ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] – บทที่ 288 ทรัพย์สมบัติของตู้เหิง

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

บทที่ 288 ทรัพย์สมบัติของตู้เหิง

บทที่ 288 ทรัพย์สมบัติของตู้เหิง

เมื่อทุกคนนั่งกันเรียบร้อยแล้ว ตู้เหิงผู้มีสายตาเย็นชาได้เอ่ยขึ้นเป็นคนแรก

“ไม่ทราบว่าวันนี้ใต้เท้าสวีเรียกข้าน้อยมาที่นี่มีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ? ข้าคงออกจากจวนนานไม่ได้ เกรงว่าท่านพ่อจะตำหนิเอา”

นางมีสีหน้าเรียบเฉย และมีกลิ่นอายกดดันจนไม่มีผู้ใดกล้าล่วงเกิน นางหยิบยกผู้เป็นบิดาขึ้นมาเพื่อกดข้าหลวงสวีจนไม่กล้าส่งเสียงใด

ข้าหลวงสวียังคงยิ้มไม่เปลี่ยนก่อนจะพูดว่า “ที่เราเชิญคุณหนูมาวันนี้ ก็เรื่องคดีความที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงเมื่อวาน…”

ครั้นเอ่ยถึงตรงนี้ เขาก็หยุดชะงักไปชั่วครู่

ตู้เหิงคาดเดาได้ก่อนหน้านั้นแล้ว หากมีจวนตรวจการมาหานางจะต้องเป็นเรื่องเมื่อวานอย่างแน่นอน

นางถามกลับด้วยท่าทางสงบนิ่ง “สองสามวันมานี้ข้าออกไปข้างนอกเป็นครั้งคราว มีสหายไปด้วยกันตลอด คุณชายหลินก็ทราบดี คดีความที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง เกี่ยวอะไรกับข้าหรือ?”

ขณะพูด ดวงตาคู่งามของตู้เหิงกวาดมองหลินเหราแวบหนึ่ง ก่อนจะละสายตากลับมา

ความหมายนี้แสดงออกชัดเจนมาก นางมักจะไม่ค่อยออกไปข้างนอก ยามที่ออกไป หลินเหราก็อยู่ด้วย

พูดเช่นนี้ ตั้งใจเอาเหยาซูไปวางไว้ที่ไหน? ไม่รู้สินะ คิดว่านางคงอยู่กับหลินเหราทุกวัน!

หลินเหราไม่ถนัดพูด และยิ่งไม่เข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของผู้อื่น กลับเป็นเหยาเฉาที่คลี่ยิ้ม พลางพยักหน้าและพูดว่า “แม่นางตู้พูดถูก เมื่อวานแม่นางตู้มาที่จวนเซี่ยจริง ไปช่วยอาเหราดูบ้านด้วยกัน เรื่องนี้เรารู้กันดี”

ข้าหลวงสวีพยักหน้า

เขาไม่สนใจคลื่นที่ปั่นป่วนอยู่เงียบ ๆ ระหว่างคนเหล่านั้น นอกจากพูดกับตู้เหิงว่า “คุณหนูตู้ไม่ต้องกังวล เพียงแต่ข้าน้อยได้ทำการตรวจสอบจากศพของคนชั่วเมื่อวานแล้ว ผลที่ได้ออกมาบอกว่าคนเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกับหน่วยคุ้มกันฉางเฟิงของเมืองหลวง หากข้าน้อยจำไม่ผิด คุณหนูตู้เองก็เคยถูกหน่วยคุ้มกันฉางเฟิงทำร้ายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดเช่นกันใช่หรือไม่?”

ครั้นเห็นตู้เฟิงพยักหน้า ข้าหลวงสวีจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที ด้วยการเอ่ยถามว่า “คุณหนูตู้เคยร้องขอให้หน่วยคุ้มกันมาดูแลความปลอดภัยให้กลุ่มของพวกท่านไม่ใช่หรือ? ไม่ทราบว่าข้าน้อยขอสอบถามเพิ่มสักสองสามคำถามได้หรือไม่?”

ตู้เหิงรู้เรื่องที่บุตรสาวและบุตรชายของหลินเหราถูกสองคนนั้นลักพาตัวไปตั้งแต่เมื่อวาน จึงวางแผนไว้แล้วว่าจะสลัดเรื่องนี้ให้หลุดพ้นจากตัวเองอย่างไร

นางพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “เรื่องนี้เป็นความจริง ท่านพ่อสั่งห้ามไม่ให้เอ่ยถึงเรื่องนี้ด้านนอก ในเมื่อใต้เท้าสวีเอ่ยถามเช่นนี้ ข้าก็คงจะตอบเท่าที่รู้”

ข้าหลวงสวีเอ่ยถาม “หากคุณหนูตู้ไม่วางใจ จะไม่มีทางให้หน่วยคุ้มกันฉางเฟิงดูแลความปลอดภัยแน่นอน เพียงแต่ไม่ทราบว่า เหตุใดคุณหนูตู้ถึงได้มีความเกี่ยวข้องกับหน่วยคุ้มกันผู้นี้เสียได้?”

ตู้เหิงมีสายตานิ่งเฉย เหมือนกับว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่กำลังเอ่ยถึงนี้ นางพูดด้วยเสียงราบเรียบว่า “ท่านแม่ได้ทิ้งทรัพย์สมบัติบางอย่างให้แก่ข้าหลังจากท่านลาจากโลกนี้ไป หนึ่งในนั้นคือผู้คุ้มกัน”

หน่วยคุ้มกันฉางเฟิงคือทรัพย์สมบัติของตู้เหิงอย่างนั้นหรือ?!

ทุกคนพากันลอบตื่นตกใจ เหยาเฉาขมวดคิ้วแน่นยิ่งกว่าใคร แต่เหยาซูรู้ว่าไม่ว่าจะทำอย่างไร ตู้เหิงก็ไม่มีทางยอมรับอย่างคนโง่เขลาเป็นแน่

กระทั่งเห็นนางเปลี่ยนหัวข้อสนทนาจริง ๆ “แต่ยามที่ท่านแม่ลาจากโลกนี้ไป ข้ายังเด็กมาก ทรัพย์สมบัติรอบตัวจึงต้องยกให้คนรับใช้ที่ท่านแม่เหลือทิ้งไว้ให้ข้าเป็นคนจัดการ บัดนี้หน่วยคุ้มกันกำลังแย่จึงถูกมอบให้ผู้อื่นเมื่อสองสามปีก่อน”

ข้าหลวงสวีถามต่อ “ไม่ทราบว่าแม่นางตู้ได้มอบให้ผู้ใด?”

ตู้เหิงส่ายหน้า ยืดตัวตรง และเอ่ยอย่างชัดเจนว่า “เรื่องนี้ข้าไม่เคยยุ่ง ถ้าใต้เท้าอยากรู้ ข้าจะเรียกคนรับใช้ในจวนมาตอบให้”

ข้าหลวงสวีหัวเราะเหอะ ๆ แล้วปล่อยวางคำถามนี้ไป

เรียกคนรับใช้ของนางมาตอบ? การเรียกตู้เหิงมาสอบถามในวันนี้ ต้องปกปิดไม่ให้ท่านอาลักษณ์ตู้รับรู้ หากให้ท่านอาลักษณ์รู้เรื่องการระดมคนเช่นนี้เข้า เกียรติของท่านอาลักษณ์คงเผชิญอุปสรรคไม่น้อย

แม้เหยาเฉาและหลินเหราจะไม่ใช่ขุนนางในเมืองหลวง แต่ก็เข้าใจความซับซ้อนในเรื่องนี้เป็นอย่างดียามเห็นข้าหลวงสวีถามคำถามด้วยความระแวดระวังและไม่ถามมากความแต่อย่างใด

ข้าหลวงสวียังถามเพิ่มเติมอีกหลายคำถาม แต่ทั้งหมดล้วนถูกตู้เหิงดักไว้เสียทั้งสิ้น เรื่องที่เกี่ยวข้องกับหน่วยคุ้มกันฉางเฟิง นางทำเพียงผลักไสแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

ครั้นถามถึงคำถามสุดท้าย ก็ยังไม่ได้ความอะไร

ยังไม่ทันที่ทุกคนจะได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง ตู้เหิงก็แสดงท่าทางลำบากใจก่อน ดวงตาคู่งามได้กวาดมองทุกคน ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ท่านพ่อมีนิสัยชอบจัดการอย่างเงียบ ๆ แต่สุดท้ายเขาก็เป็นสมาชิกในราชสำนัก ในฐานะที่ข้าเป็นหลานสาวจวนตู้ วันนี้ถูกทุกท่านเรียกมาสอบปากคำในฐานะคนร้ายอย่างนั้นหรือ?”

ข้าหลวงสวียิ้มด้วยความลำบากใจ “แม่นางตู้ก็พูดเกินไป”

ถึงอย่างไรตู้เหิงก็มีภูมิหลังมั่งคั่ง คนทั่วไปยากเอื้อมถึง

เหยาเฉามีสีหน้าอ่อนโยน และพูดอย่างอบอุ่นว่า “ก่อนหน้านั้นเมืองชิงถงเคยมีชะตาร่วมกันกับแม่นางตู้ บัดนี้อยู่ในวัง ก็ต้องขอบคุณการช่วยเหลือของแม่นางตู้ ทำให้ข้าและอาเหราจัดการคดีความได้อย่างราบรื่น ส่วนคดีความในศาลเจ้าหลักเมืองเมื่อวาน ข้าหลวงคิดว่าแม่นางอาจจะเป็นผู้รับเคราะห์ของหน่วยคุ้มกันฉางเฟิงไปด้วย จึงได้เชิญตัวแม่นางมาที่นี่ เพื่อสอบถามหาเบาะแสเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาอื่นใด”

เขาลั่นวาจาออกมาด้วยความจริงใจ ในเมื่อเป็นตู้เหิงที่แสดงสีหน้าเย็นชาตลอด คงไม่เป็นการดีแน่ถ้ายั่วโมโหนาง

นางชี้นิ้วไปทางเหยาซู และพูดเสียงเรียบ “เรื่องเมื่อวานนั้น ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่ ข้าเองก็โล่งอกเช่นกัน เพียงแต่ต่อไปยามที่แม่นางเหยาอารมณ์เสียใส่คุณชายหลิน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องนึกถึงเด็ก ๆ เพราะเด็กยังคงไร้เดียงสา”

เด็กยังไร้เดียงสา? นางยังมีหน้าพูดว่าเด็กไร้เดียงสาคำนี้อีกหรือ?!

ดวงตาที่ฉายแววเย็นชาของเหยาซู ได้สบเข้ากับดวงตาของตู้เหิงอย่างไม่ลดละ ก่อนจะพูดว่า “แม่นางตู้ เรื่องส่วนตัวของสามีภรรยาดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ในขอบเขตการถกเถียงกันในวันนี้”

มุมปากของตู้เหิงเม้มเข้าหากันเล็กน้อย หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน “แต่เรื่องนี้ไม่ได้เป็นแค่เรื่องส่วนตัวของคนสองคน ที่ข้ามาในวันนี้ก็ตั้งใจจะมาช่วยเหลือทุกท่าน แต่การเข้าออกจวนตรวจการเช่นนี้ เกรงว่าชื่อเสียงของข้าจะมีปัญหา”

นัยน์ตาของเหยาซูพลันเย็นเยือกลง

นางกำลังจะเอ่ยปาก แต่มือขวาที่วางอยู่บนเข่ากลับถูกหลินเหรากุมไว้อย่างเบามือ

ชายหนุ่มไม่ได้แสดงความรู้สึกมากมายอย่างชัดเจนนักทางใบหน้าอันหล่อเหลา นอกจากพูดกับตู้เหิงว่า “วันนี้แม่นางตู้ไม่จำเป็นต้องมาก็ได้”

ประโยคนี้ของหลินเหราสกัดกั้นคำพูดทั้งหมดของตู้เหิงไปโดยปริยาย

นัยน์ตาของนางแสดงความรู้สึกยากจะเชื่อออกมา บางทีอาจเพราะความประหลาดใจ แม้แต่เวลาจะปกปิดก็ยังไม่มี จึงต้องแสดงออกมาต่อหน้าของทุกคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“คุณชายหลินหมายความว่าอย่างไร?” ตู้เหิงได้ยินดังนั้น เสียงของนางก็เริ่มสั่นเครือ

คิ้วรูปดาบของหลินเหราขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เพราะไม่อยากเกี่ยวข้องกับปัญหาเหล่านี้มากเกินไป

เขาจ้องมองเข้าไปในนัยน์ตาของตู้เหิง และพูดกับนางว่า “เรื่องเมื่อวานถือว่าอันตรายมาก โชคดีที่อาซูนั้นกล้าหาญจึงปกป้องไม่ให้ตนเองและลูกถูกทำร้ายได้ ในเมื่อแม่นางตู้ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องบาดหมางนี้ หากแม่นางตู้จะกลับ ก็เชิญเถิด”

ข้าหลวงสวีคิดในใจ ‘เวรแล้ว’

หลินเหราผู้นี้เป็นวัยรุ่นเลือดร้อนจริง ๆ เหตุใดคำพูดคำจาถึงไม่มีการไว้หน้ากันเช่นนี้?

หากยั่วโมโหคุณหนูท่านนี้ขึ้นมา แล้วนางไปรายงานใต้เท้าเจ้าอาลักษณ์ หรือกระทั่งพระสนมกุ้ยเฟยในวัง พวกเขาจะไม่ติดร่างแหไปด้วยหรือ?

ข้าหลวงสวีกำลังคิดหาวิธีจบเรื่อง แต่กลับเห็นดวงตาของตู้เหิงแดงก่ำ ดูเหมือนนัยน์ตากำลังรื้นไปด้วยหยาดน้ำตา ทำให้เขาอึ้งงันไปชั่วขณะ

“คุณชายหลิน! ท่าน ท่าน!” นางยืนขึ้น นิ้วมือเรียวยาวสั่นระริกก่อนชี้ไปยังหลินเหรา

หลินเหราไม่ได้สนใจความรู้สึกที่ค่อนข้างรุนแรงของตู้เหิงแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับขมวดคิ้ว รอคำพูดต่อไปของตู้เหิง

สุดท้ายแล้วนางก็ไม่ได้พูดสิ่งใดออกมา ได้แต่ต้องข่มความรู้สึกย่ำแย่จนอยากจะร้องไห้นั้นไว้ในใจ ก่อนจะโพล่งออกมาตรงๆ “ข้าขอลา!”

ตู้เหิงยกชายกระโปรงขึ้นแล้วเดินออกไปจากบริเวณที่ทำให้นางรู้สึกไม่เป็นธรรม หญิงสาวเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งมาถึงหน้าประตูจวนตรวจการ แล้วหายตัวไปแทบจะชั่วพริบตาเดียว

อาซู่ยืนเฝ้าตลอด กระทั่งเห็นความรู้สึกทางสีหน้าของคุณหนู จึงได้แต่อึ้งงันอย่างอดไม่ได้ “คุณ คุณหนู! เป็นอะไรไปเจ้าคะ?”

ตู้เหิงพยายามกลั้นน้ำตา พลางเอ่ยเสียงเย็นชา “กลับจวน!”

หลังจากนางขึ้นรถม้าแล้ว ในที่สุดก็กลั้นหยาดน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่และร่วงหล่นลงมาในที่สุด

ในอดีตนางได้อยู่ข้างกายเขานานหลายปี เข้าใจความรู้สึกภายใต้คิ้วที่ขมวดเข้าหากันทุกครั้ง รู้เบื้องหลังหน้าเย็นชาของเขาทุกครั้ง

ทว่าจนถึงตอนนี้เขากลับมองไม่เห็นตัวตนของนาง

ตู้เหิงคิดว่าการกลับมาเกิดใหม่ในชาตินี้ อย่างน้อยนางยังได้พูดคุยกับเขา ได้ยืนเคียงข้างเขาอย่างเปิดเผย….

แต่คาดไม่ถึงว่า… หลินเหราในตอนนี้กลับใช้ท่าทางที่ใช้แสดงต่อคนแปลกหน้ามาแสดงกับนาง…

ไม่! เขาเกลียดชังนางอย่างชัดเจน!

แต่เมื่อวานนี้ยังดี ๆ อยู่เลย เมื่อวานพวกเขาไปดูบ้านด้วยกัน…

ตู้เหิงสะอื้นอยู่เงียบ ๆ ปลายนิ้วจิกลงบนผิวเนื้อเนียนละเอียดอย่างอดไม่ได้ หากแต่ไม่รู้สึกเจ็บปวด

เป็นเพราะเหยาซู ทุกอย่างเป็นเพราะเหยาซู…

หากไม่ใช่เพราะนาง หลินเหราคงไม่ทำเช่นนี้กับนาง!

เหยาซูไม่ควรมีชีวิตต่อ ในอดีตชาตินางต้องตายจากโลกไปนี้ไปเพราะการให้กำเนิดบุตรแล้ว!

นัยน์ตาที่เปล่งประกายของตู้เหิงคู่นั้นค่อย ๆ ถูกความคิดด้านลบกัดกร่อน ความรู้สึกมืดแปดด้านที่หาทางออกไม่เจอไม่อาจสลายตัวไปได้

……………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

อย่างนังตู้ต้องเจอกับพี่เหรา เอ่ยแค่ไม่กี่ประโยคก็แหลกสลายแบบไม่ต้องเปลืองแรงใด ๆ รู้ละ…จะกำจัดนังจิ้งจอกนี่ต้องแสดงความรักต่ออาซูต่อหน้านางให้มาก ๆ ค่ะ ให้นางอกแตกตายไปเอง

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

Status: Ongoing
เหยาซูเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างตัวละครหนึ่งในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่าน!หญิงสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมาเกิดใหม่ในนิยายยุคโบราณที่ตนเองกำลังอ่าน หลังฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของ เหยาซู มารดาของวายร้ายทั้งสามในเรื่อง กลายเป็นแม่ม่ายลูกติดโฉมสะคราญที่ผู้คนต่างชี้หน้าบอกว่าเป็นตัวซวยทำให้สามีต้องตาย เมื่อได้ทราบว่าชีวิตของลูก ๆ ต้องเผชิญกับการดูถูก นางจึงทนไม่ไหวเก็บข้าวของหอบลูกกลับบ้านเก่า เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกและครอบครัวทางแม่ของตน ด้วยคิดว่าหากสั่งสอนลูกดี ๆ พวกเขาคงไม่กลายเป็นตัวร้าย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีของนางได้กลับมา พวกเขาจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตามนิยายต้นฉบับสามีของตนจะตกหลุมรักสตรีอื่น จึงคิดหาวิธีที่จะหย่าขาดกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท