ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 717 คมดาบ (ต้น)

ตอนที่ 717 คมดาบ (ต้น)

สือ​อี​เหนียง​คิด​ว่า​จะ​ตามใจ​จิ​่น​เกอ​เช่นนี้​ต่อไป​ไม่ได้​แล้ว​ ​ต้อง​คุย​อะไร​กับ​เขา​สัก​อย่าง

การ​เสวยสุข​กับ​ชีวิต​ที่​เหลวไหล​ ​ผู้ใหญ่​หลาย​คนยัง​ต้านทาน​ไม่ได้​ ​ยิ่ง​ไม่ต้อง​พูดถึง​เด็ก​อายุ​สิบ​สาม​ปี

นาง​ไป​เรือน​ชิง​หยินจ​วี

ใน​ลาน​เงียบสงัด​ ​อาจิน​กำลัง​แนะนำ​สาวใช้​สอง​สาม​คน​เย็บปักถักร้อย​อยู่​ที่​ห้อง​ปีก​ทิศตะวันออก​ ​ได้ยิน​ว่า​สือ​อี​เหนียง​มา​ ​นาง​ก็​ปล่อย​ให้​สาวใช้​สอง​สาม​คน​อยู่​ที่นั่น​ ​แล้ว​รีบ​ออกมา​ต้อนรับ​สือ​อี​เหนียง

“​จิ​่น​เกอ​ยัง​ไม่​กลับมา​อีก​หรือ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​มองดู​ท้องฟ้า​ที่​เริ่ม​มืด​แสง​ลง​ด้วย​ความเป็นห่วง

“​ยัง​ไม่​กลับมา​เจ้าค่ะ​!​”​ ​อาจิน​ตอบกลับ​อย่างนอบน้อม​ ​จากนั้น​ก็​เชิญ​สือ​อี​เหนียง​เข้าไป​ข้างใน​

ยก​ชา​และ​ของว่าง​เข้ามา​ ​สือ​อี​เหนียง​ไล่​คนอื่น​ออก​ไป​ก่อน​จะ​พูดคุย​กับ​อาจิน​

“​ช่วงนี้​จิ​่น​เกอ​มักจะ​กลับมา​ยาม​ใด​”

“​ยาม​โฉ่ว​เจ้าค่ะ​”​ ​อาจิน​ลังเล​อยู่​ครู่หนึ่ง​แต่​ก็​ตัดสินใจ​พูดตาม​ความจริง​ ​“​บางครั้ง​ก็​กลับมา​เกือบ​เช้า​ ​ล้างหน้าล้างตา​แล้วก็​ไป​เรือน​ซิ่ว​มู่​เจ้าค่ะ​”

“​ดื่ม​สุรา​หรือไม่​”

“​แค่​ช่วง​สอง​สาม​วันนี้​มีกลิ่น​สุรา​เจ้าค่ะ​…​”​ ​อาจิน​ตอบกลับ​อย่าง​อ้อมค้อม

สือ​อี​เหนียง​นึกถึง​เรื่อง​อื่น​ ​สีหน้า​ของ​นาง​เคร่งขรึม​ขึ้น​ ​“​บน​ตัว​ของ​เขา​มีกลิ่น​แป้ง​หรือไม่​”

อาจิน​พยักหน้า​เบา​ๆ

มือ​ที่อยู่​บน​โต๊ะ​เตียง​เตา​ของ​สือ​อี​เหนียง​กำ​แน่น​ ​สีหน้า​ของ​นาง​เย็นชา​จน​น่ากลัว​ ​นาง​เงียบ​ไป​ครู่หนึ่ง​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ข้า​จะ​รอ​เขา​อยู่​ที่นี่​ ​พวก​เจ้า​ควร​ทำ​อะไร​ก็​ไป​ทำ​เถิด​”

อาจิน​เดิน​ออก​ไป

แสงอาทิตย์​ค่อยๆ​ ​หาย​ลับ​ไป​ ​ใน​ห้อง​ค่อยๆ​ ​มืด​ลง

ป้า​รับใช้​ถือ​ตะกร้า​แล้ว​เดิน​เข้ามา​ด้วย​รอยยิ้ม​ ​อาจิน​พูด​บางอย่าง​กับ​นาง​เบา​ๆ​ ​บรรยากาศ​ข้างนอก​เงียบสงัด​ ​ได้ยิน​แค่​เสียง​เปลี่ยน​โคมไฟ​ ​แขวน​โคมไฟ​…​จากนั้น​แสงสี​แดง​ก็​สาดส่อง​ผ่านหน้า​ต่าง​เข้ามา​อย่างรวดเร็ว​

แสงไฟ​สีแดง​ส่อง​กระทบ​ลง​บน​โต๊ะ​และ​เก้าอี้​สีดำ​สนิท​ ​พลอย​ทำให้​บรรยากาศ​ดู​อึมครึม

สือ​อี​เหนียง​เผลอ​หลับ​ไป​บน​หมอน​พิง​ใบ​ใหญ่

ไม่รู้​ว่า​ผ่าน​ไป​นาน​แค่ไหน​ ​จู่ๆ​ ​นาง​ก็​ตื่นขึ้น​มา

ใน​ห้อง​ไม่ได้​จุดไฟ​ ​บรรยากาศ​เงียบสงัด​แต่กลับ​มี​ผ้าห่ม​ห่ม​อยู่​บน​ตัวนาง

นาง​ขยับตัว​ก็ได้​ยิน​เสียง​ที่​ฟัง​ดู​เอือมระอา​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ดัง​ขึ้น​มา​ใน​ห้อง​ ​“​ตื่น​แล้ว​หรือ​!​”

สือ​อี​เหนียง​ลุกขึ้น​นั่ง​ ​“​ยาม​ใด​แล้ว​เจ้า​คะ​”

“​ใกล้​จะ​ยาม​จื่อ​แล้ว​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​เบา​ๆ​ ​จากนั้น​ก็​เรียก​สาวใช้​เข้ามา​จุด​ตะเกียง

“​ไม่ต้อง​แล้ว​เจ้าค่ะ​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​เอน​ตัว​พิง​หมอน​ ​“​ข้า​อยาก​นั่ง​เงียบๆ​ ​สักประเดี๋ยว​!​”

“​เช่นนั้น​ก็​ต้อง​ทานอาหาร​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​จับมือ​นาง​ ​“​ทาน​เสร็จ​แล้ว​เรา​ค่อย​รอ​จิ​่น​เกอ​ด้วยกัน​!​”

สือ​อี​เหนียง​สะบัด​มือ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​“​ท่าน​โหว​รู้เรื่อง​ที่​จิ​่น​เกอ​ออก​ไป​ดื่ม​สุรา​ข้างนอก​นาน​แล้ว​ใช่​หรือไม่​เจ้า​คะ​”​ ​นาง​มอง​สวี​ลิ่ง​อี๋​ด้วย​สายตา​ที่​เย็นชา​ ​“​จิ​่น​เกอ​ยัง​เด็ก​แต่กลับ​รู้จัก​ดื่ม​สุรา​แล้ว​…​”​ ​เรื่อง​อื่น​ถึงแม้​จะ​ไม่มี​หลักฐาน​ ​แต่​สือ​อี​เหนียง​ครุ่นคิด​แล้วก็​กลืน​คำ​นั้น​ลง​ไป​ ​แต่​ใน​ใจ​ของ​นาง​กลับ​รู้สึก​ไม่สบายใจ​ ​“​หาก​ปล่อย​ให้​เป็น​เช่นนี้​ต่อไป​แล้ว​เขา​จะ​ไม่​เสียคน​หรอก​หรือ​”

“​มัน​ไม่ได้​รุนแรง​เหมือน​ที่​เจ้า​พูด​”​ ​เรื่อง​ที่​เกี่ยว​ของ​กับ​จิ​่น​เกอ​ ​สือ​อี​เหนียง​มักจะ​กังวล​เป็นพิเศษ​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เข้าใจ​ ​เขา​ยิ้ม​แล้ว​เกลี้ยกล่อม​สือ​อี​เหนียง​ ​“​จิ​่น​เกอ​ไม่ใช่​เด็ก​ไม่รู้​ความ​ ​รอ​เขา​กลับมา​แล้ว​เรา​ค่อย​ถาม​เขา​ดี​ๆ​ ​ก็ได้​”​ ​พูด​จบ​ ​เขา​ก็​เปลี่ยน​เรื่อง​ ​“​แต่ว่า​เขา​ไม่​เด็ก​แล้ว​ ​จะ​ขัง​เขา​อยู่​ที่​จวน​ทั้ง​ชีวิต​ไม่ได้​ ​ให้​เขา​ออก​ไป​เรียนรู้​บ้าง​ก็​ไม่ใช่​เรื่อง​แย่​อะไร​”

ใน​สายตา​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​บุตรชาย​ของ​นาง​พึ่ง​จะ​จบ​การศึกษา​ระดับ​ประถมศึกษา​ ​แต่​ใน​สายตา​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​บุตรชาย​ของ​เขา​อีก​สอง​ปีก​็​ควร​แต่งงาน​แล้ว​ ​ความคิด​ที่​แตกต่าง​กัน​เช่นนี้​ ​ไม่มีใคร​โน้มน้าว​ใคร​ได้​

สือ​อี​เหนียง​เม้มปาก​ ​“​ข้า​ตัดสินใจ​แล้ว​ ​รอ​ให้​จิ​่น​เกอ​อายุ​ยี่สิบ​ปีก่อน​แล้ว​ค่อย​แต่งงาน​!​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ตกใจ

สือ​อี​เหนียง​พูด​ ​“​ท่าน​บอกว่า​คนที​่​ฝึกก​ฝน​ศิลปะ​การต่อสู้​ภายใน​ ​ต้อง​มี​ศิลปะ​การต่อสู้​พื้นฐาน​ถึง​จะ​แต่งงาน​ได้​ไม่ใช่​หรือ​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​ ​ท่าน​ยัง​ตั้งเงื่อนไข​ให้​จิ​่น​เกอ​สาม​ข้อ​ ​หาก​เขา​ผ่าน​สาม​ด่าน​นี้​ไม่ได้​ก็​กลับมา​ไม่ได้​ ​หาก​รีบ​แต่งงาน​ ​ภรรยา​ของ​เขา​ก็​ไป​กับ​เขา​ไม่ได้​ ​นับว่า​เป็นการ​ทำร้าย​คนอื่น​”​ ​พูด​จบ​ ​นาง​ก็​เริ่ม​วางแผน​ใน​ใจ​แล้ว​ว่า​ประเดี๋ยว​จะ​เกลี้ยกล่อม​จิ​่น​เกอ​อย่างไร​ ​นาง​ยิ้ม​แล้ว​พูด​อีกว่า​ ​“​ข้า​คิด​ว่า​เรื่อง​นี้​ก็​ตกลง​ตาม​นี้​เถิด​ ​รอ​ให้​เขา​อายุ​สิบ​แปด​ปี​ข้า​ค่อย​ไป​สู่ขอ​ภรรยา​ให้​เขา​ ​กำหนด​วัน​ ​เตรียมงาน​แต่ง​ ​ต้อง​ใช้เวลา​หนึ่ง​ถึง​สอง​ปี​ ​ถึง​ตอนนั้น​จิ​่น​เกอ​ก็​คงจะ​กลับมา​แล้ว​ ​จะ​ได้​อยู่​พร้อมหน้าพร้อมตา​กัน​!​”

แต่งงาน​ตอน​อายุ​ยี่สิบ​ปี​ ​ถือว่า​สาย​เกินไป

แต่​สวี​ลิ่ง​อี๋​รู้​ว่า​สือ​อี​เหนียง​กำลัง​โมโห​ ​หาก​เขา​พูด​คัดค้าน​นาง​ตอนนี้​คง​เป็น​พฤติกรรม​ที่​โง่เขลา​ ​แต่​หาก​เขา​ตอบ​ตกลง​ก็​ต้อง​ทำตาม​สัญญา​ ​ฉะนั้น​จึง​พูด​อย่าง​คลุมเครือ​ ​“​เรื่อง​นี้​ประเดี๋ยว​ค่อย​ว่า​กัน​เถิด​ ​ตอนนี้​เจ้า​ต้อง​ทานอาหาร​ก่อน​ ​รอ​ให้​ข้า​คิด​หาวิ​ธี​ให้​จิ​่น​เกอ​กลับ​ไป​ด่าน​หุบเขาจ​ยา​อวี​้​แล้ว​ ​เรา​ค่อย​ปรึกษา​กัน​ก็​ไม่​สาย​!​”

คำพูด​ของ​เขา​ทำให้​สือ​อี​เหนียง​นึกถึง​อีก​เรื่อง​หนึ่ง​ขึ้น​มา

วันที่​ไปหา​ฮองเฮา​วันที่​หนึ่ง​ ​ฮองเฮา​ถาม​นาง​ว่า​ ​“​ค่าย​ใหญ่​ซี​ซาน​หรือว่า​องครักษ์​วัง​หลวง​ดีกว่า​กัน​”

ฮองเฮา​ไม่มีทาง​ถาม​เช่นนี้​โดย​ไม่มีเหตุผล​แน่นอน​ ​เป็นไปได้​ที่นา​งอยาก​ให้​จิ​่น​เกอ​ไปรับ​ตำแหน่ง​ใน​ที่สอง​ที่​นั้น​ ​หาก​สำเร็จ​ตามนั้น​ ​จิ​่น​เกอ​ก็​ต้อง​ประจำการ​อยู่​ที่​เมืองหลวง

นาง​อยาก​ให้​จิ​่น​เกอ​อยู่​กับ​นาง​ ​แต่​นาง​ก็​อยาก​ให้​เขา​ผ่านการทดสอบ​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​มี​ความสามารถ​ใน​การ​ดูแลตัวเอง​ก่อน​แล้ว​ค่อย​อยู่​ที่​เยี​่​ยน​จิง​ต่อไป

‘​มักจะ​ได้ยิน​ญาติ​ๆ​ ​บอกว่า​ ​สอง​ที่​นี้​ล้วนแต่​เป็น​สถานที่​ที่​ดี​เพ​คะ​’​ ​ถึงแม้​ฮองเฮา​จะ​มี​เจตนา​เช่นนั้น​แต่​ก็​ไม่ได้​บอก​สือ​อี​เหนียง​โดยตรง​ ​สือ​อี​เหนียง​เลย​ต้อง​ทำเป็น​คล้อยตาม​คำพูด​ของ​นาง​ ​‘​เพียงแต่ว่า​หม่อมฉัน​อยู่​แต่​ใน​เรือน​ ​ไม่​ค่อย​รู้เรื่อง​ข้างนอก​ ​คง​ต้อง​ขอ​คำแนะนำ​จาก​ท่าน​โหว​เพ​คะ​!​’

ฮองเฮา​พอใจ​กับ​คำตอบ​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​นาง​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​จากนั้น​ก็​หันไป​คุย​กับ​องค์​หญิง​ฉัง​หนิง

ตอนนี้​ได้ยิน​สวี​ลิ่ง​อี๋​บอกว่า​จะ​คิด​หาวิ​ธี​ส่ง​จิ​่น​เกอ​ออก​ไป​จาก​เมืองหลวง​ ​สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​ดีขึ้น​ไม่น้อย​ ​“​ข้า​ไม่​อยาก​ทาน​ ​ท่าน​โหวก​ลับ​ไป​พักผ่อน​ที่​เรือน​ก่อน​เถิด​ ​ท่าน​อยู่​ที่นี่​พวก​ข้า​สอง​คน​แม่​ลูก​ไม่กล้า​พูดคุย​กัน​เจ้าค่ะ​”

“​รอ​จิ​่น​เกอ​กับ​ทานข้าว​ขัดแย้ง​กัน​อย่างไร​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​ ​“​อย่า​ทรมาน​ตัวเอง​เหมือน​เด็ก​ๆ​ ​เลย​!​”

พวกเขา​สอง​คน​ล้วนแต่​คิด​ไม่​เหมือนกัน​ ​สุดท้าย​ก็​ต้อง​ยอม​ถอย​ออกมา​คนละ​ก้าว​ ​สือ​อี​เหนียง​ทานข้าว​ต้ม​ชาม​เล็ก​ไป​ชาม​หนึ่ง​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​กลับ​ไป​พักผ่อน​ที่​ห้อง​หนังสือ​ลาน​นอก

เมื่อถึง​ยาม​โฉ่ว​ ​นอก​ประตู​มีเสียง​การเคลื่อนไหว

สือ​อี​เหนียง​ลุกขึ้น​นั่ง​ ​มองออก​ไปนอก​หน้าต่าง​ ​ภายใต้​แสง​โคม​สีแดง​ใต้​ชายคา​ ​นาง​เห็น​ฉั​งอา​นพ​ยุง​จิ​่น​เกอ​ที่​เดิน​โซซัดโซเซ​เข้ามา​

นาง​รีบ​นั่ง​ตัวตรง​รอ​จิ​่น​เกอ​เข้ามา

แต่​ใคร​จะ​รู้​ว่า​รอตั​้ง​นาน​ ​ก็​ไม่เห็น​เงา​ของ​จิ​่น​เกอ

นาง​มองออก​ไปนอก​หน้าต่าง​ด้วย​ความสงสัย

อาจ​เป็น​เพราะ​อาจิน​เคย​พูด​ไว้​ ​ไม่มี​คน​อยู่​ใน​ลาน​ ​ไม่รู้​ว่า​ฉั​งอาน​ไป​ที่ไหน​ ​จิ​่น​เกอ​นั่ง​กุม​หัว​อยู่​บน​บันได​หน้า​ห้อง​หลัก​คนเดียว​ ​อาจิน​พาสาว​ใช้​เดิน​เข้าไป​นั่งยองๆ​ ​พูด​อะไร​บางอย่าง​กับ​เขา​ ​นาง​พูด​พร้อมกับ​เหลือบมอง​เข้ามา​ห้อง​ข้างใน​

สือ​อี​เหนียง​ครุ่นคิด​แล้ว​เดิน​ออก​ไป​อย่าง​เงียบเสียง​

อาจิน​กำลัง​หันไป​พูด​กับ​สาวใช้​ ​“​…​เร็ว​เข้า​ ​ไป​บิด​ผ้าเช็ดหน้า​เย็น​ๆ​ ​มา​เช็ดหน้า​คุณชาย​น้อย​หก​ ​หากฮู​หยิน​เห็น​ ฮู​หยิน​คง​โมโห​มากกว่า​เดิม​!​”

สาวใช้​น้อย​ขานรับ​แล้ว​กำลังจะ​ออก​ไป​ ​แต่​พอ​เงยหน้า​ขึ้น​มา​เห็น​สือ​อี​เหนียง​ก็​ตัว​แข็ง​ค้าง​อยู่​ตรงนั้น

อาจิน​ตระหนัก​ขึ้น​ได้​ทันที​ ​นาง​รีบ​ผลัก​จิ​่น​เกอ​ ​“​คุณชาย​น้อย​หก​เจ้า​คะ​ ฮู​หยิน​มา​แล้ว​เจ้าค่ะ​…​”

จิ​่น​เกอ​เงยหน้า​ขึ้น​ด้วย​สายตา​ที่​พร่ามัว​ ​“​ท่าน​แม่​…​ท่าน​แม่​ของ​ข้า​อยู่​ที่ไหน​”

สือ​อี​เหนียง​โมโห​ ​นาง​เดิน​เข้าไป​จับ​แขน​จิ​่น​เกอ​ ​“​เจ้า​พึ่ง​จะ​อายุ​แค่นี้​แต่​หัด​ดื่ม​สุรา​แล้ว​อย่างนั้น​หรือ​…​”

ยัง​พูด​ไม่​จบ​ ​จิ​่น​เกอ​ก็​กอด​สือ​อี​เหนียง​ ​“​ท่าน​แม่​ขอรับ​…​”​ ​เขา​ออดอ้อน​สือ​อี​เหนียง​ราวกับ​เด็กน้อย​ ​“​ข้า​ปวดหัว​ขอรับ​!​”

สือ​อี​เหนียง​ใจอ่อน​ ​แต่​เมื่อ​ได้กลิ่น​สุรา​บน​ตัว​ของ​เขา​ ​นาง​ก็​โมโห​อีกครั้ง​ ​“​เจ้า​ทำตัว​เช่นนี้​ได้​อย่างไร​กัน​!​”​ ​พูด​พร้อมกับ​ผลัก​ตัว​จิ​่น​เกอ​ออก

ดื่ม​สุรา​มากเกินไป​ ​จิ​่น​เกอ​เลย​ยืน​ไม่​ตรง​ ​เขา​ไม่ทัน​ตั้งตัว​ก็​ล้ม​ลง​กับ​พื้น

สือ​อี​เหนียง​เดิน​เข้าไป​ดึง​เขา​ ​“​รีบ​ลุกขึ้น​เร็ว​เข้า​ ​พื้น​เย็น​ ​ประเดี๋ยว​จะ​เป็นหวัด​เอา​!​”​ ​นาง​ถึง​ได้​เห็น​ว่า​ ​จิ​่น​เกอ​สวม​แค่​เสื้อผ้า​ฝ้าย​ตัว​เดียว​ ​เสื้อคลุม​บน​ตัว​ถอด​ไป​ไว้​ที่ไหน​ไม่รู้​ ​นาง​ใช้​สอง​มือ​ออกแรง​ดึง​เขา​ขึ้น​มา​ ​“​รีบ​ลุกขึ้น​!​”

แต่​จิ​่น​เกอ​กลับ​นั่ง​อยู่​ตรงนั้น​ไม่ยอม​ลุก

“​ท่าน​แม่​ ​ข้า​ ​ข้า​อยาก​กลับ​ด่าน​หุบเขาจ​ยา​อวี​้​ขอรับ​”​ ​เขา​เงยหน้า​ขึ้น​มอง​มารดา​ ​ไม่รู้​ว่า​มอง​อะไร​ ​“​ข้า​ไม่​ชอบ​ชีวิต​เช่นนี้​…​เอาแต่​เที่ยวเล่น​ไป​วัน​ๆ​ ​ทำตาม​อำเภอใจ​ตัวเอง​ไป​วัน​ๆ​…​เสียเวลา​…​น่าเบื่อ​…​ข้า​อยาก​กลับ​ด่าน​หุบเขาจ​ยา​อวี​้​ ​เดิมพัน​ของ​ข้า​กับ​ท่าน​พ่อ​ยัง​ไม่สำเร็จ​เลย​ขอรับ​…​ขี่ม้า​สีขาว​ไป​ทาง​ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ​ ​สวม​บังเหียน​ม้า​สีทอง​ ​มี​คน​ถาม​ว่า​ข้า​เป็น​บุตรชาย​ของ​ใคร​…​”​ ​ยัง​พูด​ไม่​จบ​ก็​อาเจียน​ออกมา​

สือ​อี​เหนียง​ตกใจ

อาจิน​รีบ​นั่งยองๆ​ ​“​คุณชาย​น้อย​หก​เจ้า​คะ​!​”​ ​นาง​ไม่สน​ใจ​กลิ่น​อาเจียน​ของ​จิ​่น​เกอ​ ​รีบ​หยิบ​ผ้าเช็ดหน้า​ออกมา​เช็ด​ปาก​ให้​เขา

“​จิ​่น​เกอ​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​นั่งยองๆ​ ​แล้ว​ลูบ​หลัง​เขา​เบา​ๆ

จิ​่น​เกอ​อาเจียน​ออกมา​อีกครั้ง

ฉั​งอาน​ยก​ชาม​น้ำแกง​ใบ​ใหญ่​เดิน​เข้ามา

“​น้ำแกง​สร่าง​เมา​มา​แล้ว​ขอรับ​!​”​ ​พูด​พลาง​สาวเท้า​เดิน​เข้ามา​อย่างเร่งรีบ​ ​นำ​ชาม​น้ำแกง​ยัด​ใส่​มือ​สาวใช้​น้อย​แล้ว​พูดว่า​ ​“ฮู​หยิน​ขอรับ​ ​ท่าน​ไม่ต้อง​ห่วง​ ​ให้​คุณชาย​น้อย​หก​อาเจียน​ออกมา​ให้​หมด​ประเดี๋ยว​ก็ดี​ขึ้น​ขอรับ​ ​ล้วนแต่​เป็นความ​ผิด​ของ​ใต้เท้า​เซี​่ย​คน​นั้น​ ​เชิญ​รอง​ผู้บัญชาการ​หลิน​แห่ง​ค่าย​ใหญ่​ซี​ซาน​ไป​ด้วย​ ​รอง​ผู้บัญชาการ​หลิน​บอกว่า​เคย​เป็น​ลูกน้อง​ท่าน​โหว​ ​จะ​ให้​คุณชาย​น้อย​หก​ดื่ม​สุรา​ให้​ได้​ ​หาก​ไม่​ดื่ม​เขา​ก็​บอกว่า​คุณชาย​น้อย​หก​ดูถูก​เขา​ ​คุณชาย​น้อย​หก​จึง​ต้อง​ดื่ม​ขอรับ​…​”

ขณะที่​เขา​กำลัง​เล่า​ให้​ฟัง​ ​จิ​่น​เกอ​ก็​อาเจียน​เสร็จ​แล้ว​ ​เขา​เอน​ตัว​พิง​ประตู​แล้ว​หลับตา​ด้วย​สีหน้า​ที่​เจ็บปวด

“ฮู​หยิน​ ​ให้​บ่าว​เป็น​คน​พยุง​คุณชาย​น้อย​หกกลับ​เรือน​ดีกว่า​ขอรับ​”​ ​ฉั​งอา​นพูด​แล้ว​นั่งลง​ ​รอ​ให้​สือ​อี​เหนียง​ออกคำสั่ง

สือ​อี​เหนียง​เข้าใจ​ในทันที​ ​นาง​พยักหน้า​แล้ว​ถอย​ออก​ไป

ฉั​งอา​นพ​ยุง​จิ​่น​เกอ​ไป​วาง​บน​เตียง​แล้ว​หันไป​พูด​กับ​อาจิน​ ​“​ไป​นำ​ถาด​มา​ ​ดูท่า​ที​แล้ว​ ​ประเดี๋ยว​คงจะ​อาเจียน​อีกครั้ง​”​ ​เขา​พูด​ต่อ​อีกว่า​ ​“​นำ​น้ำเปล่า​มา​ให้​คุณชาย​น้อย​หก​ล้างปาก​ ​คุณชาย​น้อย​หก​จะ​ได้​สบาย​ตัว​ ​เรียก​สาวใช้​สอง​สาม​คน​เข้ามา​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า​ให้​คุณชาย​น้อย​หก​ ​จุด​ธูปหอม​ร้อย​บุหงา​ไล่​กลิ่น​อาเจียน​…​”​ ​เขา​คิดได้​อย่าง​รอบคอบ​มาก​

อาจิน​ตอบรับ​ ​กำลังจะ​เดิน​ออกป​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​เดิน​เข้ามา

“​ดื่ม​มากเกินไป​หรือ​”​ ​เขา​นั่งลง​บน​เตียง

ฉั​งอา​นรี​บถอ​ยอ​อก​ไป​ข้างๆ

“​ไม่ใช่​แค่​ดื่ม​มากเกินไป​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​มองดู​บุตรชาย​ที่จับ​หน้าอก​ตัวเอง​แล้ว​ถอนหายใจ​ ​“​แต่​ดื่ม​จน​เมา​เจ้าค่ะ​!​”

“​ไม่เป็นไร​ ​ไม่เป็นไร​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​ ​“​ลูกผู้ชาย​ก็​ต้อง​มี​เมา​กัน​บ้าง​ ​เจ้า​ไป​พักผ่อน​เถิด​ ​ข้า​จัดการ​เอง​”​ ​พูด​จบ​ ​ก็​เห็น​จิ​่น​เกอ​พยายาม​ลุกขึ้น​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​รีบ​พยุง​เขา​ลุกขึ้น​ ​จิ​่น​เกอ​อาเจียน​อีกครั้ง​

“​ไป​พักผ่อน​เถิด​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​บอก​สือ​อี​เหนียง​ ​“​ระวัง​เหม็น​กลิ่น​อาเจียน​!​”

สือ​อี​เหนียง​จะ​นอนหลับ​ลง​ได้ที่​ไหน

ทุก​ห้อง​ของ​เรือน​ชิง​หยินจ​วี​จุดไฟ​สว่างไสว​อีกครั้ง​ ​ผ่าน​ไป​กว่า​ครึ่ง​ชั่ว​ยาม​ถึง​ค่อยๆ​ ​มืด​ลง

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท