เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] – บทที่ 221 มันช่างน่าหัวเราะ

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

ซ่างเชียนพยักหน้าแทนคำตอบ แต่ในใจเขาคิดว่าซูอันเป็นเพียงแค่ผู้บ่มเพาะระดับ 3 ธรรมดา ๆ ซึ่งไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อทั้งเขาและพ่อของตนอยู่ดี

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ซ่างเชียนเลยไม่รู้สึกสนใจเหตุการณ์บนลานประลองอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจใช้เวลานี้ชื่นชมคู่หมั้นแสนสวยของตนแทน จากนั้นก็หันไปมองเจิ้งตาน แต่ในทันใดนั้นเขากลับเห็นว่าอีกฝ่ายมองไปที่ซูอันอย่างตั้งใจ และนี่… มันก็ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นมืดหม่นทันที

เจิ้งตานลืมตัวไปเลยว่าตอนนี้คู่หมั้นของนางกำลังนั่งอยู่ข้าง ๆ ในตอนนี้ นางจ้องมองไปที่ชายหนุ่มที่อยู่บนลานประลองด้วยสายตาประหลาดใจ “ผู้ชายคนนั้นเป็นผู้บ่มเพาะระดับ 3 จริง ๆ! แต่ผู้ชายที่สามารถต้านทานการยั่วยวนของข้าคงไม่อาจเป็นคนธรรมดาได้อยู่แล้วจริงไหม ? แต่ว่าทำไมเขาถึงตัดสินใจวางเดิมพันว่าเขาจะแพ้กันล่ะ ? เขาคิดว่าวันนี้เขาจะแพ้จริง ๆ หรือว่าเขามีเหตุผลอื่นที่ลึกซึ้งกว่าที่ข้าเข้าใจ?

ถึงแม้ทุกคนจะคิดว่าซูอันไม่อาจเอาชนะหยวนเหวนตงได้แน่นอน แต่ฉู่ฮวนเจาเป็นข้อยกเว้น ! “พี่เขยของข้าช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ! เขาสามารถยืนหยัดต่อสู้กับหยวนเหวินตง แบบตรง ๆ ได้ด้วย!”

ข้างนาง ฉู่ชูเหยียนอธิบายอย่างอ่อนโยน “นั่นเป็นเพราะหยวนเหวินตงกลัวทักษะการเคลื่อนไหวของซูอัน ดังนั้นเขาจึงเลือกใช้การโจมตีแบบวงกว้าง และนั่นส่งผลให้พลังการโจมตีของเขาลดลง ดังนั้นซูอันจึงสามารถรับมือกับเขาได้ง่ายกว่าเดิม”

ฉู่ฮวนเจาตกตะลึง “ถ้างั้นนี่มันไม่ได้หมายความว่าพี่เขยของข้าไม่มีโอกาสได้รับชัยชนะเลยงั้นเหรอ?”

ฉู่จงเทียนถอนหายใจยาว “พ่อคิดว่าเขาคงมีโอกาสหากเขามีทักษะการโจมตีที่ทรงพลังพอ ๆ กับทักษะการเคลื่อนไหวของเขา แต่จากที่พ่อเห็นในตอนนี้ดูเหมือนว่าซูอันจะรู้ทักษะที่ใช้โจมตีเพียงวิชาเดียวก็คือ 13 ท่วงท่ากระบี่พื้นฐานสถาบันจันทร์กระจ่าง ถึงแม้ว่า 13 ท่วงท่ากระบี่พื้นฐานจะถูกปรับปรุงมาแล้วหลายครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ข้อบกพร่องของมันก็ยังมีอยู่อย่างชัดเจนเหมือนเดิม มันใช้ได้ดีกับคนทั่วไป แต่สำหรับต่อสู้กับผู้บ่มเพาะด้วยกันแล้วมันค่อนข้างไร้ประโยชน์”

“อา…” ฉู่ฮวนเจาเริ่มรู้สึกกังวลหลังจากได้ยินคำพูดพ่อของนาง

หงซิงอิงผู้ซึ่งเงี่ยหูฟังบทสนทนาอยู่ตลอดก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ก่อนหน้าที่เขาเห็นว่าซูอันสามารถต้านทานได้ทั้งการควบคุมอาวุธและเพลงกระบี่ของหยวนเหวินตงได้ มันทำเอาหัวใจของเขาเกือบจะหลุดออกจากอกของเขา

ถ้าไอ้เวรนี่เอาชนะหยวนเหวินตงได้จริง ๆ นายท่านกับนายหญิงและคุณหนูทั้งสองคงไม่เห็นคุณค่าของข้าอีกแน่นอน ! ฟู่… โชคดีที่ตอนนี้นายท่านไม่คิดว่าเขาจะสามารถเอาชนะหยวนเหวินตงได้ ดีแล้วๆ…

กลับมาที่ลานประลอง หยวนเหวินตงเริ่มโจมตีซูอันอีกครั้ง เขาไม่ต้องการให้โอกาสอีกฝ่ายได้พักหายใจ และตั้งใจแน่วแน่ที่จะใช้ระดับการบ่มเพาะของตนบดขยี้ซูอันให้ลงไปกองอยู่ที่พื้น

ซูอันยังคงใช้ 13 ท่วงท่ากระบี่พื้นฐานเพื่อปกป้องตัวเองเหมือนเดิม แม้เขาจะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่ก็ยังสามารถทนได้ในตอนนี้

“หืม ? 13 ท่วงท่ากระบี่พื้นฐานมีอำนาจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?

“ข้าต้องขอยอมรับเลยว่าซูอันไม่ได้อ่อนแออย่างที่คิด”

“แต่ไม่ว่าเขาจะเชี่ยวชาญแค่ไหน มันก็ยังคงเป็น 13 ท่วงท่ากระบี่พื้นฐาน ในท้ายที่สุดมันก็ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อนายน้อยหยวนสักเท่าไหร่”

แม้กระทั่งพวกบุคคลระดับสูงก็มีความคิดแบบนี้เช่นกัน

ซ่างหงรู้สึกประหลาดใจที่เห็นว่าซูอันแม้จะมีระดับการบ่มเพาะที่ต่ำ แต่กระบี่ของเขากลับแฝงไปด้วยปราณกระบี่ที่ทรงพลังซึ่งเป็นความสามารถที่ผู้บ่มเพาะระดับสูงเท่านั้นที่จะมีได้ พรสวรรค์ของคน ๆ นี้ช่างน่าทึ่งจริง ๆ แต่น่าเสียดายที่เขาอยู่ในตระกูลฉู่…

ว่าแต่มันจะเป็นไปได้ไหมหากข้าจะลองชวนเขาอยู่เคียงข้างข้า?

ในทางกลับกัน เจียงลั่วฝูขมวดคิ้ว หากการโจมตีก่อนหน้านี้ของซูอันเร็วขึ้นกว่านั้นเล็กน้อยและขยับไปทางซ้ายอีกนิดหน่อย อำนาจของมันจะสูงขึ้นกว่ามาก นี่เขายังไม่เชี่ยวชาญมันเพียงพออีกงั้นเหรอ?

ในขณะเดียวกัน ซูอันรู้สึกหงุดหงิดอย่างไม่น่าเชื่อ มีหลายครั้งที่เขาอยากจะใช้เพลงกระบี่ปราบมารที่สร้างขึ้นเอง แต่เมื่อนึกถึงคำเตือนของผู้เฒ่ามี่เขาก็อดไม่ได้ที่จะลังเล ถ้าถึงขนาดเฒ่ามี่ไม่กล้าที่จะเปิดเผยถึงการมีอยู่ของทักษะ มันก็น่าจะเป็นภัยคุกคามที่ไกลเกินกว่าที่เขาจะรับมือได้[1]

เขาไม่แน่ใจว่าในที่แห่งนี้จะมีใครรู้จักวิชาร่างก้าวทานตะวัน อยู่รึเปล่า แต่ในขณะเดียวกัน เขารู้ว่าตนเองไม่สามารถเอาชนะหยวนเหวินตงได้หากไม่ใช้มัน

การที่เขาเคยทำให้ผู้บ่มเพาะระดับ 5 คนอื่น ๆ เช่น เสวี่ยเอ๋อร์และเพ่ยเหมียนหมานถอยหนีไปได้ในอดีต ทำให้เขาประเมินค่าของหยวนเหวินตงซึ่งอยู่ในระดับ 5 เช่นกันต่ำเกินไป

ในตอนนี้หลังจากที่เขานึกย้อนไปดี ๆ เขาก็เพิ่งจะบรรลุได้ว่าการต่อสู้กับเพ่ยเหมียนหมานและเสวี่ยเอ๋อร์ในตอนนั้นจริง ๆ แล้วเขาค่อนข้างอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังมาตลอด ตอนนั้นตัวเขาเกือบจะตายแล้วด้วยซ้ำ แต่นั่นก็นำไปสู่การเปิดใช้งานทักษะของวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ ซึ่งเพิ่มทั้งพลังชี่ ความเร็วและความแข็งแกร่งให้เขาอย่างมหาศาล แต่คราวนี้เขากำลังต่อสู้กับผู้บ่มเพาะระดับ 5 ภายใต้สภาวะปกติของตัวเอง

ทางด้านของหยวนเหวินตงตอนนี้ก็เริ่มใจร้อนเช่นกันหลังจากเห็นว่าการโจมตีมากมายของตัวเองยังคงทำอะไรซูอันไม่ได้ ก่อนหน้านี้เขาได้รับความอับอายจนแทบจะไม่กล้ามองหน้าใครแล้ว ดังนั้นหากไม่สามารถกู้หน้าคืนได้ในวันนี้ ในอนาคตเขาคงไม่กล้าเดินเชิดหน้าในเมืองจันทร์กระจ่างได้อีกต่อไป

เมื่อทนอีกต่อไปไม่ไหว หยวนเหวินตงจึงตัดสินใจที่จะใช้ทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อเอาชนะซูอันให้เรื่องมันจบ ๆ ไป!

“หายนะแห่งมังกรทองคำ!”

หลังจากเริ่มใช้กระบวนท่า ร่างกายของหยวนเหวินตงหมุนควงอย่างรวดเร็ว ดึงเอาอากาศบนลานประลองให้หมุนควงร่วมกับตัวเขาจนค่อย ๆ เกิดเป็นพายุหมุนขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ

ลมที่พัดแรงทำให้ซูอันรู้สึกราวกับว่าตัวของเขากำลังถูกดูดเข้าไปในพายุหมุนขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยหยวนเหวินตง

แต่แล้วจากนั้นอีกชั่วอึดใจ จู่ ๆ ร่างของหยวนเหวินตงก็หายไปจากจุดกึ่งกลางของพายุหมุนและไปโผล่ที่ด้านหลังซูอันในชั่วพริบตา!

หยวนเหวินตงเล็งกระบี่ของเขาตรงไปยังเส้นลมปราณที่แขนขวาของซูอัน เมื่อเส้นลมปราณของผู้บ่มเพาะถูกทำลาย ไม่ว่าระดับการบ่มเพาะของเขาจะสูงแค่ไหน อีกฝ่ายก็จะพิการตลอดไป!

แน่นอนว่ามันยังมีสมบัติวิเศษบางอย่างในโลกที่สามารถรักษาเส้นลมปราณที่ถูกตัดขาดได้ แต่ของแบบนั้นมันหายากอย่างไม่น่าเชื่อ ยิ่งไปกว่านั้น ใครจะต้องการเสียสมบัติล้ำค่าแบบนั้นให้กับคนอย่างซูอัน?

เจ้าอดทนกับการโดนดูถูกมานานโดยหวังว่าจะใช้โอกาสในวันนี้สร้างชื่อเสียงให้ตัวของเจ้าเอง เจ้าต้องการทำให้ตระกูลฉู่ และเมืองจันทร์กระจ่างตกตะลึง แต่น่าเสียดายที่วันนี้เจ้ามาเจอกับข้า ! ข้าจะทุบตีเจ้าให้กลายเป็นขยะอย่างที่ทุกคนพูดว่าเจ้าเป็น!

“หยุด !” ฉู่จงเทียนสังเกตเห็นความตั้งใจของหยวนเหวินตงเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงรีบพุ่งตัวขึ้นไปบนลานประลองทันที

อย่างไรก็ตาม ทั้งอู๋เว่ยและผู้นำตระกูลหยวนต่างเตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว พวกเขารีบพุ่งตัวเข้ามาขวางทางอย่างรวดเร็ว “ฉู่จงเทียน ทำไมเจ้าถึงพยายามแทรกแซงการต่อสู้ระหว่างรุ่นเยาว์?”

“เจ้าสองคน !!” ฉู่จงเทียนโกรธจัด เขาโจมตีทั้งคู่อย่างไม่ลังเลด้วยสุดกำลังที่มี แต่อ๋องหยางเฉวียนนั้นมีระดับการบ่มเพาะเดียวกันกับเขา และด้วยการสนับสนุนของหยวนเจิ้งฉู่ มันก็ยิ่งเป็นเรื่องยากที่เขาจะฝ่าไปถึงตัวของซูอันได้ทันเวลา

ในตอนนี้ปลายกระบี่ของหยวนเหวินตงใกล้จะเจาะเข้าที่ข้อมือของซูอันแล้ว แต่จู่ ๆ ซูอันก็ตะโกนออกมาเสียงดังลั่น “แกมองอะไร?”

หยวนเหวินตงตกตะลึง ไอ้คน ๆ นี้มันสมองเพี้ยนรึไง ? ทำไมจู่ ๆ มันถึงถามคำถามนี้ในระหว่างการต่อสู้ ? อย่างไรก็ตาม เขากลับตอบอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ว่า “ข้ากำลังมองแกไงไอ้โง่!”

เกิดอะไรขึ้น!?

หยวนเหวินตงตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม เขาไม่ได้วางแผนที่จะตอบคำถามของซูอันเลย แต่คำพูดเหล่านี้กลับออกจากปากของเขาราวกับว่าถูกครอบงำ

ในเสี้ยวอึดใจที่เสียสมาธิไปสั้น ๆ นี้ กระบี่ของซูอันก็พุ่งสวนมา และหยวนเหวินตงก็รู้สึกเจ็บที่ข้อมืออย่างฉับพลัน เขาก้มศีรษะลงไปมองที่ข้อมือของตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ ด้วยเห็นเต็มสองตาว่าตอนนี้ปลายกระบี่ของซูอันกำลังเสียบอยู่ที่ข้อมือตน และเลือดสีแดงสดจากร่างกายของเขากำลังไหลลงไปที่พื้นเรื่อยๆ

ในทางกลับกัน กระบี่ของเขาอยู่ห่างจากข้อมือของซูอันไม่เกิน 1 ชุ่น*! ด้วยระยะห่างเพียงแค่นี้หากเป็นตอนปกติเขาแค่ออกแรงพอ ๆ กับดีดนิ้วปลายกระบี่ของเขาก็จิ้มไปถึงข้อมือของซูอันแล้ว แต่ตอนนี้ระยะ 1 ชุ่นมันกลับไกลราวกับอยู่คนละโลก

**1ชุ่นเท่ากับ 3.33เซนติเมตร**

ใบหน้าของเขายังคงกระตุกในขณะที่พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะแทงกระบี่ออกไปอีกหน่อย… แต่ทันใดนั้นเขากลับรู้สึกไร้พลังขึ้นมาอย่างน่าแปลกประหลาด จนรู้สึกราวกับว่าไม่มีแรงจะจับกระบี่อีกต่อไปด้วยซ้ำ!?

เกิดอะไรขึ้น ? ข้า… นี่ข้าพิการงั้นเหรอ!

อารมณ์ที่เกิดขึ้นในหัวของหยวนเหวินตงตอนนี้มันหลากหลายเป็นอย่างมาก ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้มันช่างน่าหัวเราะเสียจนเขาไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่เขาเผชิญอยู่เป็นเรื่องจริง

[1]. หมายถึงทักษะที่ซูอันรวม วิชาร่างก้าวทานตะวัน และ 13ท่วงท่ากระบี่พื้นฐาน เข้าด้วยกัน จนกลายเป็นวิชากระบี่ที่เขาตั้งชื่อให้เป็น เพลงกระบี่ปราบมาร ซึ่งมันคล้ายกับเพลงกระบี่ในนิยายเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรในแง่ของการผสมผสานระหว่างวิชาในคัมภีร์ทานตะวันกับเคล็ดวิชาอื่น ๆ

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

Status: Ongoing
ซูอัน หนุ่มสายเกรียนเซียนปั่นประสาทที่ทะลุมิติมาพร้อมระบบคีย์บอร์ดสุดยียวนคู่ใจ ความโกลาหลครั้งมโหฬารยิ่งกว่าเดิมจึงอุบัติขึ้นจนทุกคนในโลกแห่งการบ่มเพาะไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิผู้แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้าซูอัน ชายหนุ่มที่วันๆใช้ชีวิตคลุกตัวอยู่แต่ในโลกออนไลน์ เที่ยวยั่วยุ ปั่นประสาทผู้คนในโลกออนไลน์ให้ไม่เป็นสุขอยู่ทุกวี่วัน เป็นนักเลงคีย์บอร์ดที่ใครๆต่างก็ต้องเข็ดขยาด แต่แล้ววันหนึ่ง ไม่รู้ว่าฟ้าลงทัณฑ์หรือสวรรค์บัญชา ให้เขาคนนี้ต้องพบจุดจบชีวิตที่น่าอนาถโดนฟ้าผ่าตายในขณะที่กำลังเปิดศึกคีย์บอร์ดกับคนบนโลกออนไลน์อยู่ในห้องของตัวเอง หากแต่นี่ไม่ใช่จุดจบ!ชายหนุ่มรู้สึกตัวฟื้นขึ้นมาในร่างใหม่ที่มีตำแหน่งเป็นถึงเขยใหญ่ตระกูลอ๋องฉู่ที่แสนมั่งคั่งแถมยังมีภรรยาที่สวยหยาดเยิ้มเป็นอันดับหนึ่งของมณฑลที่ใครๆต่างก็หมายปองดูเหมือนว่าเส้นทางชีวิตใหม่ของเขาจะโรยด้วยกลีบกุหลาบสินะ?ไม่เลย!บนโลกใบใหม่ที่เขาฟื้นขึ้นมานั้นเต็มไปด้วยผู้บ่มเพาะพลังเหนือมนุษย์มากมายแถมตำแหน่งลูกเขยอ๋องฉู่กลับทำให้เขาต้องคอยเผชิญจากการถูกลอบสังหารซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยที่เขาก็ไม่เข้าใจว่าไอ้เจ้าของร่างคนก่อนไปสร้างศัตรูเอาไว้มากมายขนาดนี้ได้ยังไง? ซ้ำร้ายร่างที่เขามาสิงสู่กลับเป็นแค่ร่างที่ไม่ได้ดีเด่ไม่มีพรสวรรค์เป็นเลิศเหมือนใครเขา ทุกคนในโลกนี้จึงต่างมองเขาเป็นแค่ไอ้คนไร้ค่าที่โชคดีถูกคุณหนูใหญ่ลูกสาวคนโตของอ๋องฉู่เลือกให้เป็นสามี อย่างเดียวที่พอจะภูมิใจได้ก็มีแต่หน้าตาที่หล่อเหลาและไอเทมสุดล้ำที่ติดตัวเขามาด้วย ซึ่งมันคือ “คีย์บอร์ดเซียน!!” ระบบสุดโกงตัวช่วยที่จะทำให้เขาใช้ชีวิตยียวนผู้คนในโลกใบใหม่แห่งนี้ได้โดยที่ไม่ตายก่อนวัยอันควร!ขอเชิญติดตามเรื่องราวการผจญภัยสุดป่วนในโลกที่ไม่ค่อยจะสงบสุขเท่าไหร่อยู่แล้ว โดยเฉพาะเมื่อ ซูอัน หนุ่มสายเกรียนเซียนปั่นประสาทที่ทะลุมิติมาพร้อมระบบคีย์บอร์ดสุดยียวนคู่ใจ ความโกลาหลครั้งมโหฬารยิ่งกว่าเดิมจึงอุบัติขึ้นจนทุกคนในโลกแห่งการบ่มเพาะไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิผู้แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้าหรือแม้แต่ขอทานยังต้องอุทานเป็นเสียงเดียวกัน“ซูอัน! แกมันไอ้ตัวบัดซบ!!”**เนื้อหาบางส่วนของนิยายแปลเรื่องนี้ อาจมีเนื้อหาเกี่ยวกับเพศ และความรุนแรง**(ผู้อ่านที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปี ควรได้รับคำแนะนำ)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท