ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] – บทที่ 79 ท่านซื้ออะไรมาบ้าง

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

บทที่ 79 ท่านซื้ออะไรมาบ้าง?

เดิมทีเหยาเฉากังวลเกี่ยวกับอาการของน้องสาว จึงหาเวลามาที่ร้านขายผ้า ทว่าตอนนี้เมื่อเห็นนางปลอดภัยดี ตนเองจึงวางใจลง ลุกขึ้นเตรียมพร้อมจะจากไป

“อาซู ข้ายังมีธุระในจวนผู้ตรวจการอยู่ ขอตัวก่อนนะ”

เหยาซูยิ้มและพยักหน้า “พี่รอง ท่านไปเถอะเจ้าค่ะ”

เมื่อเหยาเฉาจากไป เหยาซูก็เงยหน้ามองไปบนท้องฟ้าพลันพบว่านี่เกือบจะเที่ยงวันแล้ว นางไม่รู้ว่าหลินเหราซื้อของเสร็จแล้วหรือยัง

ธุระของเหยาซูเสร็จสิ้นแล้ว นางอยู่ที่ร้านผ้าไปก็ไม่เกิดประโยชน์ใดอีก จึงคิดจะออกไปเดินเล่นที่ตลาดเพื่อซื้อของเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับเด็ก ๆ

เถ้าแก่หลิวเห็นนางลุกขึ้นจึงเดินเข้าไปถาม “คุณหนูไม่กินข้าวมื้อเที่ยงที่ร้านผ้าก่อนหรอกหรือขอรับ”

เหยาซูส่ายหน้า ขณะมองออกไปด้านนอกก็ยังคงไม่เห็นร่างของหลินเหรา “ข้าคงไม่กินล่ะ เดี๋ยวออกไปดูที่ตลาดหน่อย”

เมื่อนางจากไป ลูกค้าเดิมทีที่ไม่ได้ทำอะไรในร้านก็รีบชำระเงินและจากไปเช่นกัน

จากนั้นเถ้าแก่หลิวเหลือบไปเห็นผู้ช่วยร้านผู้นั้นที่ไม่เพียงแต่ไม่รู้อะไรเลย พอลูกค้าหายไปหมดกลับถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วเอนตัวนอนอยู่บนโต๊ะอย่างอ่อนแรง

เถ้าแก่หลิวบ่นด้วยความโมโห “เจ้าเด็กเหลือขอ ทำอะไรได้บ้างเนี่ย!”

ผู้ช่วยร้านได้ยินเสียงดุด่าของเถ้าแก่หลิวก็รู้สึกมึนงง “เถ้าแก่ ข้าทำอะไรผิดหรือขอรับ”

เถ้าแก่หลิวกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ไม่มีอะไร ดูร้านต่อไปสิ!”

เมื่อครู่ผู้ช่วยร้านกำลังจัดผ้าผืนใหม่ลงคลัง จึงพลาดโอกาสตอนที่เหยาซูอยู่กับหลินเหรา ตอนนี้ว่างแล้วเขาก็อดสงสัยไม่ได้

“เถ้าแก่ขอรับ เมื่อครู่ท่านให้ข้านำน้ำร้อนมา ตอนที่ท่านถืออ่างน้ำกลับมาเหตุใดถึงมีเลือดอยู่อย่างนั้นหรือ?”

เถ้าแก่หลิวชำเลืองมองเขาครู่หนึ่ง “มีคนฆ่าคนในร้านของเรา จึงต้องล้างพื้นด้วยน้ำร้อน”

“หึหึ” เขายิ้ม “เถ้าแก่ก็หยอกเล่นไปได้…แค่เลือดนิดเดียว ฆ่าไก่ยังไม่ได้เลย ยังจะพูดว่าฆ่าคนอีกหรือขอรับ?”

“ในเมื่อรู้ว่าเลือดไม่มากแล้วจะถามอะไรอีก! เลิกสนใจได้แล้ว”

ครอบครัวของผู้ช่วยร้านนั้นเป็นแค่คนยากจน ดังนั้นตั้งแต่เล็กพ่อแม่ของเขาก็ส่งเขามาเป็นมาฝึกงานต่าง ๆ ในเมือง

กินไม่อิ่มใส่เสื้อผ้าไม่อุ่น ถูกสั่งให้ทำงานทั้งวันทั้งคืนอีกทั้งไม่ได้รับค่าแรง ทว่าเมื่อเขามาอยู่ที่ร้านผ้าของตระกูลเหยา แม้เจ้าของร้านมักจะเอ่ยกล่าวไม่กี่คำ แต่เขาก็ไม่เคยปฏิบัติต่อผู้ช่วยร้านอย่างรุนแรงมาก่อน

บางครั้งการได้ยินคำด่าทอของเถ้าแก่กลับทำให้เขาดีใจ…คำด่าก็เหมือนคำชม แทนที่จะบอกว่าเป็นตำหนิก็ควรบอกว่าเป็นความสนิทสนมเสียมากกว่า

“รู้แล้วขอรับ รู้แล้ว” เขารีบเอ่ยต่อ “ไม่พูดก็ไม่พูดขอรับ”

หลังจากที่เหยาซูออกจากร้านผ้า นางก็มุ่งหน้าตรงไปที่ตลาด

เมืองชิงถงมีการชุมนุมใหญ่ทุกเดือน ไม่เพียงแต่พ่อค้าแม่ค้าและชาวนาในชนบทเท่านั้น ทว่ายังเป็นเพราะการสัญจรที่สะดวกของตัวเมือง พ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากจากทางใต้จึงมารวมตัวกันที่ตลาดแห่งนี้

ช่วงเช้าเป็นช่วงที่มีคนพลุกพล่าน เหยาซูมาถึงในตลาดก็เห็นคนกลุ่มใหญ่กำลังขายของกันอยู่

บางคนตะโกนขาย บางคนกำลังต่อรองกับพ่อค้า และบางคนก็ทะเลาะกับคนอื่นเพราะความขัดแย้งบางอย่าง

หากนางหาคนในกลุ่มใหญ่นี้เกรงว่าจะเหมือนการงมเข็มในกองฟาง แม้ว่าจะต้องใช้เวลาหาตลอดช่วงเช้าก็คงยาก

ทว่าหลินเหรานั้นมีบุคลิกที่โดดเด่น คนที่เคยเห็นเขาก็จะจำได้ทันที…

เมื่อคิดได้เช่นนี้เหยาซูก็หยุดที่หน้าแผงขายปลาแห่งหนึ่ง แล้วถามด้วยรอยยิ้ม “ขอรบกวนท่านป้าสักหน่อยนะเจ้าคะ ท่านเห็นบุรุษสูงใหญ่ สวมเสื้อผ้าสีเข้ม มือพันด้วยผ้าขาวหรือไม่?”

สตรีที่ขายปลามีใบหน้าเป็นมิตรและยิ้มแย้มก่อนจะกล่าวว่า “เห็นสิ ชายหนุ่มผู้นั้นหล่อเหลาเอาการ แต่ท่าทางของเขาน่ากลัวเล็กน้อย เขาเป็นสามีของเจ้าหรือ?”

เหยาซูพยักหน้า “ใช่เจ้าค่ะ เรามาจากหมู่บ้านตระกูลเหยาและแยกกันในตอนเช้า ตอนนี้ข้ากำลังตามหาเขาอยู่”

เด็กหนุ่มที่ขายตะกร้าสานด้านข้างได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคนจึงกระตือรือร้นที่จะพูดขึ้นมาว่า “พี่ชายคนนั้นไปทางโน้น เพิ่งเดินไปไม่นาน” เขาชี้ไปทางทิศตะวันออกซึ่งเป็นสถานที่ที่มีคนค่อนข้างน้อยในตลาด

เหยาซูแอบหัวเราะในใจ หลินเหราเป็นคนเย็นชา เขาไม่ชอบอยู่ในจุดที่มีคนรวมกันอยู่ในตลาด ดังนั้นจึงจงใจไปที่ที่มีคนน้อย แต่ก็ดี ช่วยประหยัดเวลาในการตามหาของนางได้ท่ามกลางฝูงชนที่มากมายเช่นนี้

จากนั้นก็ได้ยินท่านป้าขายปลาเอ่ยชมเชย “สาวน้อยก็หน้าตาดี สมควรแล้วที่มีสามีหน้าตาหล่อเหลาและสูงใหญ่เช่นนี้!”

เหยาซูยิ้มขอบคุณทั้งสองก่อนมุ่งหน้าไปยังตลาดทางตะวันออก

เดิมทีนางคิดว่าตลาดใหญ่คนมากมาย ต้องเดินวนเวียนไปอีกสักพักถึงจะได้เจอหลินเหรา คิดไม่ถึงว่าแค่ถามพ่อค้าแม่ค้าสามสี่คนเท่านั้น นางก็เห็นชายร่างใหญ่เดินอยู่ด้านหน้า

ในตลาดที่คึกคัก ทั้ง ๆ ที่การแต่งตัวของเขาก็ไม่แตกต่างจากผู้อื่นมากนัก แต่กลับทำให้คนมองเห็นเขาได้ในปราดเดียว

เหยาซูเดินเข้าไปใกล้ระยะห่างเพียงสองก้าว ยังไม่ทันที่นางจะได้พูดอะไรชายหนุ่มก็หันกลับมา

“อาซู”

เขาเอ่ยเรียกนางแผ่วเบา พลันดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเพียงนางเดินเข้าใกล้หลังของชายคนนี้ แม้ไม่ได้อยู่ด้านหน้าเขาก็สามารถพบนางได้อย่างรวดเร็ว

เหยาซูรู้สึกประหลาดใจ “ท่านมีตาอยู่ด้านหลังอย่างนั้นหรือ? ถึงได้รู้ว่าเป็นข้า?”

ได้ยินดังนั้นหลินเหราก็เบะปาก “ข้าได้ยินเสียงฝีเท้าของเจ้าแล้ว”

เหยาซูหัวเราะในใจพลางนึกถึงภาพของสัตว์ป่าชนิดหนึ่ง “หูไวขนาดนั้นเลยหรือ?”

ตลาดตะวันออกมีผู้คนสัญจรไปมาไม่มากนัก พ่อค้าแม่ค้าจึงนั่งกันเป็นกลุ่ม ๆ แกะเม็ดแตงโมคุยกันในยามว่าง ทุกคนเห็นหลินเหราเดินไปมาอยู่นาน เพียงแต่เขาดูน่าเกรงขาม สีหน้าไม่เหมือนคนที่อยากให้ใครเข้าใกล้ จึงหยุดความคิดของพ่อค้าแม่ค้าไม่ให้ร้องเรียกเขาเอาไว้

ทว่าหลังจากที่หญิงสาวสวมเสื้อผ้าสีอ่อนมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา สีหน้าของชายหนุ่มพลันอ่อนโยนลง ใบหน้าหล่อเหลาของเขาไม่ได้เย็นชาเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป

ทั้งสองยืนอยู่ด้วยกันนับว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมกันคู่หนึ่ง

บุรุษในร้านต่าง ๆ ล้วนมองเหยาซู ส่วนสตรีก็หันมาสนใจหลินเหรา หญิงสาวที่ยังไม่แต่งงานพลางกระซิบกระซาบกับสหายสาวที่อยู่ข้าง ๆ ว่า “ข้าอยากหาสามีเช่นนี้เหมือนกัน! ดูเขาสิร่างทั้งสูงใหญ่แข็งแรง ทั้งดูสง่างามและที่สำคัญที่สุด ทั้งที่นิสัยเย็นชาแต่กลับอ่อนโยนต่อสตรีเพียงนางเดียว…”

สหายของนางก็คิดแบบนั้นเช่นกันและมีเหตุผลมากมาย “อย่าคิดเลย เจ้าคงต้องเป็นหญิงสาวนางนั้น เขาถึงจะปฏิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างดี”

ทั้งสองคนมองหน้ากันไปมา ก่อนจะหันไปมองหญิงสาวกระโปรงสีอ่อนรอยยิ้มดุจบุปผา

เหยาซูเดินอยู่ข้าง ๆ หลินเหรา ฝีเท้าของนางดูรวดเร็วและอารมณ์ดีราวกับว่างานของนางน่าจะราบรื่น

เขาจึงถามขึ้นว่า “งานเสร็จแล้วหรือ?”

เหยาซูพยักหน้าและถามเขา “ท่านซื้อเสื้อผ้าเสร็จแล้วหรือยัง?”

หลินเหราถือตะกร้าใบเล็ก ๆ ในนั้นใส่ของชิ้นเล็กบางอย่างเอาไว้ดูก็รู้ว่าเป็นของเล่นที่ซื้อให้กับเด็ก ๆ แต่ไม่เห็นเสื้อผ้าที่ซื้อให้ตนเองแต่อย่างใด

หลินเหราส่ายหัวก่อนอธิบาย “มีคนขายเสื้อผ้ามากเกินไป”

เหยาซูหยุดเดินและก้มมองของในตะกร้าของชายหนุ่ม ผมของนางลงมาปรกใบหน้าเล็กน้อย ขับสีหน้าของนางให้ดูงดงามยิ่งขึ้น

“ดูสิ่งที่ท่านซื้อสิ กลอง รูปปั้นทองสัมฤทธิ์ กระจกขนาดเล็ก หืม? เหตุใดมีหินและเปลือกหอยด้วยเล่า? นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

…………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ไม่ใช่อาซูก็ลำบากหน่อยนะ พี่แกไม่เหลียวแลใครเลย

อาเหราจะซื้อของไปให้ลูกหรือเปล่า

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

Status: Ongoing
เหยาซูเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างตัวละครหนึ่งในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่าน!หญิงสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมาเกิดใหม่ในนิยายยุคโบราณที่ตนเองกำลังอ่าน หลังฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของ เหยาซู มารดาของวายร้ายทั้งสามในเรื่อง กลายเป็นแม่ม่ายลูกติดโฉมสะคราญที่ผู้คนต่างชี้หน้าบอกว่าเป็นตัวซวยทำให้สามีต้องตาย เมื่อได้ทราบว่าชีวิตของลูก ๆ ต้องเผชิญกับการดูถูก นางจึงทนไม่ไหวเก็บข้าวของหอบลูกกลับบ้านเก่า เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกและครอบครัวทางแม่ของตน ด้วยคิดว่าหากสั่งสอนลูกดี ๆ พวกเขาคงไม่กลายเป็นตัวร้าย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีของนางได้กลับมา พวกเขาจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตามนิยายต้นฉบับสามีของตนจะตกหลุมรักสตรีอื่น จึงคิดหาวิธีที่จะหย่าขาดกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน