บทที่ 17 แผนการในใจของเหยาซู
หลังจากจัดการเรื่องกล่องชาดทาหน้าเรียบร้อย เหยาซูก็เริ่มทำชาดทาหน้าอย่างสบายใจ
ฤดูใบไม้ร่วงอากาศแจ่มใส ฤดูร้อนไม่มีฝนตกมากนัก ทำให้เหยาซูสามารถตากดอกคำฝอยที่เพิ่งเก็บกลับมาให้แห้งได้ดียิ่งขึ้น
ครอบครัวของนางไม่ได้มีเพียงแต่พี่ชายและพี่สะใภ้ทั้งสองคนเท่านั้นที่สนับสนุน แม้แต่ท่านพ่อและท่านแม่เองก็ยังเดินเตร็ดเตร่อยู่ในบริเวณที่เหยาซูกำลังทำงานอยู่บ่อยครั้ง
อย่างไรเสียสองผู้เฒ่าก็เฝ้ามองดูบุตรสาวที่เติบโตขึ้น นางมีความรู้มากน้อยเพียงใดเกี่ยวกับเรื่องนี้พวกเขาย่อมรู้ดี จึงไม่รู้สึกค่อยประหม่านัก…
ด้วยนิสัยของลูกสาวคนเล็กแล้ว นางจะสามารถทำชาดทาหน้าได้จริงหรือ?
หลายวันมานี้ เด็ก ๆ ไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก พวกเขาอยู่ข้างกายเหยาซูแล้วเฝ้าดูว่านางทำอย่างไร
ครั้นเห็นว่านางผสมเถ้าไม้และดอกไม้เข้าด้วยกัน พวกเขาต่างมองดูอย่างตื่นเต้นและคอยเฝ้ามองจนกระทั่งเหยาซูเริ่มใช้ถุงผ้าบิดเค้นน้ำออก เหลือไว้เพียงสีแดง พ่อเฒ่าเหยาและแม่เฒ่าเหยามองหน้ากัน ดูเหมือนว่าลูกสาวคนเล็กของพวกเขาทำสำเร็จแล้ว
“ท่านแม่ทำเสร็จแล้วหรือ?”
ต้าเป่าเป็นคนใจร้อน เมื่อเห็นว่าเหยาซูหยุดมือจึงรีบเข้าไปเอ่ยถาม
เหยาซูยิ้ม “ต่อไปต้องใส่ลงไปในโถเพื่อรอให้มันแห้งเสียก่อนนะ”
เด็กทั้งสี่คนส่งเสียง ‘ว้าว’ ในขณะที่ผู้เฒ่าทั้งสองหัวเราะออกมาอย่างขบขัน
เห็นแบบนี้สามีภรรยาตระกูลเหยาก็เริ่มผ่อนคลายเรื่องลูกสาวคนเล็กของพวกเขา
…………..
สิบวันผ่านไป ในที่สุดชาดทาหน้าของเหยาซูก็สำเร็จเรียบร้อย
ในขณะเดียวกันก็ถึงเวลาที่ตกลงกันว่าจะไปรับกล่องไม้จากท่านปู่เหยาสาม
วันนี้ต้าเป่าและเอ้อเป่าได้ออกไปเที่ยวกับญาติผู้พี่ทั้งสองคน
เหยาซูจึงมีเพียงแค่ซานเป่าอยู่ข้างกายเท่านั้น
ในวันนี้นางจึงฝากซานเป่าให้มารดาช่วยดูแล ส่วนตัวนางจะเดินทางไปกับเหยาเฟิงเพื่อไปทางทิศตะวันตกของหมู่บ้าน
ตลอดเส้นทาง เหยาเฟิงเห็นน้องสาวอารมณ์ดีก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ “อาซู เหตุใดเจ้าจึงมีความสุขนัก?”
เหยาซูเม้มปากและยิ้มออกมา แก้มทั้งสองข้างของนางเผยให้เห็นลักยิ้มตื้น ๆ ทำให้เหยาเฟิงตกตะลึง
เดิมทีน้องสาวของเขาไม่ชอบยิ้มมาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าหลายปีมานี้นางจะต้องทนทุกข์ทรมาน ทว่าเมื่อกลับมาตระกูลเหยาอีกครั้งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานางดูร่าเริงขึ้นมาก
แม้แต่อารมณ์ต่อคนรอบข้างก็ยังรู้สึกเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน
“แน่นอนว่าต้องอารมณ์ดีอยู่แล้ว!”
เหยาซูหันไปมองพี่ใหญ่แล้วยิ้มออกมาอย่างซื่อ ๆ “เมื่อได้กล่องมาก็สามารถหาเงินได้แล้ว!”
เมื่อเห็นความตื่นเต้นในสายตาของหญิงสาวตัวเล็ก ๆ ที่ดูเหมือนจะตื่นเต้นกับการหาเงิน ดวงตาของเหยาเฟิงก็ค่อย ๆ ทอแววอ่อนโยน “แม้เจ้าจะไม่ได้ทำงานหาเงิน ทว่าข้ากับพี่รองของเจ้าก็สามารถเลี้ยงดูเจ้าและลูกได้ อาซู เจ้าไม่จำเป็นต้องกดดันตัวเอง ขอเพียงเจ้ามีความสุขก็เพียงพอแล้ว”
ทั้งที่รู้ว่าพี่ใหญ่มีเจตนาดี แต่เหยาซูก็ยังอดที่จะถอนหายใจไม่ได้ “สีที่ข้าทำนั้นบริสุทธิ์กว่าของผู้อื่น กล่องก็สวยกว่าด้วย ไม่ต้องกังวลว่าจะขายไม่ออกหรอกน่า! อีกอย่างจะขายอย่างไร ขายราคาเท่าไร ข้าได้ปรึกษากับพี่สะใภ้ทั้งสองเรียบร้อยแล้ว พี่ใหญ่รอดูพวกเรานับเงินเถอะ”
เหยาเฟิงยกมือลูบหัวของนางแล้วพูดเกลี้ยกล่อม “ชาดทาหน้าของเจ้าจะต้องขายดีแน่ ๆ”
แม้ว่าหากขายไม่ดี เหยาเฟิงและเหยาเฉาก็ยังมีวิธีทำให้มัน ‘ขายดี’
แน่นอนว่าเหยาซูไม่รู้ว่าพี่ชายของนางได้วางแผนเลวร้ายที่สุดขึ้นแล้ว นางดื่มด่ำไปกับความสุขที่กำลังจะมาถึง เงินก้อนแรกของนาง การหาเงินไม่เพียงแต่นำความสุขมาให้ แต่ยังให้ความรู้สึกถึงความปลอดภัย
ต้าเป่ารู้ความแล้ว เอ้อเป่าก็เป็นเด็กดี ซานเป่าก็กำลังเติบโต เหยาซูถือว่าเด็กทั้งสามเป็นลูกของนางจริง ๆ หากไม่เก็บเงินไว้ แล้วรอบิดาแท้ ๆ ของลูกกลับมา นางจะเอาอะไรไปสู้กับตระกูลหลิน?
เมื่อเหยาเฟิงเห็นน้องสาวแสดงออกถึงความองอาจและสง่างาม ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เขาหวังว่าอาซูน้องสาวคนเล็กของเขาจะอยู่อย่างมีความสุขสบายเช่นนี้ต่อไป
เมื่อถึงประตูบ้านของท่านปู่เหยาสาม เขาก็เห็นชายหนุ่มจากหมู่บ้านตระกูลเหยานั่งอยู่ข้างกำแพงด้วยใบหน้าที่มีชีวิตชีวา เขากำลังตัดไม้อย่างมีความสุข เมื่อเขาเห็นผู้มาใหม่จึงรีบลุกต้อนรับทันที
“ท่านพี่เฟิง อาซู! พวกเจ้ามาแล้วหรือ”
ชายหนุ่มรูปร่างไม่สูงและไม่เตี้ยเกินไป เขามีใบหน้าซื่อ ๆ บนร่างสวมเสื้อผ้าที่มีรอยปะ แค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าฐานะทางบ้านไม่ดีนัก
เหยาเฟิงจำเขาได้ และพยักหน้าถามว่า “เสี่ยวเล่ย ปู่เหยาสามอยู่บ้านไหม?”
ชายหนุ่มที่ชื่อเสี่ยวเล่ยตะโกนเข้าไปในบ้าน “ปู่เหยาสาม พี่เฟิงมาแล้ว!”
บางทีอาจเป็นเพราะชายชราอายุมากแล้วจึงไม่ค่อยได้ยินเสียง แม้ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากเขาเลย
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ผลิตภัณฑ์พร้อม แพคเกจจิ้งพร้อม ลุยเลยค่ะอาซู
ไหหม่า(海馬)