บทที่ 246
เป็นที่โปรดปรานของสวรรค์
“ต่อไปนี้อย่าให้เทียนเอ๋อได้แตะต้องเหล้าอีก” หลังจากนั้นพักใหญ่ๆ เจียงหวายเย่ก็ได้พูดประโยคนี้ออกมาอย่างช้าๆ
หลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัวแล้วกล่าว “ข้าเห็นด้วย” จากนั้นก็ได้มองไปที่เจียงหวายเย่อย่างเป็นกังวล “แล้วท่านจะทำอย่างไรต่อไป?”
“ก็ไม่ใช่ว่าฮ่องเต้หลีนั้นคิดที่จะเปิดเผยความลับของ เปิ่นหวางอยู่แล้วหรอกเหรอ? ถ้าเป็นเช่นนั้นเปิ่นหวางก็จะล่วงหน้าด้วยการเปิดเผยเรื่องนี้ด้วยตัวเองก่อน” เจียงหวายเย่ก็ได้หรี่สายตาลง แล้วจากนั้นก็ได้เรียกอันอี้ออกมาแล้วบอกอะไรกับเขาไม่กี่ขำ แล้วอันอี้ก็ได้ขานรับคำสั่งแล้วจากไป
เจียงหวายเย่ก็ได้ยิ้มและกอดเอวของหลินซีเหยียนแล้วกล่าว “คืนนี้ เกรงว่าข่าวเรื่องที่เปิ่นหวางองค์ชายรัตติกาลจะเป็นที่โปรดปรานของสวรรค์นั้นจะถูกแพร่ออกไปทั่วเมืองหลวงเสียแล้ว”
“เรื่องในครั้งนี้ ข้าคิดว่าข้านั้นเป็นหนี้ท่านเสียแล้ว” หลินซีเหยียนนั้นรู้เรื่องของเจียงหวายเย่ดี เรื่องที่เขาต้องอดทนมาหลายตอนหลายปี ก็ได้พังทลายเพราะฝีมือของเทียนเอ๋อเสียแล้ว นางจึงได้รู้สึกติดค้างอะไรบางอย่างในใจของนาง
เจียงหวายเย่ก็ได้คิ้วขมวดแล้วจับมือของหลินซีเหยียนเอาไว้แน่นแล้วกล่าว “เสี่ยวเหยียนเอ๋อคิดว่าคำพูดปากเปล่าจะมีค่าเพียงพอที่จะชดเชยให้เปิ่นหวางได้อย่างนั้นเหรอ?”
“แล้วท่านต้องการอะไร?” หลินซีเหยียนก็ได้ทำสีหน้าจริงจังมากออกมา “หากว่าข้าทำได้ ข้าก็ยินดีจะช่วยท่าน”
“เสี่ยวเหยียนเอ๋อพูดออกมาเองนะ” แล้วที่มุมปากสีแดงของเจียงหวายเย่ก็ได้ยกขึ้นมาเล็กน้อยแล้วจ้องไปที่หลินซีเหยียนด้วยรอยยิ้ม ในสายตาของอีกฝ่ายแล้วเขาก็ได้เปิดปากออกมาอย่างช้าๆ “ครั้งนี้เปิ่นหวางนั้นสูญเสียอย่างมาก คงมีเพียง เสี่ยวเหยียนเอ๋อที่จะชดใช้ให้เปิ่นหวางได้”
ในชั่วขณะนั้นเองที่หลินซีเหยียนรู้สึกว่าตัวเองนั้นได้พูดผิดไปเสียแล้ว และมองไปที่เจียงหวายเย่อย่างอ้ำอึ้ง
เจียงหวายเย่นั้นก็คิดว่าหลินซีเหยียนนั้นน่ารักมากและอยากที่จะจูบหลินซีเหยียนอย่างอดเสียไม่ได้ หลินซีเหยียนที่รู้สึกตัวก็ได้คิดที่จะผลักเขาออกไป แต่สุดท้ายนางก็ได้ค่อยๆไร้เรี่ยวแรงจากการจูบมากขึ้นเรื่อยๆ
ด้วยการจูบที่เต็มไปด้วยอำนาจคุกคามนี้ ลิ้นของ เจียงหวายเย่ก็ได้กวาดไปทั่วทุกมุมปากของหลินซีเหยียน จนกระทั่งหลินซีเหยียนเริ่มขาดอากาศหายใจ
“เจียงหวายเย่ ท่านอยากตายมากนักใช่ไหม?”
หลินซีเหยียนก็ได้หายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าไปแล้วมองไปที่เจียงหวายเย่ด้วยสายตาที่เย็นชา แต่นางไม่รู้ว่าดวงตาของนางนั้นเยิ้มอย่างมาก เป็นดวงตาที่ทำให้เจียงหวายเย่นั้นต้องหายใจอย่างแรงขึ้นมาเล็กน้อย
แล้วเจียงหวายเย่ก็ได้พยายามสงบลมหายใจของเขาก่อนจะกล่าวด้วยสีหน้าที่ครุ่นคิด “หากตายด้วยฝีมือของ เสี่ยวเหยียนเอ๋อ เปิ่นหวางก็ยินดี”
“คนเลว”
หลังจากที่พูดสองคำนั้นทิ้งท้ายเอาไว้ หลินซีเหยียนก็ได้หันหลังและกลับไปที่ห้องของนาง เดินไปได้แค่ครึ่งทางนางก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จากนั้นก็ได้จ้องไปที่เจียงหวายเย่ด้วยสีหน้าที่จริงจังมาก “ช่วงนี้พิษมีอาการกำเริบบ้างไหม?”
เมื่อพูดเช่นนี้แล้ว เจียงหวายเย่เองก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาเช่นกัน “ตั้งแต่ที่มีอาการกำเริบเมื่อคราวก่อน ก็ไม่มีอาการอะไรอีกเลย ซึ่งอาการเช่นนี้ไม่เคยเป็นมาก่อนเลย”
หลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัวแล้วจากนั้นก็กล่าวอย่างกังวลใจ “มาหาข้าหน่อยให้ข้าได้ตรวจชีพจรของท่าน”
มองดูหลินซีเหยียนที่มีสีหน้ากังวล เจียงหวายเย่ก็ได้ผงกหัว แล้วดวงตาสีดำของเขาก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและไม่กล้าที่จะพูดอะไรไร้สาระออกมาอีก
หลินซีเหยียนที่รู้สึกได้ถึงชีพจรของเจียงหวายเย่ ก็พบว่าคงที่อย่างมากและไม่มีอาการผิดปกติอะไรเลย อาการเช่นนี้ราวกับว่าอาการพิษตกค้างในร่างของเขานั้นได้ถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว
แล้วนางก็ได้คิ้วขมวดเงียบๆแล้วมองอย่างสงสัย ซึ่งความสงบเช่นนี้ทำให้นางรู้สึกไม่ค่อยดีเลย นางจึงได้เงยหน้าขึ้นมาแล้วกล่าว “ช่วงนี้ระวังให้ดีด้วย ถ้ามีอาการอะไรขึ้นมา กินยานี้แล้วมาหาข้า”
เจียงหวายเย่ก็ได้รับยามาแล้วกล่าวล้อเล่น “นี่เป็นครั้งแรกเลยนะ ที่เสี่ยวเหยียนเอ๋อเป็นฝ่ายเชื้อเชิญเปิ่นหวางเองเช่นนี้”
ทันทีที่เขาพูดเช่นนี้จบ คำพูดที่โหดร้ายของหลินซีเหยียนก็ได้เสียดแทงเข้าหูของเขา” ถ้าท่านอยากที่จะตายนัก ข้าก็จะสนองให้ท่านก่อนเลย”
หลินซีเหยียนกล่าวและหยิบเอาขวดยาออกมาขวดหนึ่งที่เต็มไปด้วยพิษที่สามารถทำให้คนสามารถขึ้นสวรรค์ได้ในทันที “สนใจอยากที่ลองดูไหม?”
เมื่อมองไปที่ยาขวดนั้นแล้ว เจียงหวายเย่ก็ได้รู้สึกถึงอันตรายขึ้นมา แล้วรีบกล่าวออกไปทันที “เก็บกลับไปก่อนเถอะ เปิ่นหวางจะไม่พูดอะไรอีกแล้ว”
เพราะเจียงหวายเย่นั้นอารมณ์ดี อีกทั้งฮ่องเต้คงจะต้องเรียกเขาเข้าไปพบพรุ่งนี้แน่ เจียงหวายเย่จึงจำเป็นต้องกลับพระราชวังรัตติกาลเพื่อเตรียมการ
ส่วนหลินซีเหยียนก็ได้เตรียมที่จะกลับไปที่ห้องของนางเพื่อเตรียมตัวนอน หลังจากที่มองดูเทียนเอ๋อที่กำลังนอนหลับสนิท
ที่ด้านหลังของม่านกั้นในห้องนอน จะมีอ่างอาบน้ำอยู่ และอุณหภูมิของน้ำนั้นก็กำลังเหมาะสมแก่การอาบ หลินซีเหยียนจึงได้ถอดเสื้อผ้าออกเผยให้เห็นผิวที่ขาวมากของนาง จากนั้นก็ได้เดินลงไปในอ่างอย่างช้าๆแล้วก็ได้ถอนหายใจออกมาอย่างอดเสียไม่ได้
เวลาผ่านไปพัดหนึ่งหลินซีเหยียนที่เหมือนจะหลับไปในอ่างอาบน้ำ หลังจากที่น้ำเริ่มเย็นหลินซีเหยียนก็ได้จามออกมา ซึ่งทำให้นางตื่นขึ้นมา หลังจากที่เช็ดตัวเรียบร้อยก็ได้สวมชุดนอน
หลังจากที่ดับไฟลง หลินซีเหยียนก็ได้เดินไปที่เตียงของนาง และในชั่วขณะที่นางกำลังเอนตัวลงนอน นางก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรผิดปกติ มีคนอยู่ที่เตียงของนาง!!
ดวงตาของหลินซีเหยียนก็ได้เยือกเย็นขึ้นมา แล้วเข็มเงินที่ปลายนิ้วของนางก็ได้ปักลงไปอย่างรวดเร็ว
เข็มเงินเล่มนั้นมียาพิษที่หลินซีเหยียนเตรียมเอาไว้อย่างดีอยู่ด้วย ซึ่งจะทำให้คนที่โดนพิษจะรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก และทั้งมือทั้งเท้าก็จะอ่อนแรง หลังจากสักพัก หลินซีเหยียนก็ได้ยินเสียงครางของอีกฝ่ายดังขึ้นมา
หลินซีเหยียนก็ได้รีบลุกขึ้นยืนแล้วจุดไฟที่เทียนไขอย่างเร่งรีบ หลังจากนั้นก็พบหลีเจี้ยนเฉินที่สวมเสื้อผ้าแค่ชั้นเดียวอยู่
ในเวลานี้หลีเจี้ยนเฉินนั้นไม่มีเรี่ยวแรงที่จะพูดล้อเล่นออกมา เขาทำได้แค่กัดริมฝีปากตัวเองอย่างเงียบๆและอายที่จะร้องออกไปต่อหน้าหมอหลิน
หลินซีเหยียนก็ได้คิ้วขมวดแล้วจ้องไปที่หลีเจี้ยนเฉินที่อยู่ในสภาพนั้น แต่เนื่องจากตัวตนของอีกฝ่ายแล้ว นางจึงได้ดึงเข็มเงินออกมาแล้วป้อนยาให้เขาเม็ดหนึ่ง
หลังจากนั้นสักพัก หลีเจี้ยนเฉินก็ได้รู้สึกผ่อนคลายจากความเจ็บปวด เขาเช็ดเหงื่อที่หน้าผากของเขาแล้วมองไปที่ หลินซีเหยียนด้วยความกลัว จากนั้นเขาก็ได้กลืนน้ำลายและแสยะยิ้ม “พิษของท่านหมอหลินนั้นช่างไม่ธรรมดาจริงๆ”
หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่เขาอย่างเย็นชาแล้วถามออกไปตรงๆ “ฝ่าบาทมาทำอะไรที่ห้องนอนของหม่อมฉัน?”
เมื่อเห็นสีหน้าที่น่ากลัวของหมอหลินแล้ว หลีเจี้ยนเฉินก็ได้คิ้วขมวดแล้วกล่าว “ข้าก็แค่มาเสนอตัวเป็นหมอนข้างให้เจ้าก็เท่านั้น”
“ผู้ปกครองอาณาจักรผู้สูงส่ง เสนอตัวมาเป็นหมอนข้างให้ข้าเนี่ยนะ?”
คำตอบนี้ช่างฟังดูเว่อร์วังเหลือทนมาก แต่ใบหน้าของ หลีเจี้ยนเฉินนั้นได้บ่งบอกหลินซีเหยียนว่าอีกฝ่ายนั้นเอาจริงและไม่ได้โกหก
นางจึงได้ถอนหายใจออกมา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ฝ่าบาทเพคะ ข้าว่าท่านรีบกลับไปนอนที่เรือนของท่านจะดีกว่านะเพคะ!”
หลีเจี้ยนเฉินรู้สึกไม่พอใจ จึงได้คว้าเอาผ้าห่มบนเตียงมากอดแล้วทำสีหน้าราวกับว่าถูกทิ้งอยู่ตลอดเวลา “แต่แม่นางหลินแตะเนื้อต้องตัวข้าไปแล้ว ดังนั้นเจ้าจะต้องรับผิดชอบด้วย”
ใบหน้าของหลีเจี้ยนเฉินนั้นงดงามมากจนเป็นได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ในเวลานี้เขาจึงดูน่าสงสารมากเมื่อทำตาแดงๆ ทำให้หลินซีเหยียนรู้สึกใจอ่อนขึ้นมาเล็กน้อย
แต่โชคดีที่ในภาวะคับขันเช่นนี้ ความมีเหตุผลได้ดึงสติของนางเอาไว้ “ฝ่าบาท ท่านเองก็สวมเสื้อผ้าอยู่ และหม่อมฉันเองก็ยังสวมเสื้อผ้าอยู่ด้วยเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นหม่อมฉันแตะตัวท่านแล้วทำไมต้องเป็นหม่อมฉันเป็นคนรับผิดชอบด้วยล่ะเพคะ?”
“แต่เจ้าจับมือของข้าไปแล้วไง ถือเป็นการกินเต้าหู้นะ” แล้วใบหน้าของหลีเจี้ยนเฉินก็ได้แดงขึ้นมาแล้วกล่าว “ในฐานะที่ข้าเป็นถึงผู้นำของอาณาจักรแล้ว ท่านหมอหลินจะต้องรับผิดชอบด้วย ไม่อย่างนั้นข้าจะมีหน้าไปพบกับประชาชนของข้าได้อย่างไร?”
นี่มันขู่กรรโชกกันชัดๆ!
หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่อีกฝ่ายอย่างพูดอะไรไม่ออก แล้วกล่าว “ข้าแนะนำให้ฝ่าบาทรีบๆออกไปจะดีกว่านะเพคะ ไม่อย่างนั้นจะหาว่าหม่อมฉันหยาบคายไม่ได้นะเพคะ”
ในขณะนั้นเองหลีเจี้ยนเฉินก็เห็นเข็มเงินส่องแสงสีเขียวออกมา ทำให้เขารู้สึกตัวชาขึ้นมา แต่เขาก็ยังได้พยายามอย่างมากที่จะ“หว่านเสน่ห์”จนถึงที่สุด
“หมอหลินดูข้าสิ อย่างข้าน่ะเทียบกับเจียงหวายเย่ไม่ได้เลยเหรอ?”