ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] – บทที่ 78 ควรเลือกคนที่ดูดี

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

บทที่ 78 ควรเลือกคนที่ดูดี

ความสนใจของเถ้าแก่หลิวอยู่ที่ขายดีหรือไม่ดี จะหาเงินได้หรือไม่ได้ ซึ่งความคิดนี้ของเขาตรงกับเหยาซู

นางพูดสั้น ๆ ว่า “ไขทามือนี้มีส่วนผสมไม่ซับซ้อน ส่วนผสมส่วนใหญ่เป็นน้ำมันหมู แต่ใช้ไม่มากนัก หากเราจะขายต้องรีบลงมือก่อนฤดูร้อน เพราะถึงอย่างไรก็นับว่าเป็นไขทามือที่ทำมาจากน้ำมันหมู พอถึงช่วงฤดูร้อนมันก็จะขายไม่ได้แล้ว”

เถ้าแก่หลิวพยักหน้าอย่างเข้าใจ

สีผึ้งทาปากและสีชาดทาหน้าสามารถใช้ได้ตลอดปี แต่ผลของความชุ่มชื้นของไขทามือจะโดดเด่นกว่าในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว

เขายิ้มพร้อมเอ่ยว่า “คุณหนูทำไปเถิดขอรับ คราวที่แล้วเราขายของหมด คราวนี้ไม่ว่าท่านจะทำอะไรออกมาเท่าใดข้าก็จะขายให้หมด ทุกวันนี้การค้าของร้านผ้าเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ ลูกค้าหลายคนแม้ว่าจะไม่ได้ซื้อสีชาดทาหน้า แต่ก็มาเลือกผ้าที่ร้านของเรา แล้วหากมีไขทามือตัวนี้เพิ่มมาอีก คิดว่าลูกค้าคงจะเพิ่มขึ้นมากแน่ขอรับ!”

เมื่อเหยาซูเห็นใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น นางเองก็มีกำลังใจขึ้นเล็กน้อย

เถ้าแก่หลิวยิ่งคิดยิ่งตื่นเต้น “ข้ารู้จักกับคนขายเนื้อในเมือง เมื่อถึงเวลานั้น หากคุณหนูต้องการน้ำมันหมูมากน้อยเพียงใด พวกเราก็สามารถหาได้ขอรับ!”

เหยาซูหัวเราะ “ข้าไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมันหมูมากมายขนาดนั้นหรอก…”

ทั้งสองคนพูดคุยกันถึงวิธีใช้ไขทามืออย่างกระตือรือร้น เหยาซูได้เตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้วจึงเสนอความคิดได้อย่างไม่ติดขัด

“เถ้าแก่หลิว ข้าว่าร้านขนมที่อยู่ข้างร้านของเรานั้นขายไม่ค่อยดีนัก ท่านว่าพวกเราซื้อร้านของเขาดีหรือไม่”

เถ้าแก่หลิวรู้สึกสับสนเล็กน้อย “กิจการครอบครัวของพวกเขาย่ำแย่จริง ๆ หลายวันก่อนได้ยินว่าขายของไม่ได้สักชิ้น เงินก็ไม่เพียงพอที่จะจ่ายค่าเช่า พวกเขาทำได้แค่อดทนอย่างยากลำบาก แต่เราจะซื้อร้านของเขามาทำอะไรกันขอรับ?”

เหยาซูวางกล่องทั้งสองลงบนโต๊ะแล้วนั่งลง “ก่อนหน้านี้ข้าได้นำสีชาดทาหน้ามาฝากขายที่ร้านขายผ้า นับว่าเป็นการยืมลูกค้าจากร้านขายผ้า ทั้งยังช่วยประหยัดเงินในการเปิดร้านอีก แต่ในตอนนี้กิจการของเราเริ่มดีขึ้นแล้ว สินค้าของข้าก็มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น หากเอาไปวางไว้ที่ร้านผ้าอีกเกรงว่าจะไม่เหมาะสม”

เถ้าแก่หลิวขมวดคิ้ว เริ่มคิดตามถึงผลกระทบที่เหยาซูพูดถึง

เหยาซูมองท่าทางของเถ้าแก่หลิวออกทันที ตอนนี้เถ้าแก่หลิวต้องการสนับสนุนกิจการของนาง เพราะสินค้าของนางทำให้ลูกค้าเข้ามายังร้านผ้าไม่น้อย อีกทั้งนางยังเป็นบุตรสาวของเจ้าของร้านอีกด้วย

นางเข้าใจถึงความกังวลของเถ้าแก่หลิว จึงวิเคราะห์ให้เขาฟังว่า “ร้านขนมกับร้านขายผ้านั้นอยู่ติดกัน ตัวร้านไม่ใหญ่มากนัก หากข้าจัดแจงให้ร้านขนมขายชาดทาหน้าและสินค้าอื่น ๆ ต้องมีลูกค้าผู้หญิงมากมายอย่างแน่นอน จากนั้นเราจะเปิดตัวเสื้อผ้าสตรีที่ร้านของเราเพื่อตอบสนองกับคนเหล่านั้น นอกจากนี้วันข้างหน้าร้านผ้ากับร้านขนมที่อยู่ติดกันสามารถรวมกันเป็นหนึ่งได้ เช่น ซื้อเสื้อผ้าสองชุด ได้สีผึ้งทาปาก หรือไม่ก็ซื้อครบชุดได้สีชาดทาหน้า ไขทามือ เป็นต้น ก็จะได้รับส่วนลดเมื่อซื้อผ้า ถึงเวลานั้นก็ไม่ต้องกังวลว่าจะหาลูกค้าจากที่ใด”

คำพูดนี้ทำให้เถ้าแก่หลิวเบิกบาน เขาคลี่ยิ้ม “โอ้ คุณหนูช่างเฉลียวฉลาดนัก ข้ายังคิดไม่ถึงเลยขอรับ!”

เหยาซูได้วางแผนเส้นทางในการค้าขายให้กับเขา ตราบใดที่กิจการของร้านนางดี ร้านผ้าก็จะได้กำไรตามไปด้วย

คิดมาถึงตรงนี้เถ้าแก่หลิวก็นั่งไม่ติด “ในเมื่อคุณหนูมีแผนที่จะซื้อร้านขนมที่อยู่ด้านข้าง วันนี้ข้าจะไปคุยกับเจ้าของร้านเองขอรับ!”

เถ้าแก่หลิวทำการค้ามานาน บวกกับนิสัยของเขา ทำให้เขาต้องการทำสิ่งนี้ในทันที

เขามาจากตำบลชิงถง มีความสัมพันธ์กับผู้คนมากมายในเมือง ดังนั้นเหยาซู จึงยินดีที่จะร่วมมือกับเขา

นางยิ้มพร้อมพูดขึ้นว่า “ต้องลำบากเถ้าแก่หลิวแล้ว”

ทั้งสองคนพูดคุยกันอีกสักครู่หนึ่ง หลังจากคุยรายละเอียดร้านแล้วเถ้าแก่หลิวก็ส่ายหน้าชมไม่หยุด “คุณหนูฉลาดเฉลียวทำงานอย่างเป็นระเบียบ แม้แต่รายละเอียดยังคิดไว้ล่วงหน้า จัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่รู้จริง ๆ ว่าสมองของคุณหนูทำมาจากอะไร”

เหยาซูกลับไม่ใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้

คนสมัยใหม่มีวิธีการทำธุรกิจมากมาย ความหลากหลายที่ไม่สิ้นสุดนี้ผลลัพธ์ก็คือแรงกดดันการแข่งขันสูงในทุกอุตสาหกรรม เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วการทำธุรกิจในสมัยโบราณนั้นง่ายกว่ามาก

นางแย้มยิ้ม “ท่านเองก็มีชื่อเสียงมากมีทั้งประสบการณ์ที่กว้างขวาง วันหน้าต้องขอคำแนะนำจากท่านแล้ว!”

การพูดคุยกับเหยาซูเป็นความสุขอย่างหนึ่ง นางอ่อนโยนและสุภาพ แม้ทำการค้าข้างนอก นางอาจไม่เหมือนแม่ค้ามากนัก แต่หากบอกว่านางเป็นภรรยาผู้ดีงามและเป็นแม่ที่ดี ยิ่งเอาไปเทียบไม่ได้กับสตรีนางอื่น

เถ้าแก่หลิวยิ่งชื่นชมหญิงสาวที่งดงามและเฉลียวฉลาดตรงหน้าเขามากขึ้นเรื่อย ๆ ในใจคิดเกรงว่ามีเพียงแต่ผู้สง่างามอย่างเช่นท่านเขยเท่านั้นที่อยู่ข้างกายนางจึงจะเหมาะสมที่สุด

ทั้งสองคุยกันเกือบเสร็จแล้ว เหยาซูยิ้มและกล่าวว่า “หากไม่มีเรื่องอื่นใด เถ้าแก่หลิวช่วยพาข้าไปดูเสื้อผ้าที่ร้านเราหน่อยได้หรือไม่”

เถ้าแก่หลิวตบศีรษะ “อ้า! เกือบลืมไปเสียสนิท คุณหนูตามข้ามาขอรับ เสื้อผ้าที่อยู่ทางด้านนี้เป็นชุดสีอ่อน ไม่แตกต่างจากชุดที่คุณหนูใส่วันนี้มากนักขอรับ”

เสื้อผ้าของหญิงสาวราชวงศ์เหยียนมีไม่มากนัก และนางไม่มีตัวเลือกใด ๆ ดังนั้นเหยาซูจึงเลือกเพียงชุดที่มีสีเดียวกับเสื้อผ้าที่สกปรกเท่านั้น

นางหยิบเสื้อผ้าเข้าไปเปลี่ยนในห้องด้านในพลางถอนหายใจ ที่แท้สมัยโบราณ เสื้อผ้าทุกชิ้นล้วนเหมือนกันหมด…

เหยาซูเคยคิดถึงกิจการเสื้อผ้ามาก่อน แต่ถ้านางออกแบบมันด้วยตัวเองนางคงต้องทุ่มเทแรงกายและแรงใจมากกว่านี้

ตอนนี้นางยังมีเด็ก ๆ ที่ต้องดูแล นางจึงไม่มีอารมณ์ที่จะทำเช่นนั้น การดูแลผิวหรือการแต่งหน้าจึงเหมาะสมกับนางมากกว่า

ไขทามือและสีผึ้งทาปากที่เหยาซูทำออกมานั้นก็เพื่อใช้กับตัวเอง ทว่าเมื่อเห็นแม่เฒ่าเหยาและพี่สะใภ้ทั้งสองชื่นชอบผลิตภัณฑ์ของนาง นางจึงคิดที่จะหาเงินก้อนใหญ่จากของเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้

วันนี้ยิ่งเห็นปฏิกิริยาของเถ้าแก่หลิวแล้ว ก็ดูเหมือนของสองสิ่งนี้จะขายได้

เหยาซูเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เตรียมที่จะออกไปเดินเล่น ทันใดนั้นก็พบกับเหยาเฉาที่มาหานางที่ร้านผ้าเสียก่อน

“อาซู” เหยาเฉานั่งอยู่ในห้องโถงด้านหน้า เมื่อเห็นเงาของน้องสาวเดินออกมาจึงลุกพรวดขึ้น

“เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

เหยาซูไม่ทันตั้งตัว “พี่รอง ท่านมาทำไมที่นี่เจ้าคะ? มีอะไรให้ช่วยหรือ”

เหยาเฉาสวมเสื้อคลุมสีขาว รีบเดินไปหยุดตรงหน้าของเหยาซู จากนั้นมองสำรวจนางตั้งแต่หัวจรดเท้า

“เมื่อครู่มีคนไปแจ้งที่จวนผู้ตรวจการ ตอนที่ข้าประจำอยู่เขาบอกว่านายอำเภอถูกทำร้าย และคนที่ทำร้ายก็คือชายหนึ่งหญิงหนึ่ง พอข้าถามอย่างละเอียดจึงได้รู้สาเหตุและผลลัพธ์ของเรื่องนี้ จึงรีบมาดูว่าเจ้าอยู่ที่ร้านผ้าหรือไม่”

เหยาซูไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “คนผู้นั้นก็พูดอย่างชัดเจนไม่ใช่หรือเจ้าคะ? ว่านายอำเภอถูกทุบตี”

เหยาเฉาเห็นสีหน้าของนางไม่ได้เสแสร้งจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง

“หลายวันมานี้นั้นยุ่งมาก เลยไม่ได้ลงมือจัดการกับนายอำเภอแซ่เหยาคนนั้นเลย วันนี้เจ้าได้รับความคับข้องใจ พี่ไม่อาจปล่อยเรื่องเขาไปได้”

เหยาซูนั่งลงข้าง ๆ เขาเช่นกัน รอยยิ้มระบายบนใบหน้า “พี่รอง ข้าไม่ได้ถูกรังแก ท่านคงยังไม่เห็นนายอำเภอเหยาในตอนนี้ใช่หรือไม่?”

ตั้งแต่เด็กเหยาเฟิงและเหยาเฉามักจะปกป้องน้องสาวของเขา หากครั้งใดที่เหยาซูทำผิดพลาดเหยาเฟิงก็จะคอยสั่งสอนนาง

ทว่าเหยาเฉานั้นต่างออกไป เขาไม่สนใจว่าเหยาซูจะถูกรังแกหรือรังแกผู้อื่น ตราบใดที่น้องสาวของเขาขัดแย้งกับผู้อื่นเขาจะต้องพุ่งไปหาคนที่ทำให้น้องของเขาขุ่นเคืองใจ

เขาไม่สนใจว่าคนอื่นจะตายหรือไม่ “ก็แค่ถูกเตะจนหน้าแหกไม่ใช่หรือ? เขาสมควรโดน แค่ตกใจเพียงเล็กน้อยยังทนไม่ได้ สลบไสลไม่ได้สติอยู่ที่โรงหมอ ช่างเป็นแค่ถุงข้าวที่ถุงเหล้า[1] เท่านั้น”

เหยาซูหัวเราะอีกครั้ง

เหยาเฉาเลิกคิ้วขึ้น “พี่รองของเจ้าพูดผิดหรืออย่างไร?”

ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเมื่อทำท่าทางเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะดื้อรั้นก็ทำให้ผู้คนทำเป็นมองไม่เห็น

“พูดถูกแล้วเจ้าค่ะ ๆ” เหยาซูเปลี่ยนบทบาทมาเป็นน้องสาวคนเล็กต่อหน้าเขา ในใจมีความสุขยิ่งที่ได้รับทั้งความรักและความห่วงใย “พี่รองหล่อเหลาที่สุด พูดถูกทุกสิ่งอย่างเจ้าค่ะ”

เหยาเฉาไม่อาจกลั้นหัวเราะได้ ดวงตาหงส์ของเขาเป็นประกายด้วยความเอ็นดู

“ข้ารู้แล้วว่าเอ้อเป่าปากหวานนั้นมาได้จากใคร เหตุใดข้าไม่เคยเห็นเจ้าเกลี้ยกล่อมใครเช่นนี้มาก่อน?”

ในตระกูลเหยา อาซือเป็นหลานสาวคนเดียวของเหยาเฉา ตราบใดที่ลุงรองยิ้มให้แล้วกอดนาง ให้ทำอะไรเด็กหญิงตัวน้อยก็ยอม

เหยาซูอดแก้ต่างไม่ได้ “เหตุใดถึงกลายเป็นข้าล่ะเจ้าคะ? พี่รองเก่งเรื่องเกลี้ยกล่อมผู้คนที่สุดไม่เห็นหรือ ทุกครั้งที่อาซือเจอท่านพี่ นางจะเข้าไปเกาะติดตลอดจนฉีกไม่ออกเลย”

เหยาเฉาหัวเราะเสียงดังทันที “ในหัวของเจ้ามีแต่เรื่องอะไร? อย่าใช้คำว่า ‘ฉีก’ เลย…”

สองพี่น้องตระกูลเหยานั้นดูโดดเด่นเป็นอย่างมาก ตอนนี้พวกเขานั่งอยู่หน้าร้านผ้า ใครก็ตามที่มาเลือกผ้ามักจะเหลือบมองทั้งสองคนที่กำลังพูดคุยกันอยู่

หลังจากมองแล้วสายตาก็มิอาจขยับเขยื้อนได้เป็นเวลานาน หรือไม่เช่นนั้นพวกเขาก็จะใช้ผ้าคลุมศีรษะเพื่อแอบมองไปยังทิศทางของทั้งสองอย่างรวดเร็ว

เถ้าแก่หลิวที่กำลังทักทายลูกค้าอยู่ด้านข้าง สังเกตเห็นว่าเหยาซูและเหยาเฉากำลังพูดคุยกันอยู่และไม่มีแขกคนใดที่กำลังซื้อผ้าอยู่ตั้งใจที่จะออกไปจากที่นี่

เขาเหลือบมองผู้ช่วยร้านที่ดูเรียบร้อยตรงโต๊ะ จากนั้นมองไปที่เหยาเฉาและน้องสาวของเขาก่อนจะพึมพำว่า “ดูเหมือนว่าข้าควรจะเลือกผู้ช่วยร้านที่หน้าตาดีมาดูแลร้าน วิธีนี้น่าจะดึงลูกค้าได้มากขึ้น”

————————————————————————————————

[1] ถุงข้าวที่ถุงเหล้า หมายถึง เสียดสีคนที่ไร้สามารถว่าทำได้เพียงกินดื่ม ไม่มีปัญญาทำอะไรได้

————————————————————————————————

สารจากผู้แปล

จัดโปรโมชันโหดมาก แบบนี้ก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลยสิคะ

พี่น้องคู่นี้หน้าตาดีจริง ๆ ไปไหนมีแต่คนจ้องมอง

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

Status: Ongoing
เหยาซูเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างตัวละครหนึ่งในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่าน!หญิงสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมาเกิดใหม่ในนิยายยุคโบราณที่ตนเองกำลังอ่าน หลังฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของ เหยาซู มารดาของวายร้ายทั้งสามในเรื่อง กลายเป็นแม่ม่ายลูกติดโฉมสะคราญที่ผู้คนต่างชี้หน้าบอกว่าเป็นตัวซวยทำให้สามีต้องตาย เมื่อได้ทราบว่าชีวิตของลูก ๆ ต้องเผชิญกับการดูถูก นางจึงทนไม่ไหวเก็บข้าวของหอบลูกกลับบ้านเก่า เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกและครอบครัวทางแม่ของตน ด้วยคิดว่าหากสั่งสอนลูกดี ๆ พวกเขาคงไม่กลายเป็นตัวร้าย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีของนางได้กลับมา พวกเขาจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตามนิยายต้นฉบับสามีของตนจะตกหลุมรักสตรีอื่น จึงคิดหาวิธีที่จะหย่าขาดกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท