บทที่ 173 ทำไมขนตาของเจ้าถึงได้ยาวเพียงนี้
หน้าต่างห้องถูกเปิดแง้มไว้เพียงครึ่งเดียว ไม่มีสายลมพัดผ่าน มีเพียงแสงอาทิตย์ที่สาดลอดเข้ามา ทำให้ทั่วห้องอบอุ่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เหยาซูเดินมาหยุดหน้าเตียง ก็พบว่าหลินเหราหลับตานอนไปแล้ว
เพียงแต่เขาไม่ได้นอนใกล้ซานเป่า เหลือพื้นที่ว่างตรงกลางไว้ให้เหยาซู
บนตัวของหลินเหราถูกห่มด้วยผ้าผืนบางสำหรับใช้ในฤดูใบไม้ผลิ เผยให้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน เส้นผมดำขลับถูกปล่อยยาวสยายอยู่บนหมอน ดูปลอดภัยไร้อันตรายใด ๆ
เหยาซูลังเลครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ถอดเสื้อตัวนอกออก จากนั้นก็ขึ้นไปนอนตรงตำแหน่งที่หลินเหราตั้งใจเหลือไว้ให้ ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตนเอง
ปกติเวลานอนกลางคืน พื้นที่ตรงกลางระหว่างนางกับชายหนุ่มจะเป็นที่ของเด็ก ๆ จึงไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
วันนี้กลับได้นอนใกล้กัน เสียงลมหายใจของชายหนุ่มดังชัดเข้ามาในโสตประสาท จะทำมองข้ามไปก็คงจะทำได้ยากเย็น
เดิมทีเหยาซูยังไม่ง่วง นางได้แต่นอนตัวเหยียดตรง มิอาจหลับได้ลง ดวงตาเบิกกว้างอยู่เช่นนั้น
ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก พลันได้ยินเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้นข้างหูว่า “เป็นอะไร เหตุใดถึงนอนพลิกตัวไปพลิกตัวมา เจ้านอนไม่หลับหรือ?”
เหยาซูพยายามครุ่นว่าตนเองพลิกตัวไปพลิกตัวมาที่ไหนกัน นางแค่รู้สึกไม่สบายจึงขยับไปมาเพียงสองครั้งเท่านั้น
ถึงกระนั้น ชายหนุ่มไม่เพียงแต่จะมีตาและจมูกที่ใช้การได้ดีแล้ว แม้แต่หูก็ยังไวมากอีกด้วย
หญิงสาวรีบหันกลับไปถาม “ข้าปลุกท่านหรือ? ข้านอนไม่หลับ ไม่อย่างนั้นข้าลุกขึ้นก็ได้ ท่านจะได้นอนคนเดียวอย่างสบาย…”
หลินเหราลืมตาขึ้นทันที จากนั้นก็ยื่นมือออกไปกดไหล่ของเหยาซูไว้ไม่ให้นางลุกขึ้น และพูดเสียงเบา ๆ ว่า “ไม่ง่วงก็นอนเป็นเพื่อนข้าสักครู่สิ”
ยากนักที่เขาจะใช้คำว่า ‘เป็นเพื่อน’ คำนี้ ภายใต้ความอ่อนโยนที่แสดงออกมานั้นแฝงไปด้วยความคาดหวัง ราวกับต้องการให้เหยาซูนอนเฉย ๆ ไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องพูดสิ่งใด เพียงแค่นั้นเขาก็รู้สึกสบายใจมากแล้ว
หัวใจของเหยาซูอ่อนยวบ เอนกายนอนลงอีกครั้งอย่างที่คิดไว้จริง ๆ
หญงสาวพลิกตัวนอนตะแคงข้างมองหลินเหรา ใบหน้าของนางเผยรอยยิ้มออกมา “งั้นท่านนอนเถิด ข้าจะนอนอยู่ตรงนี้แหละ”
ชายหนุ่มตอบ “อื้อ” หนึ่งครั้งก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง
เหยาซูจ้องมองเขาอยู่เช่นนั้นเงียบ ๆ ใช้สายตากวาดมองร่องรอยบนใบหน้าของหลินเหราครั้งแล้วครั้งเล่าพลางครุ่นคิดในใจ หากตอนนี้มีกระดาษหนึ่งแผ่นให้นาง ต่อให้หลับตาตนเองก็สามารถวาดใบหน้าด้านข้างของเขาออกมาได้
ในขณะที่คิดแบบนี้ หลินเหราก็พลิกตัวนอนตะแคงหันหน้ามาทางนาง ใบหน้าของเขาอยู่ตรงหน้าเหยาซู และพ่นลมหายใจยาว ๆ ออกมา
บางทีอาจจะเพราะร้อนก็เป็นได้ เขาจึงดึงผ้าห่มออกเล็กน้อยเผยให้เห็นแขนครึ่งหนึ่ง
เช่นนี้ทำให้ระยะห่างของพวกเขาสองคนใกล้กันมากขึ้น ใกล้กันจนคล้ายกับว่ากำลังหายใจรดใส่ใบหน้าของอีกฝ่าย เหยาซูขยับตัวไปด้านหลังเล็กน้อยแต่กลับชนเข้ากับซานเป่า จึงไม่กล้าถอยไปอีก
หญิงสาวเองก็เริ่มรู้สึกร้อนเช่นกัน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเตียงที่อุ่นเกินไปหรือผ้าห่มหนาเกินไปกันแน่
“ท่านหลับหรือยัง?” เหยาซูเอ่ยถามเสียงเบา
ครั้นเห็นชายหนุ่มไม่มีการตอบสนองใด ๆ นางจึงส่งเสียงเรียกเขา “อาเหรา?”
หลินเหราพ่นลมหายใจยาว ๆ คล้ายกับว่านอนหลับไปแล้ว
เหยาซูฉวยโอกาสนี้อีกครั้งมองพิจารณาใบหน้าตรง ๆ ของหลินเหรา
หญิงสาวรู้มาตลอดว่าหลินเหรามีหน้าตาหล่อเหลา อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าโดดเด่น แค่มองอาจื้อก็สามารถรับรู้ได้ว่าใบหน้าพ่อของเขาไม่ได้แย่เลย
เพียงแต่ปกติแล้วหลินเหรามักจะมีกลิ่นอายของความดุดันปกคลุมอยู่ หลายครั้งจึงทำให้คนสนใจนิสัยเฉพาะตัวของเขา
ในเวลานี้เขากำลังนอนหลับอย่างสบายใจ สีหน้าดูผ่อนคลายลง มองดูแล้วก็คล้ายกับอาจื้อมากทีเดียว
“หากวันข้างหน้าต้าเป่าโตมาเหมือนท่านแบบนี้ คิดว่าคงจะไม่เลวเลยเชียว” เหยาซูพึมพำพร้อมกับยืนนิ้วชี้ออกไป จากนั้นก็วาดตามโครงคิ้วและดวงตาคู่งามของหลินเหรา แต่ก็ระมัดระวังที่จะไม่แตะโดนเขา
รู้ว่าหลินเหราคงไม่ได้ยินเหยาซูจึงพูดเสียงเบา ๆ ต่อว่า “ทำไมขนตาของท่านถึงยาวเพียงนี้? ข้าขอดูหน่อยสิ…”
ในขณะที่นางพูด หลินเหราก็รู้สึกว่าดวงตาของตัวเองเหมือนกับถูกผีเสื้อที่บินผ่านมาแตะเบา ๆ และจากไป
หญิงสาวแตะขนตาของเขาแผ่วเบา ไม่นานก็ดึงมือกลับมา
หลินเหราพยายามควบคุมลมหายใจของตัวเอง อดทนต่อความรู้สึกจั๊กจี้บนขนตาของตัวเอง บังคับไม่ให้ตนเองขยับตัว
ใครจะคิดว่าเหยาซูนั้นคิดว่าเขาคงเหนื่อยมากและหลับลึกเข้าสู้ห้วงความฝันไปแล้ว จึงลงมืออย่างไม่เกรงกลัว
“คิ้ว จมูก และดวงตาของอาจื้อ ไม่มีตรงไหนไม่เหมือนท่าน แต่ริมฝีปากนี้ไม่ค่อยจะเหมือน…” ปลายนิ้วของหญิงสาวค่อย ๆ เคลื่อนลงอย่างช้า ๆ มายังมุมปากของหลินเหรา และเริ่มทำการวาดไปตามริมฝีปากบาง ๆ นั้น
ลมหายใจของหลินเหราพ่นลงมาบนหลังมือของนาง ทำให้เหยาซูหยุดชะงักและไม่ขยับอีก “เห็นใคร ๆ ก็บอกกันว่าผู้ชายที่มีริมฝีปากบางจะไม่จริงจังต่อความรัก! ริมฝีปากของต้าเป่านั้นหนามาก ไม่เหมือนกับท่านสักนิด”
“ไม่รู้ว่าท่านจะไม่จริงจังต่อความรักถึงระดับไหน ใคร ๆ ต่างก็บอกว่าจะกลายเป็นผู้ชายที่เรื่องเยอะ ไม่มีดีแม้แต่นิดเดียว หลิวปัง[1] ยังทอดทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากของเขาได้ลงคอเลย เพียงแค่กลัวว่าจักรพรรดินีหลูจะสร้างความไม่เป็นธรรมให้แก่สนมฉีผู้โปรดปราดของเขาทั้งวันทั้งคืน ไม่แน่ว่าสักวันท่านอาจจะมีอำนาจ กำจัดข้าและหาคนที่ดีกว่าก็ได้”
ครั้นเห็นเธอยิ่งพูดยิ่งไม่เหมือนตนเอง หลินเหราทำได้แค่ขยับตัวอีกครั้งแต่กลับทำให้ระยะห่างระหว่างเขากับเหยาซูใกล้กันกว่าเดิมโดยไม่รู้ตัว
ปลายนิ้วของนางสัมผัสริมฝีปากของหลินเหรา แต่แล้วก็ต้องดึงมือกลับฉับพลันด้วยความตื่นตกใจ และไม่พูดสิ่งใดอยู่นาน
ครั้นเหยาซูเห็นใบหน้าหลินเหราที่ใกล้กันยิ่งกว่าก่อนหน้านั้น หัวใจก็เริ่มเต้นระรัวจนไม่อาจควบคุมได้ แม้แต่ลมหายใจก็รู้สึกว่าร้อนผ่าวขึ้น
หญิงสาวสะบัดผ้าห่มบนตัวออก นางแค่อยากให้ลมเย็น ๆ พัดพาความร้อนรุ่มบนร่างกายออกไปเท่านั้น
เดิมทีเหยาซูคิดจะพลิกตัวแค่ครึ่งบน แต่กลับพบว่าตัวเองถูกหลินเหราเบียดจนเหลือพื้นที่ว่างเพียงเล็กน้อย หากขยับไปทางซ้ายก็จะชนกับชายหนุ่ม แต่ถ้าขยับไปขวาอีกนิดก็จะทับเด็กน้อย นางจึงทำได้นอนอยู่ท่าเดิมไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
คิดว่ามันคงยากมาก แต่ไม่นานเหยาซูก็อดหลับตาลงไม่ได้ จากนั้นก็ผล็อยหลับไปในที่สุด
เมื่อลมหายใจของนางคงที่แล้ว หลินเหราจึงได้ลืมตาขึ้น
เขามองดูใบหน้าที่หลับใหลโดยไร้การป้องกันใด ๆ ของเหยาซูพลางครุ่นคิดในใจ โลกใบนี้ไม่มีสตรีนางไหนงดงามยิ่งกว่านาง ทำให้คนชื่นชอบมากกว่านางอีกแล้ว
เขาไม่ใช่หลิวปัง นางเองก็ไม่ใช่จักรพรรดินีหลู ระหว่างพวกเขามีแค่กันและกัน ไม่มีทางมีสนมฉีอะไรนั่น และยิ่งไม่มีใครข้างกายไปมากกว่านี้
คิดได้แบบนี้ หลินเหราก็ยื่นแขนไปหาเหยาซูแล้วดึงนางมานอนข้างกายของตัวเอง จากนั้นก็หลับตาลง
หลินเหราไม่ได้หลับสนิทตลอดทั้งคืน แต่เหยาซูกลับหลับสบาย
ครั้นจะหลับต่อในตอนเช้าหญิงสาวก็นอนได้ไม่นานนัก แค่รู้สึกร้อนรุ่มและระส่ำระส่ายอยู่ในความฝัน ไม่นานก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
เดิมทีทั้งสองนอนห่มผ้ากันคนละผืน แต่ก่อนนอนเหยาซูได้สะบัดผ้าห่มของตัวเองออกแล้ว จึงไม่รู้ว่าตัวเองนั้นกลิ้งมาอยู่ในผ้าห่มของหลินเหราตั้งแต่เมื่อใด อีกทั้งมือและเท้าก็ยังพาดอยู่บนร่างกายของเขาด้วย แขนข้างหนึ่งก็กอดรัดแขนของหลินเหราไว้แน่น
ร่างกายของหลินเหรามีอุณหภูมิค่อนข้างสูง เวลากอดเขาจึงให้ความรู้สึกเหมือนกอดเตาไฟอย่างไรอย่างนั้น มิน่าละนางถึงได้ร้อนระส่ำระส่ายในความฝัน
เหยาซูยกแขนขึ้นเบา ๆ ขยับเพียงนิดเดียวก็เหงื่อท่วมตัวแล้ว
ยิ่งทำให้ใบหน้าของนางร้อนผ่าวมากยิ่งขึ้น หลินเหราเองก็สะดุ้งตื่นแล้วเช่นกัน
“ตอนนี้มันกี่โมงกี่ยามแล้ว?” เขาหรี่ตาลงราวกับยังสะลืมสะลือ
เหยาซูอยากจะฉวยโอกาสนี้ดึงแขนของตัวเองออกมา แต่กลับไม่สำเร็จ
เหยาซูหยุดขยับตัวทันที พูดอย่างว่าง่าย “ฟ้ายังสว่างอยู่ ท่านนอนต่ออีกสักหน่อยเถอะ”
หลินเหราพยักหน้าและหลับตาลงอีกครั้ง
เหยาซูต่อสู้กับแขนของตัวเองต่อ พยายามสลัดตัวออกให้ได้โดยเร็วภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ทำให้หลินเหราสะดุ้งตื่น
ถึงกระนั้นหลินเหราก็ไวต่อความรู้สึกเสมอ เมื่อเหยาซูขยับตัวเพียงเล็กน้อย เขาก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
ชายหนุ่มลืมตาอีกครั้ง และเอ่ยถามด้วยเสียงแหบแห้ง “เป็นอะไร?”
……………………………………………………………………………………………………
หลิวปัง ฮั่นเกาจู่(หลิวปัง)(刘邦) จักรพรรดิองค์ปฐมของราชวงศ์ฮั่นตะวันตก (ปี206 ปีค.ศ.220 ก่อนคริสต์ศักราช) เป็นจักรพรรดิผู้มีกำเนิดจากสามัญชนและด้อยการศึกษาหนึ่งในสององค์ในประวัติศาสตร์จีน
สารจากผู้แปล
กำลังวางเบ็ดล่อเหยื่อแน่ ๆ อาซูอย่าหลงกลนะคะ
ไหหม่า(海馬)