พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – บทที่ 1679 สำแดงฤทธิ์แยกร่าง

บทที่ 1679 สำแดงฤทธิ์แยกร่าง

“เป็นกับดักจริงๆ ด้วย ทั้งยังเป็นกับดักที่ใหญ่มาก!”

เหมียวอี้ที่ถลึงตามองพูดไม่ออกจริงๆ สงสัยก่อนหน้านี้จะประเมินอีกฝ่ายต่ำไป ตอนนี้เพิ่งจะพบว่าตระกูลอิ๋งบ้าไปแล้วจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าใช้การต่อสู้ขนาดใหญ่ขนาดนี้มารับมือกับตน อาจจะประเมินเขาหนิวโหย่วเต๋อสูงเกินไปหรือเปล่า

“ศิษย์สำนักหลัวช่าที่สังหาราบรื่นราวกับลมพัดอึ้งทันที ทัพใหญ่ดำเป็นพืดเหาะลงมาจากฟ้าแบบนั้น ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ที่เปล่งแสงแบบนั้น ทำให้ใจคนตึงเครียดตามไปด้วย”

พวกนางหันมองไปรอบๆ พบว่าถูกล้อมไว้หมดแล้ว!

“เยี่ยนฉงอยู่กลางอากาศ สีหน้าเย็นเยียบดุร้าย คว้าธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์คันหนึ่งมาไว้ในมือ ตั้งลูกธนูไว้บนสาย แล้วยิงออกไปอย่างฉับพลัน เริ่มตั้งแต่หัวลูกธนูแหลมคม แสงสีเขียวที่ควบแน่นสายหนึ่งหมุนวนตามแท่งของลูกธนู แล้วลุกโชนทั้งตัวธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ และแสงสีเขียวที่อยู่บนก้านของลูกธนูก็ค่อยๆ ปรากฏเงามังกรเจียวหลงตัวหนึ่ง เป็นเงาแสงที่น่าสะพรึงกลัวก่อตัวเป็นความโอ่อ่าทรงพลังกลุ่มหนึ่ง!”

เสวี่ยอวี้ที่ง้างสายธนูเล็งหัวลูกธนูแหลมคมไปทางเยี่ยนสุย เล็งไปยังผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาคนที่ลอบจู่โจม

เม่ยจีกวาดสายตามอง ทำให้เบิกตากว้างทันที ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ขั้นเจ็ด!

ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ขั้นเจ็ด! เหมียวอี้ที่มองอยู่ไกลๆ ก็ตกตะลึงเช่นกัน เหมือนว่าธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ระดับนี้ ทั้งทัพตะวันออกของตระกูลอิ๋งจะมีอยู่ไม่กี่คัน ต่อให้เป็นกองทัพองครักษ์ก็มีน้อยเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าจะมาปรากฏอยู่ตรงนี้หนึ่งคัน ช่างทำให้คนตกใจจริงๆ!

เขาพอจะตระหนักได้ว่าคนคนนี้มีฐานะไม่ต่ำในตระกูลอิ๋ง ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์นี้น่าจะไม่ได้ตั้งใจนำมารับมือกับเขาโดยเฉพาะ ดีไม่ดีคนคนนี้อาจจะมีติดตัวไว้แต่เดิมแล้วก็ได้ เขาเคยได้ยินมาบ้างว่าในบรรดาองครักษ์ของจวนสี่อ๋องสวรรค์จะมีธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ขั้นเจ็ด หลักๆ มีไว้เพื่อรักษาความปลอดภัยให้สมาชิกครอบครัวในจวนท่านอ๋อง

พอได้ลงมือก็ใช้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ขั้นเจ็ดเลย จะเห็นได้ว่าผู้ที่มาก็ตระหนักได้ถึงอันตรายเช่นกัน คนของอีกฝ่ายมีไม่เยอะ แต่มียอดฝีมือเยอะเกินไป เห็นได้ชัดว่าผู้ที่มาอยากจะรัวดาบฟันเชือกเพื่อรีบแก้ไขปัญหายุ่งยาก อยากลดความกดดันให้น้อยลงก่อน

หลังจากขุนพลใหญ่หกลัทธิได้เห็นธนูคันนี้ แต่ละคนก็ตาลุกวาว ทำสีหน้าเหมือนอยากได้

“ท่านอาจารย์ ระวัง!” เม่ยจีกลับอุทานตกใจ

ปั้ง! เยี่ยนฉงคลายนิ้วทั้งห้า คันธนูและลูกธนูในมือส่งเสียงอันประดุจอัสนีบาตเก้าชั้นฟ้าทันที ปลายลูกธนูที่มีลูกกลมสีดำหมุนวนพลันยิงออกไป ลูกกลมสีดำมีกระแสไฟฟ้าล้อมรอบจางๆ พอลูกธนูดาวตกหลุดออกจากสายธนู เงามายาของลำแสงที่เคลื่อนที่รวดเร็วนั้นก็หายไปโดยที่คนมองไม่ทัน แทบจะลากยาวเป็นเส้นตรงแทงไปที่เสวี่ยอวี้

ส่วนสายธนูที่สั่นไหวเสียงดังหึ่งๆ ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้อากาศที่อยู่โดยรอบกระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะตามไปด้วย

คนที่มีพลังอิทธิฤทธิ์ต่ำรอบตัวเยี่ยนฉงก็ถูกแรงดึงดูดจนโซเซเช่นกัน ยากที่จะยืนให้มั่นคงได้

ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ระดับนี้ พลังอิทธิฤทธิ์ที่คนทั่วไปกรอกใส่เข้าไปไม่อาจทำให้ง้างสายธนูได้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถถึงว่าจะยิงได้สักดอก ถ้าวรยุทธ์ไม่ถึงระดับบงกชกลายก็ไม่มีทางควบคุมได้เลย!

พอลูกธนูดอกนี้ยิงออกไป ก็เท่ากับเป่าแตรสัญญาณรุกโจมตีแล้ว ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หนึ่งหมื่นคันยิงพร้อมกัน ในจำนวนนั้นมีธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ขั้นหกยี่สิบคัน ลำแสงหนึ่งหมื่นสายพลันยิงออกไปพร้อมกัน ชั่วขณะนั้นเสียงระเบิดของธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ดังเป็นแถบๆ

“ลงไป!” เม่ยจีออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงร้อนใจ ทุกคนของสำนักหลัวช่ารีบพุ่งไปที่พื้นดินด้วยความเร็วสูงสุดทันที

เสวี่ยอวี้ที่โผเข้าไปหาเยี่ยนสุยพลันถลันตัวในแนวขวาง หมุดเข้าไปในดงหน่อเหล็กแล้ว นางยื่นมือไปคว้าหน่อเหล็กแหลมเพื่อหยุดชั่วคราว แล้วหันกลับมาด้วยสายตาเยียบเย็น

ลำแสงที่มีลูกกลมสีดำหมุนวนไล่ตามไปอย่างเร่งด่วน หลังจากเลี้ยวผ่านมุมแล้ว ก็ถล่มชนเสวี่ยอวี้

เยี่ยนฉงที่ถือธนูอยู่บนท้องฟ้าหนังตากระตุกทันที ตระหนักได้ถึงความไม่ชอบมาพากลแล้ว โผเข้าไปหาเสวี่ยอวี้ที่อยู่เบื้องล่างอย่างบ้าคลั่ง

เยี่ยนสุยที่เดิมทียืนนิ่งอยู่บนพื้นไม่ขยับไปไหนก็มุมปากกระตุกเช่นกัน เหมือนจะตระหนักอะไรบางอย่างได้ คว้าทวนยาวไว้ในมือ แล้วโผเข้าไปหาเสวี่ยอวี้อย่างฉับพลัน สองพี่น้องคนหนึ่งมาจากบนฟ้า คนหนึ่งงมาจากพื้น ร่วมกันโจมตี!

ขุนพลใหญ่หกลัทธิที่ดูการต่อสู้อยู่ไกลๆ พบว่าเยี่ยนฉงไม่ปกติ ไม่รู้ว่าเสวี่ยอวี้ทำอะไรไปถึงทำให้เยี่ยนฉงมีปฏิกิริยามากขนาดนี้ แต่จนใจที่บนพื้นมีสิ่งกีดขวางเยอะเกินไป เห็นการเคลื่อนไหวของเสวี่ยอวี้ไม่ชัดเลย

กลับเป็นเหมียวอี้ที่ได้เปรียบ รีบใช้ตาทิพย์สังเกตการณ์แล้ว

สองพี่น้องแซ่เยี่ยนตัดสินไม่ผิด จู่ๆ เสวี่ยอวี้ที่ห้อยอยู่บนหน่อเหล็กแหลมก็หมุนรอบหนึ่งราวกับกังหันลม สะบัดร่างตัวเองไปอยู่หลังดงหน่อเหล็กขนาดใหญ่

ปั้ง! ฟ้าดินดังสะเทือน เหล็กโลหะบนพื้นส่งเสียงดังกังวานไม่หยุด บนพื้นมีคลื่นกระแสอากาศลอยขึ้นมาชั้นหนึ่ง จากนั้นก็ถูกแรงระเบิดกลุ่มหนึ่งที่แผ่มาจากศูนย์กลางตีกระจาย

แม้แต่พวกเหมียวอี้ที่อยู่ไกลๆ ก็ยังอดไม่ได้ที่จะมองดงหน่อเหล็กด้านซ้ายและขวา ด้านบนส่งเสียงโลหะดังไม่หยุด สั่นสะเทือน!

อานุภาพมหาศาลขนาดนี้ ทำให้ตระหนักได้ทันทีว่าลูกธนูดาวตกขั้นเจ็ดนั่นยิงโดนของที่อยู่บนพื้น

ตาทิพย์จ้องเข้าไปอย่างรวดเร็ว เหมียวอี้ที่เห็นสถานการณ์ชัดเจนเรียกได้ว่าตกตะลึงไม่หยุด พบว่าสมกับเป็นยอดฝีมือที่สำนักหลัวช่าส่งมา

เสวี่ยอวี้รับมืออย่างสุขุมและถลันตัวกลางอากาศ หลบการยิงโจมตีที่รุนแรงของลูกธนูดาวตกขั้นเจ็ดไปได้

ลูกธนูดาวตกชนบนเสาเหล็กที่เหมือหน่อไม้ เสาเหล็กนี้ทนทานเหมือนวิปริตจริงๆ ขนาดถูกอานุภาพการโจมตีแข็งแกร่งขนาดนี้ ก็แค่ถูกชนจนงอเท่านั้น

หลังจากลูกธนูดาวตกชนแล้วกำลังจะกลับมา เสวี่ยอวี้ที่สะบัดตัวออกมากลับทำการแสดงได้สมบูรณ์แบบที่สุด ชั่วพริบตาที่ลูกธนูดาวตกดีดกลับมา นางก็กำลังหมุนอยู่บนหน่อเหล็กแหลมพอดี จึงยื่นมือคว้าอย่างง่ายดายราวกับเก็บของเข้ากระเป๋า ไม่น่าเชื่อว่าจะกำลูกธนูดาวตกขั้นเจ็ดเอาไว้ในมือแน่น

เมื่อขาดอานุภาพการยิงจากคันธนูและลูกธนูแล้ว ลูกธนูดาวตกขั้นเจ็ดแล้วอย่างไรล่ะ ยังจะรอดพ้นเงื้อมมือมารของเสวี่ยอวี้ได้เสียที่ไหน ไม่เพียงแค่ทำร้ายให้เสวี่ยอวี้บาดเจ็บไม่ได้ แต่ถูกเสวี่ยอวี้เก็บเอาไว้ในชั่วพริบตาเดียว

ดูเหมือนจะช้า แต่ที่จริงรับมืออย่างต่อเนื่องได้เร็วสุดๆ ทำให้เหมียวอี้มองจนทึ่ง จะไม่ให้เขาตกตะลึงได้อย่างไร

เพียงแต่ฝ่ามือแต่มือของเสวี่ยอวี้ที่จับหน่อเหล็กแหลมหมุนก็สะเทือนจนมีเลือดออกเช่นกัน เป็นเพราะอานุภาพการโจมตีหนึ่งครั้งรุนแรงเกินไป สมกับที่นางมีวรยุทธ์ระดับสำแดงฤทธิ์ ถ้าเปลี่ยนให้เหมียวอี้ยืนใกล้ขนาดนั้น ดีไม่ดีอาจจะถูกอานุภาพการโจมตีฉีกร่างแหลกไปแล้วก็ได้

ส่วนเหมียวอี้ก็เดาไม่ผิดเช่นกัน ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ขั้นเจ็ดนี้เป็นของวิเศษที่ตระกูลอิ๋งใช้เฝ้าบ้านจริงๆ เป็นอาวุธที่อิ๋งจิ่วกวงดึงมาจากทัพตะวันออก มีอานุภาพเยอะมาก ธนูทุกคันล้วนถูกตำหนักสวรรค์บันทึกไว้อย่างเข้มงวด ไม่ให้สูญหายไปง่ายๆ ถ้าตกอยู่ในมือของคนผู้ที่มีเจตนาไม่ดีแล้วนำมาลอบสังหารก็จะยุ่งยากแล้ว ผู้ที่ใช้อาวุธระดับนี้ลอบสังหารได้ ก็แสดงว่าใช้รับมือกับบุคคลสำคัญแน่นอน ต่อให้นำมาใช้ทำเรื่องเลวร้าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แน่นอน ตอนนี้พอลงมือก็ถูกอีกฝ่ายเก็บลูกธนูดาวตกไปแล้ว นี่เป็นอาวุธที่อ๋องสวรรค์มอบให้ ถ้าทำหายไปนอกจากจะแก้ตัวไม่สะดวกแล้ว ราคาก็ไม่ใช่ธรรมดาด้วย สองพี่น้องจะไม่ร้อนใจได้อย่างไร

หลังจากยิงธนูออกไปดอกหนึ่งแล้ว เยี่ยนฉงก็ตระหนักได้แล้วเช่นกันว่าใช้ผิดที่ ที่แห่งนี้มีฉากกำบังกำบังได้ดีที่สุดโดยธรรมชาติ ยากที่จะแสดงอานุภาพสูงสุดของธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ได้ ถ้ายิงอีกจนเหลือแต่คันธนู เช่นนั้นก็จะบันเทิงใหญ่แล้ว

ในตอนนี้สองพี่น้องแซ่เยี่ยนต่างคนต่างถือทวนพุ่งสังหารเข้ามาที่เสวี่ยอวี้ ร่วมมือกันโจมตี

ท่ามกลางลำแสงนับหมื่นสายที่ไหลพุ่งลงมา ศิษย์สำนักหลัวช่าที่หลบไม่ทันถูกยิงจนร้องโอดครวญ

แค่การโจมตีระลอกนี้ ก็ทำให้ศิษย์ที่เสวี่ยอวี้และเม่ยจีพามาเหลือเพียงระดับบงกชกลายยี่สิบคนแล้ว ยังมีศิษย์ระดับสำแดงฤทธิ์อีกเจ็ดคนที่เหมือนทั้งสอง ส่วนที่เหลือตกลงมาตายหมดแล้ว

ยี่สิบคนนี้รีบเหาะลงพื้น อาศัยดงหน่อเหล็กบนพื้นเพื่อหลบการโจมตีจากลูกธนูดาวตก ขณะเดียวกันก็ถือโล่ต้านทาน เสียงลูกธนูดาวตกโจมตีโดนพื้นดังก้องสะเทือนฟ้าไม่หยุด

ยามเผชิญการมือโจมตีจากสองพี่น้องแซ่เยี่ยน เสวี่ยอวี้ก็สะบัดมือเหมือนโยนเหล้า ดาบทวนกระบี่ง้าว อาวุธสี่ชนิดร่อนวนเวียนรอบกาย ทั้งตัวนางราวกับดอกไม้เบ่งบานสี่กลีบ พลันกลายเป็นหนึ่งคนสี่ร่าง สี่ร่างรวมเป็นหนึ่งเดียว ราวกับเป็นพระพรหมสี่หน้า แต่ด้วยเหตุนี้เอง นางก็เผยโฉมหน้าแท้จริงที่งามหยดย้อยออกมาแล้วเช่นกัน เป็นใบหน้ารูปไข่ทั้งสี่ที่เหมือนกัน

มาถึงขั้นนี้แล้ว คนฝ่ายตัวเองเสียหายไปเยอะมาก กำลังพลของอีกฝ่ายมีเยอะเกินไป ต่อให้สามารถโจมตีฝ่ายตรงข้ามแพ้ได้ แต่ก็ห้ามกำลังพลนับหมื่นให้หลบหนีไม่ได้อยู่ดี ประมือกันนานขนาดนี้ ขอเพียงคนที่หลบหนีไปได้เล่าสถานการณ์การต่อสู้ให้เบื้องบนรู้ ฝั่งนี้ก็ปิดบังตัวตนไม่ไหวอยู่ดี ไม่สู้เตีรยมการอย่างอื่นดีกว่า

“เสวี่ยอวี้ เป็นเจ้าเหรอ ทำไมกล้าทำอย่างนี้!” เยี่ยนสุยคำรามอย่างโมโห พร้อมพุ่งทวนแทงเข้ามาอย่างรวดเร็ว

ก่อนหน้านี้เขารู้สึกคุ้นตากับการต่อสู้ สงสัยนิดหน่อยว่าเป็นคนของสำนักหลัวช่า แต่ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะสำนักหลัวช่าจะเอาความกล้าจากไหนมาลงมือกับตระกูลอิ๋ง ตอนนี้กลับพบว่าเป็นคนของสำนักหลัวช่าจริงๆ ทั้งยังเป็นศิษย์สายตรงของพุทธหน้าหยกที่นำกำลังมารุกโจมตีเองด้วย แบบนี้มีอย่างที่ไหนกัน

ดาบทวนกระบี่ง้าวโบกไปรอบๆ ทำศึกกับสองพี่น้องอย่างไม่สับสนวุ่นวายเลยสักนิด กอปรกับในมือมีอาวุธมาก กลับเข้ามาประชิดจนสองพี่น้องลนลานทำอะไรไม่ถูก นางยังมีจิตว่างมาควบคุมของวิเศษด้วย โยน ‘บงกชขาวพันใบ’ ออกมาดอกหนึ่ง

บงกชขาวพันใบเปล่งแสงยิงขึ้นไปบนฟ้า แล้วหมุนวนอยู่กลางอากาศอย่างรวดเร็ว สะบัดใบออกมาจำนวนมาก

“ยิง!” ขุนพลที่อยู่บนฟ้าบัญชาการให้ยิงธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ร้อยคันมาที่ของวิเศษชิ้นนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าตระหนักได้ว่าของวิเศษชิ้นนี้จะสร้างปัญหา

ทว่าในขณะที่ลำแสงยิงรวมเข้ามา บงกชขาวพันใบก็พลันแยกย้าย กลายเป็นแสงเย็นนับพันอยู่กลางอากาศ แสงเย็นที่บินวนฟันสังหารไปยังกำลังพลหลายหมื่นที่ล้อมปราบ ชั่วพริบตาเดียวก็ทำให้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์โจมตีอย่างสับสนวุ่นวาย เสวี่ยอวี้เรียกได้ว่าจิตใจไม่วอกแวกจริงๆ

“ยังกล้ามาว่าข้าอีกเหรอ ข้าอยากจะถามเหมือนกันว่ามันเรื่องอะไรกันแน่ พวกเราแค่ผ่านทางมา เหตุใดพวกเจ้าถึงลงมือกะทันหัน!” เสวี่ยอวี้ตะโกนถามอย่างโมโห เรียกได้ว่ายัดข้อหากลับใส่ฝ่ายตรงข้าม ในเมื่อปิดปากไม่ได้ ก็มีแต่ต้องทำอย่างนี้แล้ว ผลักความรับผิดชอบก็แล้วกัน!

“เหลวไหล! เป็นพวกเจ้าลงมือก่อนแท้ๆ ยังกล้าโยนความผิดอีก!” เยี่ยนสุยตอบอย่างดือดดาล

“เจ้าเอาตาที่ไหนมองว่าพวกเราลงมือก่อน?”

“ข้าเห็นเองเต็มสองตา”

“คำพูดเหลวไหลเต็มปาก เอาดาบไปกินซะ!”

การโจมตีหมู่ของธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์วุ่นวายทันที เม่ยจีดีดตัวขึ้นฟ้าก่อน ไม่น่าเชื่อว่าจะแยกร่างจากหนึ่งกลายเป็นสิบ กลายเป็นเม่ยจีสิบคนทะยานสังหารไปยังทัพใหญ่หลายหมื่น

ลูกศิษย์ระดับสำแดงฤทธิ์อีกห้าคนของเสวี่ยอวี้ก็เป็นอย่างนี้เช่นกัน กลายเป็นห้าสิบคนทะยานขึ้นไปสังหาร

เหมียวอี้ที่ดูการต่อสู้อยู่ไกลๆ เห็นแล้วอิจฉา นี่ก็คือพลังอภินิการของนักพรตที่วรยุทธ์ถึงระดับสำแดงฤทธิ์แล้ว เพราะนี่ไม่ใช่ภาพมายา แต่เป็นการแยกร่างของจริง เป็นร่างที่มีวรยุทธ์และพลังของจริง เมื่อวรยุทธ์สูงถึงระดับหนึ่งแล้ว สามวิญญาณเจ็ดดวงจิตก็อยู่ในระดับที่สามารถปรากฏร่างแท้ นี่ก็เป็นที่มาของชื่อ ‘สำแดงฤทธิ์’

หลังจากแยกร่างแล้ว ถึงแม้พลังของแต่ละร่างจะเทียบกับรวมร่างเดียวไม่ได้ แต่พลังนี้นักพรตระดับบงกชกลายทั่วไปก็เทียบไม่ติด ยิ่งวรยุทธ์ของระดับสำแดงฤทธิ์ยิ่งสูง พลังของร่างทิพย์ก็ยิ่งแข็งแกร่งเช่นกัน

นักพรตระดับสำแดงฤทธิ์หกคนล้วนแยกร่างโจมตี ลูกศิษย์ระดับบงกชกลายที่เหลืออีกยี่สิบคนก็พุ่งขึ้นสังหารบนฟ้าเช่นกัน

แสงเย็นที่หมนุวนเต็มฟ้ารวมกันเป็นหนึ่งเดียว ก่อตัวกลายเป็น ‘บงกชขาวพันใบ’ เก็บเข้าในมือเสวี่ยอวี้อีกครั้ง ไม่เก็บไม่ได้หรอก เพราะศิษย์ในสำนักตะลุมบอนกับทัพใหญ่แล้ว อีกฝ่ายใช้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ไม่ได้ผลแล้ว ตัวเองก็ใช้ของวิเศษไม่ได้ผลเช่นกัน ไม่อย่างนั้นอาจทำให้คนฝ่ายตัวเองบาดเจ็บได้ การตะลุมบอนในทัพใหญ่เดิมทีก็ไม่ใช้ของวิเศษอยู่แล้ว

“ฆ่า!” แม่ทัพคนหนึ่งของตระกูลอิ๋งโบกทวนคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ออกคำสั่งรุกโจมตีทั่วทุกด้าน

“ฆ่า!”

“ฆ่า!”

“ฆ่า!”

เสียงตะโกนฆ่าดังมืดฟ้ามัวดิน กำลังพลหลายหมื่นรวมกันพุ่งสังหารเข้ามา แต่การสู้กับร่างทิพย์หลายสิบร่างของนักพรตระดับสำแดงฤทธิ์ แค่คิดก็รู้ถึงจุดจบแล้ว โยนเชือกมัดเซียนจำนวนเชือกมัดเซียนออกไปจำนวนมากก็ไม่มีประโยชน์

มีเสียงคนร้องโอดครวญตกลงจากฟ้าไม่ขาดสาย ฝนเลือดสาดกระจาย มีคนดวงซวยไม่น้อยที่ตอนตกลงจากฟ้ายังไม่ทันตาย แต่กลับตายเพราะโดนหน่อเหล็กแหลมด้านล่างเสียบทะลุ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งน่าเวทนา

สองพี่น้องแซ่เยี่ยนเห็นสถานการณ์แบบนี้แล้วตาแทบถลน จู่ๆ ก็แยกร่างพร้อมกัน แยกร่างกลายเป็นยี่สิบร่าง ห้าสิบร่างพุ่งขึ้นฟ้า กู้สถานการณ์ให้ทัพใหญ่ สี่ร่างล้อมโจมตีเสวี่ยอวี้ อีกร่างถลันไปด้านข้าง แล้วคว้าธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ขั้นเจ็ดออกมาอีกครั้ง

…………………………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา!

เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’

เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น

เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง

ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง!

หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน

แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น

ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด

ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท