เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙] – บทที่ 291 แม่ทัพผีดิบปรากฏกาย

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 291 แม่ทัพผีดิบปรากฏกาย

ทางด้านฝั่งของซือคุนและเฉียวเสวี่ยอิง พวกเขายังคงถูกล้อมรอบด้วยกองทัพของพลกระบี่ผีดิบ

พลกระบี่ผีดิบเหล่านี้ยังคงรู้สึกขุ่นเคืองกับการที่ซูอันรังแกพวกมันอยู่ฝ่ายเดียวเมื่อครู่ แต่แสงที่เจิดจ้าก่อนหน้านี้น่ากลัวมากจนพวกมันไม่กล้าลงมือล้างแค้นโดยสัญชาตญาณ ดังนั้นพวกมันจึงทำได้แค่ระบายความโกรธกับศัตรูอีกสองคนที่เหลือเท่านั้น ตามความคิดของพวกมัน ในเมื่อมนุษย์พวกนี้มาที่นี่ด้วยกัน ดังนั้นคนพวกนี้ก็ต้องอยู่ฝั่งเดียวกัน

ด้วยเหตุนี้คนที่ต้องทนทุกข์กับผลที่ตามมาของการที่ซูอันยั่วยุผีดิบทหารคือซือคุนและเฉียวเสวี่ยอิง แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง พลขวานผีดิบ พลหอกผีดิบ และพลกระบี่ผีดิบขณะนี้ดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าตอนแรก

ขณะที่ซือคุนกำลังสาปแช่งซูอันในใจอย่างฉุนเฉียว เฉียวเสวี่ยอิงก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าหนักใจ “นายน้อย เราไม่ควรอยู่ที่นี่อีกต่อไป เราถอยกลับไปที่ด้านบนกันก่อนเถอะ”

ซือคุนเงียบไป พูดตามตรง เขารู้สึกขุ่นเคืองที่จะถอยออกไปแบบนี้ เขาสูญเสียลูกน้องไปหลายคนและใช้ไพ่ลับที่มีค่าที่สุดไปแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ได้ตัวฉู่ชูเหยียนมา

อย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มก็ต้องยอมรับกับตัวเองว่าการอยู่ที่นี่ต่อไปก็ไร้ความหมาย พวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะจัดการกับผีดิบทหารที่อยู่ตรงหน้าได้ นับประสาอะไรกับการเข้าไปลึกกว่านี้

พวกเขาไม่มีของวิเศษที่สามารถขับไล่ผีดิบได้เหมือนซูอัน

ให้ตายเถอะ ทำไมซูอันถึงมีของวิเศษแปลก ๆ ไว้ใช้มากมาย?

ท่านยั่วยุซือคุนสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +345!

“อืม เอาแบบนั้นก็ได้ พวกเราออกไปตั้งค่ายรอนอกถ้ำกันก่อน พวกมันอยู่ในนี้ไม่ได้ตลอดชีวิตหรอก!” ซือคุนพูดเสียงดัง

เขาได้ตัดสินใจแล้วว่าจะเอาตัวฉู่ชูเหยียนมาให้ได้และแย่งเอาสมบัติทั้งหมดของซูอันมา ไม่จำเป็นต้องเลือกในเมื่อเขาสามารถครอบครองได้ทั้งหมดอยู่แล้ว

หลังจากตัดสินใจได้เรียบร้อย ทั้งสองก็ค่อย ๆ สู้พลางถอยออกมาเรื่อย ๆ แต่แล้วในขณะที่พวกเขากำลังจะกลับไปที่อุโมงค์ทางเดิน จู่ ๆ แรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวก็เข้ามาครอบงำทั่วบริเวณ!

ซือคุนและเฉียวเสวี่ยอิงรู้สึกขนพองสยองเกล้า พวกเขาพยายามใช้พลังชี่ทั้งหมดที่มีเสริมความเร็วและออกวิ่งโดยไม่ลังเลเลย อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกเขาไม่สามารถควบคุมพลังชี่ของตัวเองและได้แต่แข็งทื่ออยู่ตรงนี้โดยไม่สามารถเคลื่อนไหวอะไรได้

ในไม่ช้าก็เกิดหมอกสีดำขึ้นตรงจุดศูนย์กลางห้องโถงที่พวกเขาอยู่เมื่อครู่ และแม่ทัพผีดิบในชุดเกราะสีดำบนหลังม้าก็ค่อย ๆ ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางหมอก พลกระบี่ผีดิบ พลหอกผีดิบ พลขวานผีดิบ และพลธนูผีดิบทุกตัวหยุดการโจมตีของพวกมันทันทีและโค้งคำนับเพื่อแสดงความเคารพ

เฉียวเสวี่ยอิงพบว่าหัวใจของนางเต้นเร็วราวกับรัวกลอง

ความกดดันที่แผ่มาจากแม่ทัพในชุดเกราะดำนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าอสูรกลืนกิน ‘คุน’ ที่อัญเชิญมาก่อนหน้านี้เสียอีก ยิ่งไปกว่านั้นการที่ผีดิบทหารพากันโค้งคำนับแสดงให้เห็นว่าผีดิบแม่ทัพตัวนี้สามารถสั่งการทหารระดับล่างได้ จึงไม่มีทางที่พวกเขาจะยืนหยัดต่อสู้กับมันได้เลย!

แม่ทัพผีดิบทหาร เหลือบมองทั้งซือคุนและเฉียวเสวี่ยอิง จากนั้นมันก็เริ่มพูดภาษามนุษย์ “หึ! พวกเจ้าหวาดกลัวพวกมนุษย์ที่อ่อนแอสองคนนี้งั้นเหรอ?”

เสียงของมันแหบแห้งราวกับปีศาจที่ชั่วร้ายที่สุดในนรกขุมที่ลึกที่สุด

ผีดิบทหารพยายามทำท่าทางประหลาด ๆ เพื่ออธิบายสถานการณ์อย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าพวกมันยังไม่ฉลาดพอที่จะสามารถพูดได้

อย่างไรก็ตาม แม่ทัพผีดิบทหารกลับเข้าใจสิ่งที่พลทหารผีดิบต้องการจะสื่ออย่างรวดเร็วและพึมพำกับตัวเอง “ยังมีอีกสองคน และหนึ่งในนั้นถือของวิเศษที่ปล่อยแสงอันน่าสะพรึงกลัวออกมา…”

มันกวาดตามองไปรอบ ๆ และสังเกตเห็นศพลูกน้องของซือคุนที่ถูกตรึงไว้อยู่ตรงผนัง จากนั้นมันโบกมือและศพก็ลอยลงมาอยู่ตรงหน้ามัน “มันอาจจะตายไปแล้ว แต่เราไม่ควรเสียเนื้อและเลือดของมันไปโดยเปล่าประโยชน์”

เมื่อพูดจบ ศพของลูกน้องซือคุนก็เริ่มแห้งด้วยความเร็วที่น่าสะพรึงกลัว ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือก้อนกลมขนาดเท่าลูกบอลที่ดูเหมือนจะประกอบขึ้นจากส่วนผสมของกระดูก เลือดและเนื้อที่แหลกละเอียด

“กลิ่นเลือดนี่ช่างสดชื่นเย้ายวนจริง ๆ” แม่ทัพผีดิบทหารโยน ‘ลูกบอล’ เข้าไปในปากพร้อมกับฮึมฮัมอย่างมีความสุข ราวกับว่ามันไม่ได้รู้สึกเบิกบานใจมานานแล้ว

ซือคุนกลืนน้ำลายดังเอื๊อกอย่างสยดสยอง

นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว! เจ้านั่นกินเนื้อและเลือดของมนุษย์จริงๆ! ข้าจะตายอยู่ในถ้ำนี้เหรอ? หากข้ารู้ก่อนหน้านี้ ข้าคงยังไม่ใช้ อสูรกลืนกิน ‘คุน’ ไปก่อนหน้านี้…แล้วตอนนี้ข้าจะทำยังไงต่อไปดี!

หลังจากคิดจบ เขาเริ่มสาปแช่ง ซูอัน ที่ทำให้เขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์นี้

ท่านยั่วยุซือคุนสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +777!

ในที่สุดแม่ทัพผีดิบทหารก็หันมามองซือคุนและเฉียวเสวี่ยอิง แล้วถามว่า “ระหว่างเจ้าทั้งสองคน ข้าควรเลือกที่จะอิ่มท้องด้วยใครก่อนดี?”

เมื่อเห็นว่าแม่ทัพผีดิบทหารหันมามองเขา ซือคุนก็เกือบปัสสาวะราดกางเกง เขาใช้ชีวิตอย่างยิ่งใหญ่ เกิดมาในตระกูลที่โดดเด่น พร้อมด้วยรูปลักษณ์และพรสวรรค์ มีอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้า

ข้าจะต้องตายในที่แบบนี้จริง ๆ เหรอ?!

เมื่อเขาคิดถึงภาพลูกน้องตัวโตของเขาถูกแม่ทัพผีดิบบดขยี้เลือดเนื้อจนเหลือแต่ก้อนกลม ๆ อย่างไร เขาก็เริ่มสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว

ทันใดนั้นแสงสีเขียวก็ปรากฏขึ้นบนร่างกายของเฉียวเสวี่ยอิง จากนั้นนางก็กระอักเลือดออกมา ยากที่จะบอกว่านางทำอะไรลงไป แต่มันทำให้นางสามารถหลุดพ้นจากแรงกดดันที่ทำให้นางต้องยืนแข็งทื่ออยู่กับที่ นางรีบวิ่งไปแตะที่ศีรษะของซือคุน และแสงสีเขียวแบบเดียวกันก็กำลังทำให้ร่างกายของเขาหลุดพ้นจากแรงกดดันของแม่ทัพผีดิบทหารอย่างรวดเร็วเช่นกัน

มันคือแสงแห่งพลังชีวิต ซึ่งมีความสามารถในการต้านทานกลิ่นอายแห่งความตายของเหล่าผีดิบ

ใบหน้าของเฉียวเสวี่ยอิงซีดขาวและเลือดก็ไหลออกมาจากมุมริมฝีปากของนาง เห็นได้ชัดว่าการใช้พลังนี้สิ้นเปลืองแรงอย่างมาก

“นายน้อย เราต้องวิ่งแล้ว!”

ยังเหลือเวลาอีกสองสามวินาทีก่อนที่ซือคุนจะสามารถขยับตัวได้ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับแม่ทัพผีดิบทหาร แม้แต่วินาทีหรือสองวินาทีก็เพียงพอที่จะคร่าชีวิตพวกเขา เฉียวเสวี่ยอิงรีบคว้าร่างของซือคุนและวิ่งไปที่ทางเดินทันที

“พวกเจ้ารนหาที่ตายแล้ว!” แม่ทัพผีดิบทหารพุ่งเข้าหาทั้งคู่ด้วยความโกรธเกรี้ยว

เฉียวเสวี่ยอิงกัดฟันด้วยความรู้สึกกดดันและสิ้นหวังเมื่อเห็นความเร็วของแม่ทัพผีดิบทหาร นางรู้ว่าตัวเองและซือคุนไม่สามารถหนีพ้นกันไปทั้งคู่ได้แน่นอน ดังนั้นนางจึงตัดสินใจเสียสละตัวเองเพื่อซื้อเวลาให้นายน้อยของนางหนีไปแทน

ผมของนางกลายเป็นเถาวัลย์นับไม่ถ้วนและเริ่มฟาดฟันใส่แม่ทัพผีดิบทหาร ขณะนี้นางอ่อนล้าเป็นอย่างมากจนนางจำเป็นต้องเผาพลังชีวิตของนางเองเพื่อแลกกับการที่ยังสามารถยืนหยัดอยู่ได้

นางพิจารณาถึงเรื่องการใช้ทักษะภาพสะท้อนแห่งจันทราอีกสองครั้งที่เหลือเพื่อซื้อเวลาให้กับนายน้อยของนางเช่นกัน

แต่นางก็กังวลว่านายน้อยจะไม่สามารถหลบหนีไปได้สำเร็จ

ถ้านายน้อยดื้อดึงที่จะต่อสู้เคียงข้างข้า พวกเราทั้งคู่จะต้องตายพร้อมกันที่นี่แน่นอน!

แต่ในขณะที่นางกำลังคิดเป็นห่วงนายน้อยของนางอยู่นั้น จู่ ๆ นางก็รู้สึกว่ามีแรงผลักนางจากด้านหลัง ส่งร่างของนางลอยไปหาแม่ทัพผีดิบทหาร นางจดจ่ออยู่กับการป้องกันศัตรูที่กำลังตามมามากเกินไปจนด้านหลังของนางไม่มีการป้องกัน

เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้จิตใจของเฉียวเสวี่ยอิงก็ว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์ คนเดียวที่อยู่ด้านหลังของนางคือซือคุน ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าใครเป็นคนที่ผลักนาง

แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น นางก็ยังลังเลที่จะทิ้งความหวังเล็ก ๆ น้อย ๆ

บางทีนางอาจจะเข้าใจผิดไปก็ได้! นางยังคงเหลียวกลับไปมอง หวังว่านางจะเข้าใจทุกอย่างผิดไป

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

Status: Ongoing
ซูอัน หนุ่มสายเกรียนเซียนปั่นประสาทที่ทะลุมิติมาพร้อมระบบคีย์บอร์ดสุดยียวนคู่ใจ ความโกลาหลครั้งมโหฬารยิ่งกว่าเดิมจึงอุบัติขึ้นจนทุกคนในโลกแห่งการบ่มเพาะไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิผู้แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้าซูอัน ชายหนุ่มที่วันๆใช้ชีวิตคลุกตัวอยู่แต่ในโลกออนไลน์ เที่ยวยั่วยุ ปั่นประสาทผู้คนในโลกออนไลน์ให้ไม่เป็นสุขอยู่ทุกวี่วัน เป็นนักเลงคีย์บอร์ดที่ใครๆต่างก็ต้องเข็ดขยาด แต่แล้ววันหนึ่ง ไม่รู้ว่าฟ้าลงทัณฑ์หรือสวรรค์บัญชา ให้เขาคนนี้ต้องพบจุดจบชีวิตที่น่าอนาถโดนฟ้าผ่าตายในขณะที่กำลังเปิดศึกคีย์บอร์ดกับคนบนโลกออนไลน์อยู่ในห้องของตัวเอง หากแต่นี่ไม่ใช่จุดจบ!ชายหนุ่มรู้สึกตัวฟื้นขึ้นมาในร่างใหม่ที่มีตำแหน่งเป็นถึงเขยใหญ่ตระกูลอ๋องฉู่ที่แสนมั่งคั่งแถมยังมีภรรยาที่สวยหยาดเยิ้มเป็นอันดับหนึ่งของมณฑลที่ใครๆต่างก็หมายปองดูเหมือนว่าเส้นทางชีวิตใหม่ของเขาจะโรยด้วยกลีบกุหลาบสินะ?ไม่เลย!บนโลกใบใหม่ที่เขาฟื้นขึ้นมานั้นเต็มไปด้วยผู้บ่มเพาะพลังเหนือมนุษย์มากมายแถมตำแหน่งลูกเขยอ๋องฉู่กลับทำให้เขาต้องคอยเผชิญจากการถูกลอบสังหารซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยที่เขาก็ไม่เข้าใจว่าไอ้เจ้าของร่างคนก่อนไปสร้างศัตรูเอาไว้มากมายขนาดนี้ได้ยังไง? ซ้ำร้ายร่างที่เขามาสิงสู่กลับเป็นแค่ร่างที่ไม่ได้ดีเด่ไม่มีพรสวรรค์เป็นเลิศเหมือนใครเขา ทุกคนในโลกนี้จึงต่างมองเขาเป็นแค่ไอ้คนไร้ค่าที่โชคดีถูกคุณหนูใหญ่ลูกสาวคนโตของอ๋องฉู่เลือกให้เป็นสามี อย่างเดียวที่พอจะภูมิใจได้ก็มีแต่หน้าตาที่หล่อเหลาและไอเทมสุดล้ำที่ติดตัวเขามาด้วย ซึ่งมันคือ “คีย์บอร์ดเซียน!!” ระบบสุดโกงตัวช่วยที่จะทำให้เขาใช้ชีวิตยียวนผู้คนในโลกใบใหม่แห่งนี้ได้โดยที่ไม่ตายก่อนวัยอันควร!ขอเชิญติดตามเรื่องราวการผจญภัยสุดป่วนในโลกที่ไม่ค่อยจะสงบสุขเท่าไหร่อยู่แล้ว โดยเฉพาะเมื่อ ซูอัน หนุ่มสายเกรียนเซียนปั่นประสาทที่ทะลุมิติมาพร้อมระบบคีย์บอร์ดสุดยียวนคู่ใจ ความโกลาหลครั้งมโหฬารยิ่งกว่าเดิมจึงอุบัติขึ้นจนทุกคนในโลกแห่งการบ่มเพาะไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิผู้แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้าหรือแม้แต่ขอทานยังต้องอุทานเป็นเสียงเดียวกัน“ซูอัน! แกมันไอ้ตัวบัดซบ!!”**เนื้อหาบางส่วนของนิยายแปลเรื่องนี้ อาจมีเนื้อหาเกี่ยวกับเพศ และความรุนแรง**(ผู้อ่านที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปี ควรได้รับคำแนะนำ)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท