บทที่ 1 กลายเป็นแม่ของวายร้าย
เหยาซูสะดุ้งตื่นขึ้นด้วยความเจ็บปวด จากนั้นหญิงสาวจึงได้ยินเสียงพูดคุยของผู้หญิงสองคนที่อยู่ข้าง ๆ
“แม่เหยาอาการสาหัสแล้ว”
“อ้า เหตุใดนางถึงยังไม่ฟื้น? หากเป็นอย่างนี้ต่อไปจะได้ตายทั้งแม่ทั้งลูก!”
เหยาซูจำได้ว่าก่อนหน้านี้ตนได้ยินเสียงเครื่องบินตกแล้วภาพตรงหน้าก็ดำมืดไป ขณะที่เหล่าพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินพยายามปลอบขวัญพวกเขา…
หญิงสาวปรือดวงตาขึ้น จากนั้นจึงได้เห็นสถานการณ์ที่ตนเองกำลังเผชิญอย่างชัดเจน…
เธอกำลังคลอดบุตร!
ทันใดนั้นความเจ็บปวดในช่องท้องก็กำเริบขึ้นอีกครั้ง
เธอไม่มีเวลาที่จะคิดอะไรทั้งสิ้น ทำได้เพียงส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
หมอตำแยทั้งสองมองหน้ากันและพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “แม่นางซูรู้สึกตัวแล้ว! เร็วเข้า ออกแรงเบ่ง! ออกแรงหน่อย! หายใจเข้า หายใจออก…”
“เห็นหัวเด็กแล้ว!”
เหยาซูทำได้เพียงที่หมอตำแยทั้งสองบอก หญิงสาวพยายามสูดลมหายใจแรง ๆ อย่างสุดชีวิต
“อาซู ออกมาแล้ว เด็กออกมาแล้ว!”
สิ้นเสียงเด็กทารกร้องไห้จ้า เหยาซูก็หมดสติไปอีกครั้ง
…..
เมื่อเหยาซูได้สติรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครา สิ่งแรกที่เธอสัมผัสได้คือความเจ็บปวดบริเวณช่วงล่าง
เธอครางออกมาเบา ๆ หลังภาพในคลองจักษุ* ชัดเจนขึ้นแล้ว เธอก็เห็นหลังคามุงฟางข้าวเป็นสิ่งแรก บนร่างกายของเธอคลุมด้วยผ้าห่มที่ส่งกลิ่นเหงื่อเหม็นหึ่งและยังมีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่ว
*จักษุ ในที่นี้หมายถึง ดวงตา
เธอหันไปด้านข้างและพบห่อผ้าที่มีทารกถูกห่อไว้อย่างแน่นหนาวางเอาไว้ เผยให้เห็นเพียงใบหน้าเล็ก ๆ เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น
“ท่านแม่…”
ทันใดนั้นก็มีเสียงกล้า ๆ กลัว ๆ ของเด็กคนหนึ่งดังมาจากทางหน้าประตู
เหยาซูหันไปมองอย่างยากลำบาก แล้วเธอก็เห็นเด็กแคระแกร็นราวถั่วงอกที่มีดวงตาสีดำกลมโตผู้หนึ่งกำลังยืนแนบกับกรอบประตูไม้สีซีดจาง และมองมาทางเธออย่างระมัดระวัง
“ท่านแม่งั้นเหรอ?”
เหยาซูได้สติกลับและถามออกไปโดยไม่รู้ตัว แต่ก็พบว่าเสียงของตนฟังเหมือนเสียงตะโกนอันแหบพร่า “เจ้ากำลังเรียกข้าเหรอ?”
เจ้าถั่วงอกน้อยขยับตัวเข้ามาใกล้ ๆ ทำให้เหยาซูเห็นหน้าตาของเขาอย่างชัดเจน…
เขาเป็นเด็กชายอายุประมาณ 6 – 7 ขวบ ใบหน้ามอมแมม สวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งและสกปรกจนแทบจะมองไม่เห็นสีเดิมของมัน แขนเสื้อสั้นเต่อเผยให้เห็นข้อมือเล็กราวกับเพียงออกแรงจับเบา ๆ ก็สามารถหักได้
เด็กชายตัวน้อยประคองชามกระเบื้องหยาบ ๆ ขนาดใหญ่เอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ซึ่งในนั้นมีน้ำอยู่เต็มถ้วย
เด็กน้อยได้ยินเหยาซูถามดังนั้น เขาก็หดคอลงเล็กน้อยและพาตัวเองไปซ่อนตัวที่หลังประตูก่อนที่จะพยักหน้าเบา ๆ
“ท่านแม่…ท่านกระหายน้ำหรือไม่? ข้าได้ยินเสียงท่านแหบไม่น้อย”
เหยาซูพยักหน้าและพยายามพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ พร้อมกวักมือเรียกเด็กน้อยให้เข้ามาใกล้ “มานี่สิ”
เด็กน้อยตกตะลึงไปครู่หนึ่ง คิดไม่ถึงว่าท่านแม่จะพูดกับเขาอย่างอ่อนโยน ทันใดนั้นเด็กน้อยก็ยกมุมปากยิ้มออกมาและพูดอย่างรวดเร็ว “ท่านแม่ ดื่มน้ำขอรับ!”
เด็กน้อยวิ่งไปข้างเตียงของเหยาซู
เหยาซูอดทนต่อความเจ็บปวด ลุกขึ้นก่อนจะมองไปที่ชามกระเบื้องสกปรกตรงหน้า
เธอหันไปมองหน้าเด็กน้อยที่กำลังลุ้นว่าเธอจะดื่มน้ำหรือไม่ หญิงสาวทำได้เพียงถอนหายใจและดื่มมันลงไป
ในขณะที่ดื่มน้ำ ดวงตาของเธอก็มองไปรอบ ๆ เพื่อทำการสำรวจ ทุกอย่างช่างดูสมจริงเหลือเกิน
ความเจ็บปวด บ้านที่ทรุดโทรม การคลอดบุตร…
เมื่อรวมกับข้อมูลที่เธอได้ยินตอนฟื้นขึ้นมาในช่วงที่กำลังคลอดลูก ดูเหมือนว่าเธอจะได้ยินใครบางคนเรียกเธอว่า ‘อาซู’ หรือ ‘แม่เหยา’…
ดูจากสภาพตัวเองในตอนนี้แล้ว ไม่ใช่ว่าเธอเป็นแม่ของตัวร้ายที่ตายก่อนใครเพื่อนหรอกเหรอ!?
เธอทะลุมิติเข้ามาในนิยายที่เธออ่านเหรอ? ทั้งยังเป็นแม่ของตัวร้ายอีกด้วย?
เหยาซูรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า มือที่ถือชามใส่น้ำสั่นเทา แววตาหม่นหมองลงทีละน้อย
เด็กน้อยเห็นแม่ของตนเป็นแบบนั้นก็ตื่นตกใจ เอ่ยขึ้นเบา ๆ “ท่านแม่”
เหยาซูได้สติกลับมา และร้องอุทานอย่างสิ้นหวัง “อา…อาจื้อ?”
เนื่องจากเหยาซูเพิ่งจะดื่มน้ำไป เสียงของเธอจึงไม่ได้แหบแห้งเหมือนก่อนหน้านี้ ทว่าริมฝีปากเผยอจากกันเล็กน้อยราวกับตกอยู่ในภาวะสะเทือนใจอย่างรุนแรง
อาจื้อตัวน้อยพยักหน้าอย่างระมัดระวัง และพูดด้วยความเป็นห่วง “ท่านแม่ดื่มน้ำมากพอไหมขอรับ ท่านยังเจ็บตรงไหนอีกหรือไม่?”
หลังจากที่อาจื้อน้อยพูดจบ เขาก็หยิบโวโวโถว ออกมาจากกระเป๋าเสื้อสกปรกพลางกลืนน้ำลาย “ท่านแม่ ท่านเพิ่งคลอดน้องชายไป คงจะหิวมาก ข้าจึงขโมยมันมาจากในครัว ตอนนี้ข้าไม่หิว ท่านรีบกินเถิด”
ทว่าทันใดนั้นเสียงท้องร้องของอาจื้อก็ดังขึ้นประท้วงคำพูดของเขา
อาจื้อก้มหน้าลงทันที ท่าทางนั้นทำให้ในใจของเหยาซูเงียบงันไปครู่ใหญ่
เธอก้มหน้าลงเล็กน้อยอย่างไร้เรี่ยวแรงและคิดกับตัวเอง ‘ไม่ผิดแน่ที่เด็กชายคนนี้จะเป็นจอมวายร้าย! ‘หลินจื้อ’ ที่แม้กระทั่งสุนัขยังรังเกียจ ทำสิ่งเลวร้ายต่าง ๆ นานา และสุดท้ายก็ประสบชะตากรรมที่น่าสังเวช!’
และในตอนนี้เธอก็เพิ่งให้กำเนิดวายร้ายขึ้นเนี่ยนะ?
เหยาซูเอนกายนอนลงบนเตียง พลางนึกถึงเส้นทางในอนาคตของตน เธอยังสะดุดใจในเรื่องความห่วงใยของอาจื้อ เช่นเดียวกับคำโกหกที่เขาบอกกับเธอว่าไม่หิว แต่พอเอาขนมโวโวโถวออกมาท้องของเขากลับส่งเสียงร้องท้วง
เหยาซูมีความรู้สึกหลากหลายผสมปนเปกันไป ในชาติก่อนตัวเองไม่เคยมีลูก แต่หลังจากตนประสบความสำเร็จ เธอมักจะช่วยเหลือเด็ก ๆ บนภูเขาที่ยากไร้อยู่บ่อย ๆ
แต่ตอนนี้เธอเพิ่งคลอดลูกออกมา และยังมีบุตรชายคนโตที่ฉลาด อ่า…ใช่ ถ้าดูจากเส้นเรื่องแล้ว ลูกสาววายร้ายก็น่าจะมีอายุได้ 3 ขวบ
ทว่านางอยู่ที่ไหนกัน?
เฮ้อ…เหยาซูถอนหายใจอย่างหนักใจ
เอ่อ…จะพูดอย่างไรดี? ตอนนี้เธอรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก
ในตอนที่เธออ่านนิยายเรื่องนี้ เธอรู้สึกปวดใจกับวายร้ายทั้งสามคนของตระกูลหลิน ตั้งแต่ตอนที่พวกเขายังเด็ก แม้จะเติบโตขึ้นก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความชั่วร้ายที่พวกเขาทำได้
หลังจากคิดดูแล้วดูเหมือนว่าวายร้ายทั้งสามของตระกูลหลินจะเติบโตขึ้นมาท่ามกลางหมู่ญาติที่เลวร้ายจำนวนมาก จึงไม่อาจตำหนิพวกเขาที่เติบโตมาเป็นวายร้ายผู้แสนครบเครื่องได้เลย
มือของเหยาซูขยับอีกครั้งเพื่อดื่มน้ำแล้วฝืนยิ้มให้กับอาจื้อ “เจ้ากำลังโกหกแม่อย่างนั้นเหรอ? เจ้ากินเถอะ แม่ยังไม่หิว”
หลินจื้อส่ายหัว “ไม่ หากท่านแม่ไม่กิน น้องชายของข้าก็จะอดตาย! ท่านแม่ ข้าจะเชื่อฟังท่านทุกอย่าง ได้โปรดดูแลน้องชายของข้าด้วยเถิด”
เหยาซูรู้สึกประหลาดใจในความไร้เดียงสาของเขา เธอลูบศีรษะของเขาแล้วพูดว่า “แม่ยังไม่หิว ไม่ต้องเป็นกังวลไป มีแม่อยู่ เจ้าจะไม่มีวันทนทุกข์อย่างแน่นอน”
วายร้ายคนนี้ยังเด็กนัก…ช่างบริสุทธิ์ไร้เดียงสา และศรัทธาในแม่ของตัวเอง
หากเธอสอนเขาอย่างถูกต้อง เด็กน้อยก็จะไม่กลายเป็นวายร้ายเหมือนในนิยายต้นฉบับแน่
ร่างกายของหลินจื้อเกร็งขึ้น นานแค่ไหนแล้วที่ท่านแม่ปฏิบัติต่อเขาอย่างอ่อนโยนเช่นนี้?
ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็รื้นหยาดน้ำขึ้นมาทันที
………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
นางเอกเรื่องนี้มาแปลก ทะลุมิติมาได้เจ็บปวดกว่าใครเพื่อนเลย
มิชชั่นอันยิ่งใหญ่มาถึงแล้วสินะ รอดูต่อไปเลยค่ะว่านางจะเอาตัวรอดยังไง
ไหหม่า(海馬)