เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] – บทที่ 150 สิทธิ์ในการเข้ามิติลับ

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

“หะ! ราชสำนักมีอำนาจขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?” ซูอัน อุทานขึ้นด้วยสีหน้าโง่งม

ก่อนหน้านี้เขาพอเดาได้ว่าราชสำนักนั้นมีอำนาจล้นเหลือ แต่คำพูดของจี้เติ้งถู ทำให้เขา เพิ่งสำนึกได้ว่าราชวงศ์โจวนั้นทรงพลังมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้ซะอีก

จากที่ฟังดูแล้ว มิติลับน่าจะเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายแต่ก็มีสมบัติมากมายซ่อนอยู่เช่นกันแต่ราชสำนักกลับผูกขาดทรัพยากรอันล้ำค่าเหล่านี้ไปทั้งหมด

การจัดการแบบเผด็จการเช่นนี้มันควรจะพบกับการต่อต้านอย่างหนักหน่วงจากบรรดาสำนักและผู้บ่มเพาะจำนวนมากที่อยู่ในอาณาจักร แต่กลับกัน ราชสำนักยังคงสามารถควบคุม ทุกอย่างเอาไว้ได้มาเนิ่นนานและทุกคนก็ยังคงยอมถูกบังคับให้ก้มหน้ายอมรับโดยไม่กล้าแม้แต่ จะปริปาก

“ทีนี้เจ้าพอจะเดาได้แล้วใช่ไหมว่าทำไมผู้บ่มเพาะมากมายถึงยอมตัดสินใจรับตำแหน่งในราชสำนัก?” จี้เติ้งถูหัวเราะตอบกลับ

“อืม…หากไม่ยอมเข้าร่วมกับราชสำนัก ผู้บ่มเพาะทั้งหลายก็คงไม่มีโอกาสได้เข้าไปแสวงหาโชคในมิติลับสินะ?” ซูอัน พึมพำพลางพยักหน้าอย่างเข้าใจ “แต่เดี๋ยวก่อนนะ จากสิ่งที่ท่านพูด มิติลับมันก็น่าจะมีมานานแล้ว แล้วผู้บ่มเพาะของราชสำนักก็สามารถเข้าไปด้านในเพื่อเก็บเกี่ยวประโยชน์ได้เรื่อย ๆ ถ้างั้นมันก็ไม่ได้หมายความว่าทรัพยากรด้านในแทบจะทั้งหมดมันก็น่าจะถูกเอาออกมาหมดแล้วไม่ใช่เหรอ?”

จี้เติ้งถู ส่ายหัวและอธิบายว่า “เจ้าประเมินความอัศจรรย์ของมิติลับต่ำเกินไปแล้ว มิติลับทั้งหมดเป็นโลกอีกใบหนึ่งที่มีกฎเกณฑ์ของตนเอง และหลายแห่งก็มีขนาดเท่ากับโลกของเรา

“พวกมันมีระบบนิเวศที่สมบูรณ์ของตัวเอง ดังนั้นทรัพยากรต่าง ๆ ในมิติลับจะฟื้นฟูขึ้นมาใหม่เมื่อเวลาผ่านไป มันคล้ายกับการที่ต้นส้มไม่หยุดที่จะออกผลเพียงเพราะเจ้าเด็ดผลส้ม ออกจากมัน”

“แต่ถ้าหากมีคนไปเก็บมันถี่เกินไป มันก็ไม่มีทางจะออกผลทันไม่ใช่เหรอไง?” ซูอัน ถามกลับ

ถ้ามิติลับอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา เขาเองจะเก็บเกี่ยวทรัพยากรของมันทั้งหมดออกมาแน่นอนเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งเขาเชื่อว่าผู้บ่มเพาะคนอื่น ๆ ก็ต้องมีความแบบเดียวกันกับเขาเช่นกัน

“อย่างที่ข้าบอกเจ้า มิติลับเหล่านี้เป็นโลกๆหนึ่งที่สมบูรณ์และมีกฎเกณฑ์เป็นของตัวเอง มิติลับต่าง ๆ ไม่ได้เปิดอยู่ตลอดเวลา แทบจะทั้งหมดมันเปิดขึ้นครั้งหนึ่งในรอบหลาย ๆ ปี เท่านั้นแถมเวลาที่สามารถเข้าไปสำรวจก็มีจำกัดอีกต่างหาก และยิ่งไปกว่านั้นภูมิทัศน์ด้านในของบางมิติลับเมื่อมันเปิดขึ้นมันก็เปลี่ยนไปจากครั้งก่อนอย่างสิ้นเชิง ทำให้การสำรวจแต่ละครั้งเราจึงทำได้เพียงแค่ส่วนเล็ก ๆ เท่านั้น ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเก็บเกี่ยวทรัพยากรได้ทั้งหมดที่มีอยู่ในมิติลับต่าง ๆ ” จี้เติ้งถู กลอกตาของเขาอย่างเหนื่อยใจ

ซูอัน พยักหน้าอย่างเข้าใจ “อืม แบบนี้นี่เอง…งั้นสรุปแล้วก็คือ ข้าจำเป็นต้องเข้าไปใน มิติลับหยกจรัส เพื่อค้นหา ดอกบัวเร้นลักษณ์ ถูกต้องไหม? แต่จากที่ท่านพูด ดอกบัวเร้นลักษณ์ สมบัติล้ำค่าที่ทุกคนต่างใฝ่ฝันหา แล้วแบบนี้คนอย่างข้าจะมีโอกาสฉวยมันมาจากพวกผู้บ่มเพาะระดับสูงได้ยังไง?”

จี้เติ้งถู หัวเราะอย่างเย้ยหยัน “นี่เจ้าไม่รู้จริง ๆ งั้นเหรอว่าการพบสมบัติในมิติลับ มันต้อง พึ่งวาสนามากกว่าความแข็งแกร่ง? ต่อให้เจ้าจะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกแต่ถ้าหากเจ้า ไม่มีวาสนา เจ้าก็ไม่สามารถหาสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดในมิติลับเจอได้หรอก!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของ ซูอัน เปลี่ยนเป็นขมขื่นทันที หากเขารู้ว่ามันมีเรื่องบ้า ๆ แบบนี้ เขาจะไม่มีวันเสีย โอสถโชคลาภ ไปกับบ่อนของ เหมยเชาฟง แน่นอน

สังเกตเห็นสีหน้าขมขื่นของ ซูอัน จี้เติ้งถู ก็เข้าใจไปว่าซูอันกำลังกังวลเกี่ยวกับเรื่องหาดอกบัวเร้นลักษณ์ ดังนั้นเขาจึงเอ่ยขึ้นปลอบใจ “ไม่ต้องกังวล ข้าบอกได้เลยว่าเจ้าเป็นคนที่มี โชควาสนาอยู่ข้างกาย ไม่งั้นเจ้าก็คงไม่ถูกคุณหนูใหญ่ตระกูลฉู่เลือกให้เป็นสามีทั้ง ๆ ที่เจ้าเป็นคน ไร้ค่าที่สุดในเมืองแบบนี้ ฉะนั้นตราบใดที่เจ้าได้รับสิทธิ์ในการเข้าไปในมิติลับหยกจรัส เจ้าก็น่าจะได้รับสิ่งดี ๆ ติดไม้ติดมือออกมา”

สิ่งหนึ่งที่ จี้เติ้งถู เลือกที่จะไม่พูดออกไปก็คือ ดอกบัวเร้นลักษณ์ นั้นหายากมาก โอกาสในการค้นพบมันไม่ต่างอะไรกับการงมเข็มในมหาสมุทร อันที่จริง เขาไม่คิดว่ามันเป็นไปได้ด้วยซ้ำที่ ซูอัน จะหามันเจอ เหตุผลเดียวที่เขาพูดปลอบไปก็เพราะเขาไม่อยากจะทำให้ชื่อเสียงของตัวเองเสื่อมเสีย

ข้าได้ให้วิธีการรักษาแก่เจ้าแล้ว หากเจ้าหาดอกบัวนั่นไม่เจอเองมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า…

แต่แล้วเมื่อ จี้เติ้งถู คิดถึงหนังสือเล่มเล็กที่เขาเพิ่งได้รับ เขาก็รู้สึกผิดขึ้นมานิดหน่อย ดังนั้นเขาจึงหยิบเม็ดยาสีน้ำเงินจากเสื้อคลุมของเขาออกมาและส่งให้ซูอัน “นี่คือโอสถคลายผนึกราก-วิญญาณที่ข้าหลอมมันขึ้นมาโดยใช้สมุนไพรถึง 80 ชนิด สิ่งที่ขาดหายไปอย่างเดียวก็คือดอกบัวเร้นลักษณ์ มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับเจ้าที่จะนำ ดอกบัวเร้นลักษณ์ มาส่งให้ข้าก่อนที่มันจะ เหี่ยวเฉา ดังนั้นเจ้าควรนำเม็ดโอสถนี้ติดตัวไปด้วยแทน สิ่งที่เจ้าต้องทำคือกลืนเม็ดโอสถนี้และกินดอกบัวเร้นลักษณ์ไปพร้อม ๆ กัน จากนั้นผนึกในร่างกายของเจ้าจะคลายออก”

ซูอัน รับโอสถเม็ดสีน้ำเงินมาอย่างระมัดระวังก่อนที่จะมองไปที่ จี้เติ้งถู ด้วยสายตา เคลือบแคลง “เอ่อ…นี่ท่านแน่ใจใช่ไหมกับวิธีการนี้? ถึงแม้ว่าข้าจะไม่รู้เรื่องพวกยาเท่าไหร่ แต่เท่าที่ข้าเข้าใจ ส่วนผสมต่าง ๆ มันก็ควรจะรวมไปหนึ่งเดียวกันในเม็ดโอสถไม่ใช่เหรอ? มันจะได้ผลจริง งั้นเหรอหากข้ากินพวกมันแยกกันอย่างที่ท่านว่า?”

“ไอ้เด็กตัวเหม็น นี่เจ้ากำลังสงสัยทักษะการแพทย์ของข้าหมอเทวะจี้งั้นเหรอ!” จี้เติ้งถู จ้องไปที่ ซูอัน ด้วยสายตาหงุดหงิด “เจ้านี่มันไม่รู้เรื่องอะไร! สมุนไพรในตำนานอย่างดอกบัวเร้นลักษณ์ไม่ควรผ่านกระบวนการหลอมหรืออะไรทั้งนั้น การพยายามทำเช่นนั้นจะเป็นการด้อยสรรพคุณทางยาของดอกบัวโดยเปล่าประโยชน์!”

ซูอัน ยังคงคาใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ “เป็นไปได้ไหมที่ดอกบัวเร้นลักษณ์เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะคลายผนึกในร่างของข้า ส่วนโอสถของท่าน…มีไว้เพื่อการแสดงเท่านั้น?”

จี้เติ้งถู รู้สึกขุ่นเคืองอย่างมากกับคำพูดของ ซูอัน เขายื่นมือออกไปและตวาดว่า “ถ้าเจ้าคิดว่ามันไม่มีประโยชน์ก็คืนให้ข้า!”

“ไอ้หยา ข้าล้อท่านเล่นเท่านั้นเอง แหะ ๆ ” ซูอัน รีบเก็บเม็ดโอสถสีน้ำเงินเข้าไปในเสื้อคลุมของเขาทันทีก่อนจะยิ้มกลับให้ จี้เติ้งถู

จี้เติ้งถู พ่นลมหายใจด้วยความหงุดหงิด “ถ้าไม่ใช่เพราะหนังสือนั่นที่เจ้าให้ข้าก่อนหน้านี้ ข้าจะไม่มีทางมอบโอสถนั่นกับเจ้าแบบนี้หรอก! ว่าแต่พอพูดถึงเรื่องหนังสือข้าขอถามเจ้าหน่อย เจ้ามีหนังสือแบบนี้อยู่กับตัวอีกบ้างไหม? ถ้าเจ้ามีอีกทำไมเจ้าไม่มอบมันให้ข้าเพิ่มอีกสักสองสามเล่มเพื่อเป็นการแสดงความเคารพที่เจ้ามีต่อข้าสักหน่อย?”

ไอ้เฒ่านี่มันโรคจิตจริง ๆ ! ซูอัน คิดในใจ แต่แน่นอนว่าเขาไม่พูดมันออกมาดัง ๆ แน่นอน “เอ่อ…ข้าไม่มีเล่มอื่นอยู่กับตัวเลยท่านจี้เติ้งถู เรื่องอื่น ๆ ที่ข้าเคยอ่านมันอยู่ในหัวของข้าทั้งหมด เอาเป็นว่าท่านอ่านเรื่องนี้ให้จบก่อน แล้วถ้าข้าว่างเมื่อไหร่เดี๋ยวข้าจะพยายามนึกถึงเนื้อหาของ เรื่องอื่นมาเขียนให้ท่านอ่านต่อก็แล้วกัน”

แน่นอนว่าเขาไม่มีทางมอบทุกเรื่องให้กับจี้เติ้งถูกในรอบเดียวเพราะในอนาคตมันอาจมีโอกาสที่เขาต้องการความช่วยเหลือจาก จี้เติ้งถู ดังนั้นเขาควรจะค่อย ๆ ให้เพื่อเลี้ยงความสัมพันธ์ ไปเรื่อย ๆ

เมื่อรู้ว่าในหัวของ ซูอัน มีเรื่องราวแบบนี้เป็นจำนวนมากเป็นคลังแสง ดวงตาของ จี้เติ้งถู ก็เปล่งประกายออกมาทันที “มหัศจรรย์! แม้ว่าเจ้าจะไม่เก่งในเรื่องอื่น แต่ข้ามั่นใจว่าพรสวรรค์ของเจ้าในด้านนี้มันจะทำให้เจ้ามีอนาคตที่สดใสแน่ ๆ ไอ้หนุ่ม!”

ใบหน้าของ ซูอัน มืดลง นี่เจ้าชมข้าหรือว่าดูถูกข้ากันแน่เนี่ย?

“อ้อ เกือบลืม” จู่ ๆ จี้เติ้งถู ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ “แทนที่จะกังวลว่าเจ้าจะสามารถหา ดอกบัวเร้นลักษณ์ ใน มิติลับหยกจรัส ได้หรือไม่ ข้าคิดว่าสิ่งแรกที่เจ้าควรจะกังวลมากกว่าก็คือเจ้าจะได้รับสิทธิ์เข้าไปก่อนมากกว่า”

“หะ?” ซูอัน ตกตะลึง “แต่ข้าเป็นนักศึกษาของสถาบันจันทร์กระจ่าง ไม่ใช่ว่าข้าจะได้รับสิทธิ์เข้าไปเลยไม่ใช่งั้นเหรอ?”

“มันไม่ง่ายแบบนั้นเสมอไป!” จี้เติ้งถู มองไปที่ ซูอัน ราวกับว่าเขากำลังมองคนปัญญาอ่อน “มิติลับนั้นเต็มไปด้วยอันตรายและหนึ่งในอันตรายหลัก ๆ ก็คือการเผชิญหน้ากับคนด้วยกันเอง เจ้าต้องรู้เอาไว้ว่าถึงแม้มิติลับหยกจรัสจะถูกดูแลโดยสถาบันจันทร์กระจ่าง แต่เมื่อมันเปิดออกสถาบันอื่น ๆ ในมณฑลหลินชวนก็มีสิทธิ์ที่จะส่งนักศึกษาของพวกเขาเข้าร่วมด้วยเช่นกัน และผู้ที่จะได้รับสิทธิ์ในการเข้าก็จะต้องผ่านการคัดเลือกโดยการประลองกันเพื่อหาคนที่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะได้เข้าไปด้านใน”

ซูอัน รู้สึกโมโหทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้ “ถ้างั้นนี่มันก็ไม่ต่างอะไรกับว่าท่านกำลังหลอกข้าอยู่ไม่ใช่หรือไง!? การประลองคัดเลือก? คนอย่างข้าจะไปมีความสามารถพอที่จะชนะการประลองคัดเลือกอะไรแบบนั้นได้ยังไงกัน?”

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

Status: Ongoing
ซูอัน หนุ่มสายเกรียนเซียนปั่นประสาทที่ทะลุมิติมาพร้อมระบบคีย์บอร์ดสุดยียวนคู่ใจ ความโกลาหลครั้งมโหฬารยิ่งกว่าเดิมจึงอุบัติขึ้นจนทุกคนในโลกแห่งการบ่มเพาะไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิผู้แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้าซูอัน ชายหนุ่มที่วันๆใช้ชีวิตคลุกตัวอยู่แต่ในโลกออนไลน์ เที่ยวยั่วยุ ปั่นประสาทผู้คนในโลกออนไลน์ให้ไม่เป็นสุขอยู่ทุกวี่วัน เป็นนักเลงคีย์บอร์ดที่ใครๆต่างก็ต้องเข็ดขยาด แต่แล้ววันหนึ่ง ไม่รู้ว่าฟ้าลงทัณฑ์หรือสวรรค์บัญชา ให้เขาคนนี้ต้องพบจุดจบชีวิตที่น่าอนาถโดนฟ้าผ่าตายในขณะที่กำลังเปิดศึกคีย์บอร์ดกับคนบนโลกออนไลน์อยู่ในห้องของตัวเอง หากแต่นี่ไม่ใช่จุดจบ!ชายหนุ่มรู้สึกตัวฟื้นขึ้นมาในร่างใหม่ที่มีตำแหน่งเป็นถึงเขยใหญ่ตระกูลอ๋องฉู่ที่แสนมั่งคั่งแถมยังมีภรรยาที่สวยหยาดเยิ้มเป็นอันดับหนึ่งของมณฑลที่ใครๆต่างก็หมายปองดูเหมือนว่าเส้นทางชีวิตใหม่ของเขาจะโรยด้วยกลีบกุหลาบสินะ?ไม่เลย!บนโลกใบใหม่ที่เขาฟื้นขึ้นมานั้นเต็มไปด้วยผู้บ่มเพาะพลังเหนือมนุษย์มากมายแถมตำแหน่งลูกเขยอ๋องฉู่กลับทำให้เขาต้องคอยเผชิญจากการถูกลอบสังหารซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยที่เขาก็ไม่เข้าใจว่าไอ้เจ้าของร่างคนก่อนไปสร้างศัตรูเอาไว้มากมายขนาดนี้ได้ยังไง? ซ้ำร้ายร่างที่เขามาสิงสู่กลับเป็นแค่ร่างที่ไม่ได้ดีเด่ไม่มีพรสวรรค์เป็นเลิศเหมือนใครเขา ทุกคนในโลกนี้จึงต่างมองเขาเป็นแค่ไอ้คนไร้ค่าที่โชคดีถูกคุณหนูใหญ่ลูกสาวคนโตของอ๋องฉู่เลือกให้เป็นสามี อย่างเดียวที่พอจะภูมิใจได้ก็มีแต่หน้าตาที่หล่อเหลาและไอเทมสุดล้ำที่ติดตัวเขามาด้วย ซึ่งมันคือ “คีย์บอร์ดเซียน!!” ระบบสุดโกงตัวช่วยที่จะทำให้เขาใช้ชีวิตยียวนผู้คนในโลกใบใหม่แห่งนี้ได้โดยที่ไม่ตายก่อนวัยอันควร!ขอเชิญติดตามเรื่องราวการผจญภัยสุดป่วนในโลกที่ไม่ค่อยจะสงบสุขเท่าไหร่อยู่แล้ว โดยเฉพาะเมื่อ ซูอัน หนุ่มสายเกรียนเซียนปั่นประสาทที่ทะลุมิติมาพร้อมระบบคีย์บอร์ดสุดยียวนคู่ใจ ความโกลาหลครั้งมโหฬารยิ่งกว่าเดิมจึงอุบัติขึ้นจนทุกคนในโลกแห่งการบ่มเพาะไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิผู้แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้าหรือแม้แต่ขอทานยังต้องอุทานเป็นเสียงเดียวกัน“ซูอัน! แกมันไอ้ตัวบัดซบ!!”**เนื้อหาบางส่วนของนิยายแปลเรื่องนี้ อาจมีเนื้อหาเกี่ยวกับเพศ และความรุนแรง**(ผู้อ่านที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปี ควรได้รับคำแนะนำ)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท