บทที่ 97
จะแลกเปลี่ยนหรือไม่
ในตอนรุ่งเช้าที่อากาศอบอุ่น แสงแดดได้ส่องเข้าในห้องและปลุกหลินซีเหยียนให้ตื่นขึ้นมา หลินซีเหยียนก็ได้มองไปรอบๆอย่างสะลึมสะลือก่อนที่จะลุกขึ้นมาอย่างตกใจ
“บ้าจริง เราเผลอหลับไปเสียได้” หลินซีเหยียนได้เอามือแตะไปยังที่ที่เจียงหวายเย่นอนเมื่อสักครู่ และพบว่ายังอุ่นๆอยู่ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเจียงหวายเย่นั้นเพิ่งลุกไปได้ไม่นาน
ในขณะที่นางยกผ้าห่มออกและเตรียมที่จะลุกจากเตียงนั้น เสียงที่เย็นชาของเจียงหวายเย่ก็ได้ดังมาจากด้านนอก หลินซีเหยียนจึงได้รีบเอนตัวลงนอนอย่างไวด้วยความรู้สึกผิด
จากนั้นประตูก็ได้เปิดออกมา แล้วเสียงเดินก็ได้ดังชัดมากขึ้นเรื่อยๆ หลินซีเหยียนที่หลับตาปี๋แล้วแกล้งทำเป็นหลับ นางพยายามหายใจให้เท่าๆกันด้วยความกลัวว่าเจียงหวายเย่อาจจะสงสัยได้
เจียงหวายเย่ก็ได้มองไปที่คนที่นอนอยู่บนเตียงที่ขนตากระตุกเล็กน้อยแล้วเขาก็อารมณ์ดีขึ้นมา เขานั้นรู้ว่าหลินซีเหยียนนั้นตื่นแล้วแต่เขาก็ยังไม่คิดที่จะบอกนาง
ส่วนหลินซีเหยียนที่กำลังพยายามแกล้งทำเป็นหลับอย่างขยันขันแข็งอยู่นั้น ก็รู้สึกได้ว่าเจียงหวายเย่นั้นเข้ามาใกล้นาง แล้วจากนั้นมือที่เย็นของเขาก็ได้ลูบไปที่ผมที่กระเซอะกระเซิงของนางตรงหน้าผาก
“ทำไมเจียงหวายเย่ถึงยังไม่ออกไปอีกนะ?” หลินซีเหยียนที่รู้สึกไม่ดีมากขึ้นเรื่อยๆในเวลานี้ นางรู้สึกว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีนักที่นางจะลืมตา
เจียงหวายเย่ก็ได้มองไปที่คิ้วของผู้ที่อยู่ตรงหน้าเขาที่กำลังขมวดโดยไม่พูดอะไร แล้วจากนั้นเขาก็ได้เดิมพันครั้งใหญ่ เขาเอนตัวลงมาจนใกล้กับหลินซีเหยียน จนหลินซีเหยียนสามารถรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนชื้นที่ออกมาจากปากของเขาได้
“เขาคิดที่จะทำอะไรน่ะ? หรือว่าเขารู้แล้วว่าเราตื่นแล้ว?” หลินซีเหยียนมีความคิดมากมายผุดขึ้นมาในใจของนาง นางนั้นอยากที่จะลืมตาแต่ก็มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในใจว่าให้นางรอก่อน
ในขณะที่นางกำลังคิดฟุ้งซ่านอยู่นั้น นางก็รู้สึกได้ถึงสิ่งที่นุ่มๆและเย็นๆเข้ามาจรดกับริมฝีปากของนาง เมื่อหลินซีเหยียนรู้ว่าสิ่งนั้นมันคืออะไรแล้ว นางก็รู้สึกได้ว่าเลือดของนางได้ไหลไปรวมกันที่ใบหน้าของนาง และนางรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงใบหน้าที่ร้อนผ่าวของนาง
ถ้าจะบอกว่าก่อนหน้านี้นางนั้นลังเลว่าจะลืมตาดีหรือไม่นั้น ในเวลานี้นางรู้สึกกลัวที่จะลืมตาของนางขึ้นมาแล้ว นางได้กลืนน้ำลายลงไปอึกหนึ่งและหวังว่าเจียงหวายเย่จะออกจากห้องไปเสียที
จนกระทั่งจบเสร็จเจียงหวายเย่ก็ได้ยกหัวขึ้นมา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มและมองไปที่หลินซีเหยียนที่ยังคงหลับตาอยู่ แต่ใบหน้าของนางนั้นแดงเยี่ยงดอกไห่ถัง
หลินซีเหยียนก็ได้รออยู่พักใหญ่ๆจนทนรอให้ เจียงหวายเย่ออกไปไม่ไหวแล้ว นางจึงได้แกล้งทำเป็นเพิ่งตื่นและลืมตาหงส์ไฟของนาง แต่ไม่คาดคิดว่าจะพบกับดวงตาสีดำที่สงบนิ่งอยู่ตรงหน้านาง
“ตื่นแล้วเหรอ?” เจียงหวายเย่ที่พยายามอย่างเต็มที่ในการอดกลั้นไม่ให้มุมปากของเขายกขึ้นมายิ้ม และพยายามควบคุมเสียงของเขาให้นิ่งเอาไว้
หลินซีเหยียนก็ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วจากนั้นก็ ผงกหัว แล้วจากนั้นนางก็ได้พยายามสงบนิ่งแล้วลุกออกจากเตียงไป “ข้ามีธุระอื่นต้องรีบไปทำ ขอตัวก่อน”
หลังจากที่พูดจบหลินซีเหยียนก็ได้รีบหนีไปโดยไม่หันหลังกลับมา
เจียงหวายเย่ก็ได้มองดูแผ่นหลังของหลินซีเหยียน ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนแล้วจากนั้นก็เรียกอันอี้ “อันอี้ เจ้าไปสืบดูซิว่าหลินหัวเยว่นั้นไปจ้างมือสังหารมาจากที่ไหน?”
อันอี้ผงกหัวแล้วจากไปทันที
หลินซีเหยียนที่เดินไปตามท้องถนนด้วยชุดสีดำที่ใส่มาตอนกลางคืนนั้น ทำให้กลายเป็นจุดสนใจของผู้คนอย่างมากในเวลานี้ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงสายตาคนหลินซีเหยียนก็ได้เลือกเส้นทางเล็กๆเดินอ้อมเอา
จึงเสียเวลาอยู่พักใหญ่กว่าหลินซีเหยียนจะเดินทางมาถึงจวนมหาเสนาบดีเพราะว่านางเผลอเดินไปผิดทางอยู่บ้าง แต่จวนมหาเสนาบดีในวันนี้ดูเหมือนจะมีอะไรแปลกๆ เพราะระหว่างทางที่หลินซีเหยียนเดินมายังตำหนักเชียนเหยียนนั้น นางไม่พบข้ารับใช้คนอื่นเลยสักคน
สถานการณ์แปลกๆเช่นนี้ทำให้หลินซีเหยียนรู้สึกเป็นกังวล นางจึงได้รีบเดินเร็วขึ้นและไม่นานนักนางก็กลับมาถึงตำหนักเชียนเหยียน นึกไม่ถึงว่าทันทีที่นางเปิดประตูเข้ามานางก็พบฮูหยินอวี้พร้อมกับข้ารับใช้มากมาย แต่ว่าไม่พบมหาเสนาบดีทำให้นางคิดว่าเขาคงจะไปทำงานแต่เช้าแล้ว!
“หลินซีเหยียน เจ้าทำอะไรกับลูกสาวของข้า?” ทันทีที่ ฮูหยินอวี้เห็นหลินซีเหยียน นางก็กล่าวออกมาอย่างดุดันแต่นางก็ไม่กล้าที่จะลงมืออะไร เพราะว่ามีสองยอดฝีมืออย่างจี๋เฟิงและ ชิงอวี่อยู่ในตำหนักเชียนเหยียนด้วย
หลินซีเหยียนก็ได้ยักคิ้วแล้วมองไปที่ฮูหยินอวี้อย่างสนใจ “คุณหนูใหญ่หายตัวไปอย่างนั้นเหรอ?”
“อย่ามาแกล้งทำเป็นไม่รู้นะ เยว่เอ๋อหายตัวไปจะต้องเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าแน่ๆ” หน้าอกของฮูหยินอวี้นั้นสั่นไหวอย่างต่อเนื่องเพราะอารมณ์ที่รุนแรงของนาง
หลินซีเหยียนก็ได้ตอบกลับไป “ฮึ ฮูหยินอวี้กล่าวหาข้าอย่างไม่มีหลักฐานเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องดีเลยนะ? หรือข้าควรจะพูดว่าข้าเองก็เป็นบุตรีคนที่สองของบ้านมหาเสนาบดีเช่นกัน?”
“หลินซีเหยียน เจ้าอย่ามาทำเป็นไขสือรีบส่งตัวลูกสาวของข้าคืนมา ไม่อย่างนั้นเจ้าอย่าหวังจะได้เห็นสาวใช้และแม่นมของเจ้า” ฮูหยินอวี้ก็นึกถึงไพ่ในมือของนางขึ้นมาได้ แล้วสั่งให้หลินซีเหยียนต้องยอมจำนน
หลินซีเหยียนก็ได้จ้องไปที่ฮูหยินอวี้ด้วยสายตาที่เย็นชา “ฮูหยินอวี้คิดที่จะขู่ข้างั้นเหรอ?”
“ใช่ ข้าคนนี้กำลังขู่เจ้าอยู่” ฮูหยินอวี้ไม่อ้อมค้อมอีกต่อไป และบอกความตั้งใจของนางออกมาตรงๆ
นางนั้นคิดว่าหลินซีเหยียนนั้นคงจะต้องยอมจำนน เพราะจากที่นางสังเกตดูแล้วหลินซีเหยียนนั้นเป็นห่วงข้ารับใช้ของนางมาก แต่นางก็ไม่ได้คิดว่าหลินซีเหยียนนั้นจะน่ากลัวกว่าที่นางคาดเอาไว้
แล้วหลินซีเหยียนก็ได้กล่าวโดยที่ไม่ได้กะพริบตา “หากเจ้ากล้าที่จะแตะต้องคนของข้าแม้แต่เพียงปลายนิ้ว ข้าจะเอาคืนกับลูกสาวของเจ้ากลับเป็นสองเท่าแน่”
อย่างที่หลินซีเหยียนคาด ฮูหยินอวี้หน้าซีดเผือดทันที นางนั้นหวังให้ลูกสาวของนางนั้นปลอดภัย แต่หากนางต้องคืน จิ่งชุนและคนอื่นๆให้แล้ว นางกับมหาเสนาบดีก็จะไม่มีหมากที่ใช้ต่อรองกับหลินซีเหยียนอีก
ในขณะที่นางกำลังวิกฤติอยู่นั้น นางก็คิดพอจะคิดแผนขึ้นมาได้ จึงได้กล่าวกับหลินซีเหยียน “ข้าว่าพวกเราทั้งคู่ควรจะถอยกันคนละก้าวจะดีกว่า ข้าจะคืนคนรับใช้ของเจ้าให้คนหนึ่งแล้วเจ้าก็คืนลูกสาวของเจ้ามาว่าอย่างไร?”
หลินซีเหยียนก็ได้หรี่สายตาของนางราวกับว่ากะไว้อยู่แล้ว แต่สุดท้ายหลินซีเหยียนก็ไม่เห็นด้วย “ฮูหยินอวี้นี่ช่างคำนวณเก่งเสียจริง ชีวิตของลูกสาวของเจ้ามีค่าขนาดนั้นแต่กลับคืนให้ข้าแค่คนเดียว แบบนี้ข้าก็ขาดทุนแย่น่ะสิ”
ฮูหยินอวี้ก็ได้กัดฟันแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง “ข้าจะคืนให้เจ้าสองคนเลยก็ได้”
“สาม และจะไม่ต่อรองมากไปกว่านี้อีก” หลินซีเหยียนมองไปที่ฮูหยินอวี้ด้วยสายตาขวาง และที่ใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ประชดประชัน
ฮูหยินอวี้ก็ได้ยอมแพ้เพื่อลูกสาวของนาง นางจึงยอมตกลงตามคำของหลินซีเหยียน แล้วจากนั้นนางก็ถาม “ตอนนี้เจ้าจะคืนลูกสาวของข้ามาได้แล้วหรือยัง?”
“แน่นอนว่าไม่ ฮูหยินอวี้นี่ช่างเจ้าเล่ห์จริงๆ ข้าจะกล้าคืนลูกสาวของท่านได้อย่างไรถ้าข้ายังไม่เห็นคนของข้าน่ะ?” หลินซีเหยียนกล่าวอย่างสงบนิ่งในขณะที่ฮูหยินอวี้นั้นโกรธจัด
ฮูหยินอวี้จึงได้เรียกแม่นมของนางมาแล้วก็บอกให้นางไปพาสาวใช้ของหลินซีเหยียนมา แล้วแม่นมก็ได้รีบวิ่งไปทันทีหลังจากที่รับคำสั่งมา
ณ ที่ที่ทุกคนมองไม่เห็นนั้น มีลูกไฟสีขาวสองลูกได้ไล่ตามไปด้วย หลินซีเหยียนก็รู้สึกโล่งอกที่ได้เห็นลูกไฟเหล่านั้น และในขณะเดียวกันนางก็ได้แอบตัดสินใจว่านางจะต้องปกป้องคนในตำหนักเชียนเหยียนไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก
และในขณะที่แม่นมกำลังไปพาคนมาอยู่นั้น จี๋เฟิงก็ได้นำเก้าอี้มาให้หลินซีเหยียน แล้วหลินซีเหยียนก็ได้นั่งลงที่เก้าอี้และมองไปที่ฮูหยินอวี้ที่มีสีหน้ามืดมนมากขึ้นเรื่อยด้วยรอยยิ้มที่ไม่ใส่ใจอะไรที่มุมปากของนาง