ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] – บทที่ 126 ไม่มีใครแย่งเจ้าหรอก

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

สายลมเย็นยามค่ำคืนพัดผ่าน เหยาซูกลัวว่าซานเป่าจะเหงื่อออกเต็มตัวหลังจากร้องไห้โวยวายและเกิดอาการป่วยเพราะถูกสายลมเย็นพัด หลังจากที่พาเด็ก ๆ เข้าบ้านแล้วจึงปิดประตูทันที

อาจือและอาซือพากันไปล้างหน้าบ้วนปากอย่างว่านอนสอนง่าย

ภายในบ้านไม่มีสายลมลอดเข้ามา เปลวไฟจากตะเกียงน้ำมันจึงส่งเสียงพรึบพรั่บ หลินเหรานั่งอยู่บนเก้าอี้พลางทอดสายตามองจดจ่อไปยังเด็กทารกน้อยที่เหยาซูกำลังกล่อมอยู่ในอ้อมแขน

“ซานเป่าเด็กดี ไม่ร้องแล้วนะ…” หญิงสาวสัมผัสผ้าอ้อม เมื่อไม่ได้รู้สึกถึงความเปียกชื้นก็วางใจ “หิวแล้วใช่หรือไม่ กินข้าวดีหรือไม่?”

ซานเป่าเป็นเด็กเลี้ยงง่ายมาตลอด น้อยนักจะร้องไห้โยเย บางทีอาจเป็นเพราะระหว่างทางที่กลับบ้านค่อนข้างล่าช้า เขาหิวมากก็เลยร้องไห้อย่างกลั้นไม่อยู่

เหยาซูเองไม่ได้สนใจว่าหลินเหราอยู่ที่นี่ด้วย นางเพียงอุ้มเด็กน้อยไปที่เตียง

“หิวแล้ว หิวแล้ว เด็กน้อยของเราหิวมากแล้วใช่หรือไม่? เอาล่ะ กินนมนะ ไม่ต้องร้องแล้ว…”

นางปลอบโยนทารกตัวน้อยในอ้อมแขนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ซานเป่าที่มีของกินแล้ว จึงหยุดส่งเสียงร้องไห้ในทันที

เตียงในห้องถูกอุ่นร้อนตลอดเวลา ประกอบกับอากาศที่ไม่ได้รับการถ่ายเท ห้องที่ไม่ใหญ่นักก็อุ่นขึ้นมา

ยามราตรีที่เงียบสงัดได้ยินเพียงเสียงกลืนอาหารและเสียง ‘จ๊วบจ๊าบ’ ที่ดังออกมาจากในลำคอของเด็กทารกตัวน้อยอย่างต่อเนื่อง

เหยาซูพูดกับซานเป่าด้วยเสียงเบา ๆ ว่า “เจ้าหมูน้อย กินช้าลงหน่อยไม่มีใครแย่งเจ้าหรอก…”

น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความเอ็นดู

แสงไฟสลัวส่องมาจากในตะเกียงทั้งซ้ายและขวา

ไม่นานหลินเหราก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลของตัวเอง เขาเทน้ำเปล่าใส่ชามจากนั้นก็กรอกเข้าปาก

ไม่นานซานเป่าก็กินจนอิ่ม เหยาซูวางจึงเด็กน้อยไว้อีกด้าน

หลินเหราสังเกตการเคลื่อนไหวของผู้เป็นภรรยาอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นเหยาซูหมุนตัวหลังจากที่กล่อมซานเป่าเสร็จแล้ว เขาก็รีบเบี่ยงสายตาไปทางอื่นทันที

เหยาซูเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ “ท่านมานั่งทำอะไรตรงนี้?”

เขาได้ยินเสียงนางลงจากเตียง และเดินเข้ามาใกล้ทีละก้าว ๆ จากนั้นก็รินน้ำใส่แก้ว

เหยาซูดื่มไปหนึ่งอึกให้รู้สึกชื่นใจ จากนั้นก็ถามหลินเหราด้วยความแปลกใจ “เหตุใดท่านถึงหน้าแดงเช่นนี้ เมื่อครู่ดื่มเหล้าไปเยอะหรือ?”

ในสมองของหลินเหราต่างเต็มไปด้วยภาพแผ่นหลังที่เนียนละเอียดของเหยาซู เขาไม่สามารถหันไปเผชิญหน้ากับหญิงสาวได้ชั่วขณะ แม้แต่จะพูดก็ยังพูดไม่ออก

“สงสัยจะดื่มเยอะไปจริง ๆ?”

เมื่อเห็นเขาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง เหยาซูก็เลื่อนมือมาตรงหน้าของเขาและโบกไปมาเบา ๆ “เหตุใดถึงดูเหม่อลอยนักล่ะ?”

เขาไม่อาจอดกลั้นได้อีกต่อไป ชายหนุ่มเอื้อมไปคว้ามือของนางไว้ทันที

เขาพยายามข่มความผิดปกติเอาไว้ในใจและตอบกลับไป “ไม่ได้ดื่มเยอะเสียหน่อย”

ใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกของหลินเหราสามารถตบตาผู้อื่นได้โดยง่าย แม้แต่เหยาซูก็ไม่อาจสังเกตเห็นความผิดปกติของเขา

หญิงสาวดึงมือกลับเบา ๆ จากนั้นก็ลองใช้มือขวาของตัวเองแกะฝ่ามือขนาดใหญ่ของชายหนุ่มออก หากแต่ก็ไม่เป็นผล

หญิงสาวเป็นห่วงซานเป่าที่นอนอยู่บนเตียง ทั้งยังอยากกลับไปดูเด็ก ๆ ด้วย “จับข้าไว้ทำไม ปล่อยมือเสีย”

หลินเหราทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไร่ หนำซ้ำยังจับข้อมือนางแน่นกว่าเดิม

เขาถามขึ้น “อาซู เมื่อครู่เจ้าป้อนอาหารให้ซานเป่าแล้วใช่หรือไม่?”

เหยาซูมองไปทางหลินเหราอย่างประหลาดใจแวบหนึ่ง “แล้วอย่างไร?”

หลินเหราลอบกลืนน้ำลาย

นับตั้งแต่ที่ให้กำเนิดอาจื้อและอาซือเป็นต้นมา เด็กทั้งสองคนต่างก็ถูกส่งไปเลี้ยงดูที่ข้างบ้าน เพราะเหยาซูมีร่างกายที่อ่อนแอเกินไป

“แค่ก” หลินเหราส่งเสียงกระแอมออกมาเล็กน้อย “ไม่มีอะไร อาซู…”

เขาเงยหน้าขึ้นมองนาง นัยน์ตาคู่นั้นเต็มไปด้วยภาพสะท้อนของหญิงสาว

อาซูรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองกำลังเต้นรัวเร็ว ราวกับว่าความรู้สึกบางอย่างภายในใจไม่สามารถควบคุมได้อีก นางออกแรงดึงมือที่ถูกจับไว้กลับมา หากแต่ไม่ได้ผล จากนั้นก็พูดติด ๆ ขัด ๆ “เรียกข้าทำไมเล่า? แล้ว ท่าน…ท่าน ท่านช่วยปล่อยมือข้าก่อน!”

“ข้าไม่ปล่อย” เขาส่ายหน้า แสร้งอาศัยฤทธิ์สุราที่ไม่มีอยู่จริงพูดกับภรรยาว่า “เจ้าช่างแสนดีกับเด็ก ๆ แต่กลับไม่เคยดีกับข้าเลย”

หัวใจของเหยาซูเต้นรัวเร็วราวกับเสียงกลอง ทั้งยังเป็นกังวลว่าเด็ก ๆ จะพรวดพราดเข้ามาตลอดเวลาจึงใช้มือซ้ายแกะมือที่ไม่ขยับเขยื้อนราวกับห่วงเหล็กของชายหนุ่ม พร้อมกับพูดขึ้นด้วยใบหน้าแดงก่ำ “ไฉนข้าถึงไม่ดีกับท่านเล่า? ปล่อยมือก่อน”

เขาไม่กล้าออกแรงมากนักเพราะกลัวว่าหญิงสาวจะรู้สึกเจ็บ แต่กลับยังดื้อรั้น “ข้าไม่ปล่อย”

ความปลิ้นปล้อนที่เกิดขึ้นกะทันหันทำให้เหยาซูกลืนไม่เข้าคายไม่ออก นางโน้มน้าวเด็กน้อยให้หยุดร้องก็ใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่ ตอนนี้ต้องมาโน้มน้าวหลินเหราผู้ใหญ่เจ้าเล่ห์คนนี้อีกหรือ?

นางเพียงคิดว่าหลินเหรานั้นดื่มหนักไปเมื่อตอนค่ำ จึงพูดกับเขาอย่างอ่อนโยนว่า “ปล่อยมือข้าก่อนดีหรือไม่? มีอะไรเราก็ค่อยมาคุยกันตอนกลางวัน หากเด็กสองคนนั้นอาบน้ำเสร็จแล้วออกมาเห็นเราสภาพนี้ คงไม่ดีแน่”

หลินเหราจมอยู่ในความอบอุ่นนี้ หวังเพียงให้เวลาหยุดเดินอยู่ในห้องที่เงียบสงัด ให้สมรภูมิรบ โจรภูเขา หน่วยลาดตระเวนอะไรเหล่านั้น…แยกออกจากพวกเขาทั้งสองคน

เขาดึงดันจะจับมือทั้งสองข้างของเหยาซู ดวงตาอันเย็นยะเยือกดุจน้ำแข็งภายใต้คิ้วเรียงสวยฉายแววอบอุ่นออกมา

เหยาซูสัมผัสได้ว่าตัวเองคล้ายกับกำลังจะตายอยู่ในสายตาอันลึกล้ำที่เปล่งประกายระยิบระยับดุจดวงดาว

“อาซู เจ้า…”

ชายหนุ่มพูดกับเหยาซูด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “เจ้าจูบข้าสิ เช่นนั้นก็จะถือว่าดีกับข้าเช่นกัน”

น้ำเสียงของเขาแหบพร่าแผ่วเบา หากไม่ใช่เพราะเหยาซูอยู่ใกล้ก็คงยากจะได้ยิน

เหยาซูยืนขึ้นและจ้องมองลงมายังชายหนุ่มที่อยู่ต่ำกว่า

คิ้วเรียวยาวที่ประดับอยู่ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาด้านหนึ่งถูกแสงไฟสาดส่อง ส่วนอีกด้านหนึ่งบดบังอยู่ท่ามกลางเงามืดภายใต้สันจมูกที่โด่งสูง ทว่าดวงตาคู่นั้นกลับเปล่งประกายระยิบระยับอย่างน่าทึ่ง

ชายหนุ่มที่มักแสดงสีหน้าเย็นชา บัดนี้ได้แสดงกลิ่นอายความเป็นเด็กที่หาได้ยากยิ่งออกมา แววตาดื้อรั้นราวกับว่าหากเหยาซูไม่ตอบตกลงเขาจะไม่ยอมปล่อยมืออย่างไรอย่างนั้น

เหยาซูนึกขบขันอยู่ในใจ จากนั้นก็กดจูบแผ่วเบาระหว่างคิ้วทั้งสองข้างของชายหนุ่ม และพูดแบบขอไปทีว่า “เอาล่ะ จูบเสร็จแล้ว”

ปลายผมของเหยาซูปรกลงบนใบหน้าด้านข้างของหลินเหราแผ่วเบา สัมผัสนุ่มลื่นคล้ายกับขนนกทำให้รู้สึกจั๊กจี้ไม่น้อย

เดิมทีหลินเหราคิดว่าสิ่งที่ตัวเองต้องการนั้นคือจูบที่เหยาซูมักให้เด็ก ๆ แต่หลังจากที่เขาได้รับจริง ๆ ในใจกลับก่อเกิดความไม่พอใจขึ้นมา

“อาซู…”

บางทีเปลวไฟนั้นคงอบอุ่นและลึกลับเกินไป หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะสีหน้าท่าทางและน้ำเสียงของชายหนุ่มที่ผิดแปลกไปจากเดิม

ฝ่ามือของเหยาซูมีเหงื่อผุดพราย จากนั้นก็ค่อย ๆ ใช้มือลูบไล้ใบหน้าด้านข้างที่เผยโครงหน้าที่ชัดเจนของเขา

นางโค้งตัวลงไปเล็กน้อย ขยับเข้าไปใกล้ใบหน้าของเขาและพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความขบขัน “ทำไม? เขินหรือ?”

หลินเหราเบิกตากว้าง พลันทั้งร่างยืดตัวตรง ทำให้ในใจของเหยาซูรู้สึกอยากหยอกล้อตลอดเวลา

หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เหตุใดท่านไม่หลับตาเล่า?”

หึ เมื่ออีกฝ่ายไม่เกรงกลัว ก็ไม่น่าสนุกเท่าไรแล้ว

ชายหนุ่มยื่นมือออกไปคว้าตัวเหยาซูเอาไว้ ทำให้หญิงสาวทรงตัวไม่ค่อยอยู่ก่อนจะล้มลงมานั่งบนตักของหลินเหราโดยไม่ทันตั้งตัว

หลินเหราจึงก้มหน้าลงมาประกบริมฝีปาก…

…………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

อ๊ายยยยย…คืนนี้ท่านพ่อจะได้กินท่านแม่หรือเปล่า รอลุ้นตอนต่อไปนะคะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

Status: Ongoing
เหยาซูเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างตัวละครหนึ่งในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่าน!หญิงสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมาเกิดใหม่ในนิยายยุคโบราณที่ตนเองกำลังอ่าน หลังฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของ เหยาซู มารดาของวายร้ายทั้งสามในเรื่อง กลายเป็นแม่ม่ายลูกติดโฉมสะคราญที่ผู้คนต่างชี้หน้าบอกว่าเป็นตัวซวยทำให้สามีต้องตาย เมื่อได้ทราบว่าชีวิตของลูก ๆ ต้องเผชิญกับการดูถูก นางจึงทนไม่ไหวเก็บข้าวของหอบลูกกลับบ้านเก่า เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกและครอบครัวทางแม่ของตน ด้วยคิดว่าหากสั่งสอนลูกดี ๆ พวกเขาคงไม่กลายเป็นตัวร้าย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีของนางได้กลับมา พวกเขาจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตามนิยายต้นฉบับสามีของตนจะตกหลุมรักสตรีอื่น จึงคิดหาวิธีที่จะหย่าขาดกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท