ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] – บทที่ 58 แม่จะหย่ากับพ่อของเจ้า

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

บทที่ 58 แม่จะหย่ากับพ่อของเจ้า

ท่านป้าหูรีบวิ่งไปที่ตระกูลเหยา เมื่อพบเหยาเฟิงและเหยาเฉา นางก็ไม่ทันได้แวะทักทาย นางเพียงต้องการรีบเข้าไปหาเหยาซูแล้วลากนางกลับบ้าน

“วันนี้แม่สามีที่โหดร้ายของเจ้าหาบ้านเจ้าเจอแล้ว อีกทั้งยังทุบประตูเสียงดัง เด็กสามคนที่อยู่ในบ้านต่างหวาดกลัว ไม่กล้าเปิดประตูสักนิด”

เมื่อเหยาซูได้ยินเช่นนั้น หัวใจของนางสั่นสะท้าน อดถามไม่ได้ “บิดาของเด็ก ๆ กลับมาแล้ว เหตุใดเขาถึงไม่อยู่ที่นั่นเจ้าคะ?”

ท่านป้าหูส่ายหน้า “ยังจะพูดอีก บิดาของเด็กดูท่าจะเข้ากันไม่ได้ ทั้งยังเข้าข้างมารดาของตนเองอย่างไม่มีเหตุผลน่ะสิ”

คิ้วของเหยาซูขมวดเข้าหากัน โทสะผุดขึ้นมาในใจของนาง เดิมทีนางต้องการขับไล่หลินเหราออกไปเพียงแค่สามส่วน ทว่าตอนนี้ความต้องการนั้นเพิ่มขึ้นเป็นสิบส่วนทันใด

นางพยายามระงับความโกรธพลางกล่าวขอบคุณท่านป้าหู “ขอบคุณท่านป้าหูมากเจ้าค่ะ แล้วตอนนี้เด็ก ๆ เป็นอย่างไรบ้างหรือ?”

ท่านป้าหูโบกมือ “ข้าไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพียงมาแจ้งเจ้าแทนพวกเด็ก ๆ ส่วนเด็ก ๆ เข้าไปในบ้านแล้ว ต้าเป่าบอกว่าจะไม่เปิดประตูให้พ่อและย่าของเขา อาซู เจ้ารีบกลับไปดูเถอะ!”

เหยาซูพยักหน้าและกล่าวขอบคุณท่านป้าหูอีกหลายครั้งก่อนมุ่งตรงกลับบ้าน

เมื่อมาถึงประตูบ้าน นางก็เห็นถังไม้ขนาดเล็กที่ปกติเต็มไปด้วยน้ำถูกโยนทิ้งไปด้านข้าง ประตูใหญ่ของบ้านถูกกระแทกจนเป็นรูหลายจุด แต่ไม่ได้มีความวุ่นวายภายในบ้านอย่างที่เหยาซูคาดคิดเอาไว้

นางรีบเข้าไปตบประตูเบา ๆ “ต้าเป่า เอ้อเป่า พวกเจ้าอยู่หรือไม่”

เด็กทั้งสองคนนั่งอยู่บนเตียงพลางเช็ดน้ำตาอย่างเงียบ ๆ

อาจื้อกล่าวคำสัตย์สาบานกับน้องสาวว่า วันหน้าจะไม่สนใจท่านพ่ออีกต่อไป

ส่วนอาซือเองก็ให้คำมั่นว่านางจะไม่พูดกับท่านพ่ออีกเช่นกัน

ในขณะที่ซานเป่ายังคงนอนเล่นอยู่ด้านข้างด้วยอาการสะลึมสะลือและเริ่มคลานปีนป่ายไปทั่ว

เมื่อได้ยินเสียงของมารดา อาจื้อและอาซือจึงรีบลงจากเตียงแล้ววิ่งไปเปิดประตูทันที

“ท่านแม่!”

หลังพ้นผ่านปีใหม่มา อาจื้อและอาซือต่างเติบโตขึ้นมาก อาจื้อสูงถึงหน้าอกเหยาซู ส่วนอีกคนหนึ่งสูงถึงต้นขาของนางแล้ว

เมื่อเด็กทั้งสองคนเห็นเหยาซู พวกเขารีบวิ่งไปกอดนางด้วยความคับข้องใจทันที

เหยาซูลูบหัวเด็ก ๆ พลางปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เอาละ แม่กลับมาแล้ว มาเถอะ เข้าไปในห้องกัน”

เดิมทีเด็ก ๆ หยุดร้องไห้แล้ว แต่พอได้เห็นใบหน้าอันอ่อนโยนของมารดาก็อดร้องไห้ออกมาไม่ได้

เด็กเล็กมักร้องไห้อยู่แล้ว อาจื้อและอาซือจึงร้องไห้เป็นธรรมดา เหยาซูปลอบใจพวกเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่ก็อยากจะสอนบทเรียนสำคัญให้กับเด็ก ๆ ด้วย

“ต้าเป่า เอ้อเป่า หลังร้องไห้เสร็จช่วยฟังแม่พูดสักประโยคได้หรือไม่?”

เด็กทั้งสองคนระบายความกลัวในอ้อมกอดของมารดา พวกเขาพยักหน้าและนั่งลงอย่างเชื่อฟัง

เหยาซูลูบศีรษะของบุตรชายและบุตรสาวพร้อมกล่าวเสียงเบาว่า “วันนี้พวกเจ้าได้รับความไม่เป็นธรรม อาจื้อเจ้าเป็นพี่ชาย ต้องรู้ว่ายามที่แม่ไม่อยู่ เมื่อพบเจออันตรายเจ้าจะต้องปกป้องน้องสาวของเจ้า”

อาจื้อพยักหน้าหงึก ๆ

เหยาซูใช้น้ำเสียงอ่อนโยนเช่นเดียวกันพูดกับอาซือว่า “วันหน้าหากลูกรองมีปัญหาก็อย่าเพิ่งรีบร้องไห้ เวลาเจอคนแปลกหน้าหรือคนไม่ดีต้องปกป้องตนเองก่อน แล้วจึงค่อยมาร้องไห้อยู่ข้าง ๆ แม่ ได้ยินหรือไม่?”

แววตาของอาซือดูสับสนเล็กน้อยแต่จับจุดสำคัญได้ จึงพยักหน้า “เอ้อเป่าจะปกป้องตัวเอง!”

เหยาซูหัวเราะอย่างชื่นชมและกล่าวกับลูกทั้งสองว่า “พวกเจ้ายังมีหนทางอีกยาวไกลกว่าพวกเจ้าจะโต ระหว่างทางอาจได้พบผู้คนหลากหลายประเภท บางคนไม่ดีชอบรังแกคนอ่อนแอกว่า บางคนดุร้ายและไม่ยุติธรรม แต่ไม่ว่าพวกเราจะเจอคนแบบไหนก็ตาม เจ้าจะต้องเรียนรู้ที่จะเผชิญหน้า เรียนรู้ที่จะไม่ถอยหนี วันนี้ต้าเป่าและเอ้อเป่าทำได้ดีมาก ยกตัวอย่างเช่นตอนนี้ หากท่านย่ายังพาคนมารังแกต้าเป่ากับเอ้อเป่า พวกเจ้าเป็นเด็กน้อย ต้องเลือกที่จะซ่อนตัว ปิดประตูเพื่อปกป้องตัวเอง”

“แต่หลังจากนี้ต้าเป่าเอ้อเป่าต้องคิดหาวิธีแก้ไข”

อาจื้อมีปฏิกิริยาตอบกลับมาอย่างรวดเร็วจึงถามว่า “ท่านแม่จะบอกว่า ท่านย่าจะมาพังประตูบ้านของเราอีกใช่หรือไม่ขอรับ?”

เหยาซูพยักหน้า

“เราจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร? เราจะปล่อยให้คนอื่นมารังแกเราที่บ้านในอนาคตได้อย่างไร”

แม้แต่อาซือเองก็เริ่มคิดหนัก

เด็กทั้งสองคนคิดอยู่นานแต่ไม่มีทางเลือกที่ดีที่สุด สุดท้ายอาจื้อก็ถามว่า “พวกเรากลับไปอยู่บ้านท่านยายได้หรือไม่ ท่านลุงจะไม่ยอมให้ท่านย่ามารังแกพวกเราแน่ ๆ..”

เหยาซูยิ้มก่อนกล่าวว่า “นั่นก็เป็นวิธีที่ดี”

เด็กทั้งสองคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทว่าในใจกลับรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย…ต่อไปพวกเขาจะไม่สามารถอยู่บ้านของตัวเองได้อีกแล้วอย่างนั้นหรือ?

เมื่อเหยาซูเห็นสีหน้าของเด็กทั้งสอง นางก็รู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ จึงเอ่ยปากเบา ๆ ว่า “แม่ยังมีวิธีอื่นอีก พวกเจ้าอยากฟังหรือไม่?”

อาจื้อและอาซือเงยหน้าขึ้นมองนางด้วยสายตาเป็นประกาย “ยังมีวิธีอื่นอีกหรือขอรับ/เจ้าคะ?”

แววตาของเหยาซูทั้งอ่อนโยนและเด็ดเดี่ยว นางเอ่ยถึงการตัดสินใจที่นางไม่เคยพูดกับเด็ก ๆ

“ข้าจะหย่าขาดจากบิดาของพวกเจ้า”

“หย่า?”

อาจื้อและอาซือต่างตกตะลึง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่เข้าใจความหมายของการพรากจากกัน

เหยาซูอธิบายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “การหย่าก็หมายถึงท่านพ่อกับท่านแม่จะไม่เป็นสามีภรรยากันอีกต่อไป และก็จะไม่อยู่ด้วยกันอีก ท่านพ่อจะต้องกลับไปบ้านของเขา ส่วนแม่นั้นจะพาพวกเจ้าอาศัยอยู่ในบ้านของตัวเองต่อไป”

อาซืองุนงง “แต่พวกเราก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วนี่เจ้าคะ”

อาจื้อคิดขึ้นมาและอธิบายให้น้องสาวฟัง “ไม่เหมือนกัน ตอนนี้ท่านพ่อกับท่านแม่เป็นสามีภรรยากัน เราเป็นครอบครัวเดียวกัน หากท่านพ่อกับท่านแม่หย่าขาดกัน ท่านพ่อก็จะไม่ใช่ครอบครัวเราอีกต่อไป ด้วยวิธีนี้ ท่านย่าที่เป็นครอบครัวของท่านพ่อก็จะไม่ใช่ครอบครัวของเราอีกต่อไปเช่นกัน”

เหยาซูพยักหน้า “ต้าเป่าพูดถูกแล้ว”

จากนั้นนางก็ถามเด็กทั้งสองคนว่า “แล้วต้าเป่ากับเอ้อเป่าเต็มใจหรือไม่?”

อาซือพยักหน้าอย่างไม่ลังเล แต่อาจื้อกลับแสดงท่าทีลังเล

เด็กหญิงตัวน้อยมองไปที่พี่ชายของนางและถามด้วยคำสบประมาท “พี่ชาย วันนี้ท่านเองไม่ใช่เหรอที่พูดว่าจะไม่สนใจท่านพ่ออีกแล้ว?”

อาจื้ออ้าปากพูดไม่ออก

อาซือรีบดึงแขนเสื้อของอาจื้อ “ท่านพี่ ท่านบอกมาว่าเต็มใจเร็วเข้า! ต่อไปเราจะไม่ถูกท่านย่าและท่านอารังแกอีกแล้ว ดีจังเลย!”

เหยาซูกลับไปพูดกับอาจื้ออย่างอ่อนโยนว่า “ต้าเป่า ลูกคิดก่อนได้ เมื่อคิดตกแล้วค่อยบอกแม่”

อาจื้อรู้สึกราวกับว่าลำคอของเขาถูกอะไรบางอย่างอุดเอาไว้ ผ่านไปครู่ใหญ่จึงเอ่ยเสียงเบาว่า “แล้วถ้าหากท่านพ่อไม่เห็นด้วยล่ะขอรับ”

เหยาซูส่ายหน้า แววตาของนางอ่อนโยนและเด็ดเดี่ยว พร้อมเอ่ยอย่างมั่นใจว่า “ไม่ว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร หากตระกูลหลินรังแกพวกเราอยู่ตลอดเวลา แม่ก็คงไม่ยอมอ่อนข้อให้พวกเขา พวกเจ้าทั้งสามคนเป็นสมบัติของแม่ แม่จะพยายามทุกวิถีทางเพื่อปกป้องพวกเจ้า”

ในหัวของอาจื้ออดคิดไม่ได้ว่าตนเองจะได้อยู่กับบิดาหรือไม่ ภาพที่บิดาพูดคุยและทำอาหารร่วมกับมารดา ภาพที่เขาดูแลตนเองและน้องสาว อีกทั้งยังสอนพวกเขา ภาพเหล่านี้เป็นภาพที่อบอุ่น ทว่ามันกลับถูกทำลายลงด้วยภาพของท่านพ่อที่ตำหนิอาจื้อในวันนี้

เขาเป็นบิดาของพวกเขา แต่กลับไม่สามารถยืนหยัดปกป้องพวกเขาได้เหมือนท่านแม่

ในที่สุดก็พยักหน้า “ท่านแม่ขอรับ ข้าเห็นด้วยกับการที่ท่านจะหย่าขาดกับท่านพ่อ”

ในที่สุดเหยาซูและลูก ๆ ของนางก็เปิดใจและตกลงกัน ทันใดนั้นก็ดูเหมือนว่าตัวเอกอีกคนกำลังปรากฏตัวขึ้นพอดี

ทันทีที่มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นในลานบ้าน อาจื้อก็จดจำได้ทันที “ท่านพ่อ! ท่านพ่อกลับมาแล้ว…”

เหยาซูตกตะลึง ไม่ใช่ว่าหลินเหราควรพาแม่เฒ่าหวังกลับบ้านไม่ใช่หรือเหตุใดเขาถึงกลับมาเร็วเพียงนี้?

……………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ได้ยินไหมท่านพ่อ ท่านแม่บอกว่าจะหย่ากับท่านแล้วนะ ถ้าไม่ยอมรับผิดก็ยอมหย่าไปซะเถอะค่ะ อาซูยังสาวยังสวย หาท่านพ่อคนใหม่ให้เด็ก ๆ ได้อยู่

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

Status: Ongoing
เหยาซูเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างตัวละครหนึ่งในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่าน!หญิงสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมาเกิดใหม่ในนิยายยุคโบราณที่ตนเองกำลังอ่าน หลังฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของ เหยาซู มารดาของวายร้ายทั้งสามในเรื่อง กลายเป็นแม่ม่ายลูกติดโฉมสะคราญที่ผู้คนต่างชี้หน้าบอกว่าเป็นตัวซวยทำให้สามีต้องตาย เมื่อได้ทราบว่าชีวิตของลูก ๆ ต้องเผชิญกับการดูถูก นางจึงทนไม่ไหวเก็บข้าวของหอบลูกกลับบ้านเก่า เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกและครอบครัวทางแม่ของตน ด้วยคิดว่าหากสั่งสอนลูกดี ๆ พวกเขาคงไม่กลายเป็นตัวร้าย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีของนางได้กลับมา พวกเขาจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตามนิยายต้นฉบับสามีของตนจะตกหลุมรักสตรีอื่น จึงคิดหาวิธีที่จะหย่าขาดกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท