบเลือดที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนในหลาย ๆ จุด แม้แต่เศษเนื้อเยื่อเองก็สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ลั่วอู๋อ้าปากอย่างเจ็บปวด ลมหายใจของเขาอ่อนแรง เขารู้สึกเจ็บปวดมากราวกับมีเข็มจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ในปอดของเขา เสื้อผ้าของเขาเต็มไปด้วยคราบเลือด
ที่เลวร้ายที่สุดคือแขนขวาของเขาได้ถูกตัดออกไปแล้ว และวิญญาณสงครามนั้นกำลังจะปฏิบัติหน้าที่ตามที่เจ้านายของเขาสั่ง มันจ้องมองที่มือและเท้าของลั่วอู๋
“ไม่มีแรงเลย” ลั่วอู๋รู้สึกว่าแม้แต่การยกเปลือกตาขึ้นก็เริ่มจะยากมาก “คงต้องพอก่อนแค่นี้แล้วล่ะ”
แต่ทันใดนั้นแววตาของวิญญาณสงครามก็เปลี่ยนไปเป็นสีแดงเข้ม
หัวใจของลั่วอู๋เต้นระรัว
นี่มันต้องไม่ใช่เรื่องจริงแน่ ๆ
วิญญาณสงครามหลุดจากการควบคุมงั้นเหรอ?
“กรร!” วิญญาณสงครามคำรามและยกขวานขึ้นด้วย ความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ลมปราณของมันทั้งเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่า และความรู้สึกอันน่ากลัวของแรงกดดันวิญญาณก็พุ่งเข้ามาในทันที
รูม่านตาของลั่วอู๋หดตัวลง
บ้าจริง! มันหลุดจากการควบคุมจริง ๆ ด้วย
วิญญาณสงครามเริ่มปลดปล่อยความแข็งแกร่งออกมาอย่างเต็มที่ ลั่วอู๋ที่ถูกปิดกั้นเส้นวงจรพลังวิญญาณ นั้นไม่สามารถเรียกสัตว์วิญญาณหรือใช้พลังวิญญาณได้ ตอนนี้เขาแค่พละกำลังมากกว่าคนทั่วไปเล็กน้อยเท่านั้น เขาจะเอาอะไรไปต้านทานพลังการโจมตีของวิญญาณสงครามที่ใช้กำลังทั้งหมดของมันได้อย่างไร
“อย่ามาเล่นบ้า ๆ น่า ! หนิงปิงหลันตายแล้วรึไง? ควบคุมดูแลวิญญาณสงครามของเจ้าหน่อยสิ” ลั่วอู๋ คำรามอย่างดุเดือด
เขารู้สึกได้ถึงความเลวร้ายของวิกฤตที่อยู่ตรงหน้าเขา
ผมของลั่วอู๋ตั้งขึ้นและหัวใจของเขาดูเหมือนจะถูกบางสิ่งบางอย่างกำจนแน่น
ทั้งความอ่อนแอและความเจ็บปวดกรูเข้ามา
“อา”
ลั่วอู๋คำรามอย่างบ้าคลั่ง พยายามกระตุ้นพลังวิญญาณในร่างกายของเขา หวังว่าเขาจะสามารถฝ่าทำลายการปิดผนึกเส้นวงจรพลังวิญญาณได้
เขายังไม่อยากตาย เขายังไม่อยากตายอย่างขี้ขลาดและโดดเดี่ยวตรงนี้
ทันทีที่ขวานกำลังสับลงมา ในช่วงเวลาวิกฤตนั้น ดวงตาของลั่วอู๋ได้เปลี่ยนเป็นสีแดงเส้นเลือดที่คอของเขาปุดขึ้นมา ใบหน้าของเขาดุร้ายเช่นเดียวกับนักพนันที่เสียพนัน
ทั่วร่างกายของลั่วอู๋ นสะท้าน มีพลังที่อธิบายไม่ได้ปรากฏขึ้นมาในร่างกายของเขา
“ฟู่”
พละกำลังทั้งร่างของลั่วอู๋เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
โดยที่เขาไม่คาดคิด วินาทีนั้นร่างลั่วอู๋ก็เคลื่อนที่หลบการโจมตีออกมาได้
ลั่วอู๋มองไปที่วิญญาณสงครามตรงหน้าเขาด้วยความสยดสยอง พลังที่พุ่งออกมาจากร่างกายของเขาไม่ใช่พลังวิญญาณ แต่เป็นพลังอย่างอื่นที่เขาอธิบายไม่ได้
ดูเหมือนว่ามันจะมาจากส่วนที่ลึกที่สุดของร่างกาย
แต่เขาก็ไม่มีเวลาจะคิดถึงมันอีก เพราะลั่วอู๋ไม่มีแรงเหลืออีกแล้ว เขาจึงสลบลงในที่สุด
อย่างไรก็ตามวิญญาณสงครามนั้นก็ไม่ได้โจมตีต่อ มันเพียงแต่ยืนรออยู่นิ่ง ๆ จนกระทั่งหนิงปิงหลัน ก็ปรากฏตัวขึ้น
“เขามีศักยภาพรึเปล่า ?” หนิงปิงหลันถาม
วิญญาณสงครามพยักหน้า
“ไม่เลวนี่นา” หนิงปิงหลันพลางมองไปที่ลั่วอู๋ จากนั้นก็พยุงเขาขึ้นมา พาเขาไปที่โรงหมอของสำนักเฉียนหลง
หมอในโรงพยาบาลนั้น ไม่ใช่หมอทั่ว ๆ ไป
พวกเขาไม่รู้วิธีใช้ยา พวกเขาไม่สามารถกลั่นยาได้ อย่างไรก็ตามพวกเขามีสัตว์วิญญาณที่สามารถใช้ทักษะการรักษาอันทรงพลัง
“ท่านหนิงปิงหลัน ข้าไม่ได้เจอท่านมานานแล้ว” หมอคนหนึ่งกล่าว “ช่วงนี้ที่นี่สงบมาก และข้าก็ไม่ได้เห็นคนไข้ที่มีรอยฟกช้ำทั่วร่างกายแบบนี้มานานแล้ว”
ทำไมหนิงปิงหลันถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้? แน่นอนว่านางไม่ได้แข็งแกร่งมาตั้งแต่เกิด นางแค่ผ่านประสบการณ์การต่อสู้เสี่ยงชีวิตและใกล้กับความตายมามากมาย นางย่อมแข็งแกร่งเรื่อย ๆ โดยธรรมชาติ จากการรอดชีวิตออกมา
“หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว” หนิงปิงหลันทิ้งลั่วอู๋ไว้ข้างหน้าหมอ
หมอทำท่าทางแปลกใจ “ท่านนี่มันโหดร้ายจริง ๆ แผลส่วนมากค่อนข้างร้ายแรง แถมยังถูกตัดแขนอีก ค่ารักษา 1000 คะแนน ขอบคุณที่อุดหนุน”
หนิงปิงหลันหยิบเหรียญออกมาจ่ายหนึ่งพันคะแนนให้กับหมอ
แหวนสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ในมือของแพทย์ส่องแสง จากนั้นเขาก็เรียกสัตว์วิญญาณลึกลับที่เต็มไปด้วยประกายสีฟ้าออกมา
มันเป็นเสือดาวที่มีร่างกายดูแข็งแรง มีแสงสีฟ้าบนผิวหนังและมีหางมังกรสองแฉกลอยอยู่ข้างหลัง ลมปราณของมันดูสง่าผ่าเผย
จักรพรรดิมังกรวารี
มันมีทักษะ ระดับ S [ความคุ้มครองแห่งห้วงลึก]
ทักษะการรักษาด้วยธาตุน้ำ มันเป็นทักษะประเภทการรักษาที่แข็งแกร่งมาก พลังเยียวของมันเป็นอะไรที่เชื่อถือมั่นใจได้ในผลลัพธ์
แสงสีน้ำเงินเข้มเข้าปกคลุมร่างกายของลั่วอู๋ จากนั้นอาการบาดเจ็บของเขาก็ฟื้นตัวด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า รวมถึงแขนที่ขาดก็ด้วย
หนิงปิงหลันยังคงดูเฉยเมย จากนั้นนางก็พาลั่วอู๋หันหลังกลับไป
“คราวหน้ามาใหม่ล่ะ!” หมอพูดด้วยรอยยิ้ม
……
……
ลั่วอู๋ฟื้นขึ้นมาบนเตียง
“นายน้อย ท่านตื่นแล้ว” หลี่หยินที่กำลังดูแลลั่วอู๋อยู่ข้าง ๆ แสดงสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข
“โอ้ ข้ากลัวแทบตาย ข้ายังไม่ตายใช่ไหมเนี่ย” ลั่วอู๋ถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่แล้วเขาก็นึกได้ถึงแขนที่ขาดแล้วรีบยกมือขวาขึ้นมาในทันที
มือขวาของเขากลับสู่สภาพเดิม และเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระภายใต้การควบคุมของเขาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ลั่วอู๋มองไปที่แขนของเขาด้วยความประหลาดใจ “มันฟื้นกลับมาแล้วงั้นหรือ?”
“นายน้อย ท่านหญิงหนิงบอกว่านางจะกลับมาพรุ่งนี้ในเวลาเดิมเจ้าค่ะ” หลี่หยินกล่าว
เห็นได้ชัดว่าหลี่หยินไม่รู้ว่า ลั่วอู๋เพิ่งผ่านอะไรมาบ้าง เพราะเขากลับมาในสภาพที่ไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ นางจึงคิดว่ามันเป็นเพียงแค่การฝึกฝนร่างกาย
สีหน้าของลั่วอู๋ดูน่าเกลียดมาก
ผู้หญิงที่บ้าคลั่งและวิญญาณสงครามของนางเกือบจะฆ่าเขา
ช่วยรับผิดชอบบ้างได้ไหม!
ลั่วอู๋รู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณของเขาอย่างขุ่นเคือง การปิดผนึกวงจรพลังวิญญาณได้ถูกยกเลิกไปแล้ว ทำให้พลังวิญญาณของเขาพุ่งสูงขึ้นเหมือนทะเลสาบ
อย่างไรก็ตามลั่วอู๋รู้สึกว่าการควบคุมร่างกายและพละกำลังของเขาดูเหมือนจะดีขึ้นมาก
นี่มันดีขึ้นมาก?
ลั่วอู๋นึกถึงฉากการต่อสู้ก่อนหน้านี้
โชคดีที่เขาสามารถหลีกเลี่ยงการถูกฆ่าได้ก่อนที่เขาจะหมดสติพอดี
บางทีนี่อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินรึเปล่า?
“เพื่อให้สัมผัสการต่อสู้ที่เสี่ยงชีวิตและใกล้กับความตายงั้นเหรอ?” ลั่วอู๋คิด
……
……
วันรุ่งขึ้น หนิงปิงหลันก็กลับมาถึงที่พักตรงเวลาเดิม
“เจ้าได้รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ?”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหนิงปิงหลัน ลั่วอู๋ก็หายใจเข้าลึก ๆ “ทั้งหมดนี่เป็นแผนของท่านใช่ไหม ? เมื่อวานวิญญาณสงครามนั้นไม่ได้หลุดจากการควบคุมจริง ๆ รึเปล่า?”
“ไม่แน่นอน มันคือการสร้างอุบัติเหตุที่เกินไปกว่าแผน นี่ถือว่าเจ้าโชคดีนะ” หนิงปิงหลันกล่าว “เพราะถ้าเจ้ารู้ว่าวิญญาณสงครามไม่ได้คิดจะฆ่าเจ้าจริง ๆ เจ้าก็คงมาถึงขั้นนี้ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?”
แม้ว่าลั่วอู๋จะไม่พอใจในใจ แต่เขาก็ต้องยอมรับมัน
หากเขารู้ว่าวิญญาณสงครามจะไม่ฆ่าเขา เขาก็จะคิดว่ามันเป็นเพียงการฝึกฝนเท่านั้น ไม่ใช่การต่อสู้เสี่ยงชีวิตและใกล้กับความตายแต่อย่างใด
เขาไม่มีทางคิดว่าเขาจะตายแน่ ๆ นอกจากว่าวิญญาณสงครามจะหลุดจากการ ”ควบคุม” ซึ่งเป็นเพราะเหตุนี้เอง เขาจึงได้รับรู้ถึงประสบการณ์ในการต่อสู้ที่เสี่ยงชีวิตและใกล้กับความตาย
“ขั้นตอนต่อไปคือการต่อสู้จริง” หนิงปิงหลันมองไปที่ลั่วอู๋ และพูดอย่างสงบ “จงใช้ทุกวิถีทางเพื่อฆ่าข้าซะ”
ลั่วอู๋แปลกใจ “ท่านหมายความว่ายังไง ?”
“พยายามฆ่าข้าซะ” หนิงปิงหลันพูดซ้ำอย่างจริงจัง