ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] – บทที่ 380 สาวน้อยตระกูลไป๋

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

บทที่ 380 สาวน้อยตระกูลไป๋

บทที่ 380 สาวน้อยตระกูลไป๋

วันนี้เหยาซูพาเด็ก ๆ ไปยังจวนตระกูลไป๋ เนื่องจากไป๋ป๋อเจ๋อให้อาจื้อส่งข้อความในนามของภรรยาแทนตนเอง ขอให้เชิญเหยาซูพาเด็ก ๆ มาเป็นแขกในวันนี้

ด้วยเหตุนี้เหยาซูจึงพาต้าหลาง เอ้อหลาง และลูกสองคนของนางไปที่นั่น

และในท้ายที่สุดไส้เดือนของเอ้อหลางก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร

……

เหยาซูเพิ่งจะพาเด็กมาถึงจวนตระกูลไป๋ ขณะที่ทุกคนกำลังจะเข้าประตู ก็ถูกอาวุโสไป๋พบเข้าเสียก่อน

เป็นผลให้ ต้าหลาง เอ้อหลาง และอาจื้อถูกเรียกให้เข้าไปในห้องหนังสือเพื่อทำการทดสอบ

ลักษณะท่าทางของเด็ก ๆในสายตาของไป๋ป๋อเจ๋อล้วนแตกต่างกันออกไป อาจื้อกับต้าหลางไม่ได้มีความกังวลใด ๆ ยกเว้นเพียงเอ้อหลาง เด็กชายทรุดตัวลงข้างหลังด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่…

ไป๋ป๋อเจ๋อยิ้มบางให้กับเด็กทั้งสามคนแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “พ่อของข้าอยู่บ้านว่าง ๆ เวลาที่ท่านไม่มีอะไรทำก็มักจะถามไถ่นักเรียนเกี่ยวกับความรู้ของพวกเขา ว่าท้ายที่สุดพวกเขาจะตอบได้หรือไม่”

วันนี้สำนักกว๋อจื่อเจี้ยนมีเรื่องที่จะต้องจัดการ ไป๋ป๋อเจ๋อจึงไม่ได้กล่าวอะไรมากนัก และเอ่ยทิ้งท้ายไม่กี่ประโยค “ข้าขอตัวก่อน พวกเจ้าเล่นที่จวนให้สนุกสนานล่ะ”

อาจื้อพยักหน้า “ท่านอาจารย์เดินทางดี ๆ นะขอรับ”

ต้าหลางและเอ้อหลางเองก็โค้งคำนับตาม

ไป๋ป๋อเจ๋อหมุนกายเดินจากไป

เด็กทั้งสามคนเดินตามอาวุโสไป๋เข้าไปในห้องหนังสือ หลังจากที่พวกเขาถามตอบกันหนึ่งรอบ นอกจากอาจื้อที่ตอบอย่างฉะฉาน ต้าหลางที่ตอบอย่างชำนาญแล้ว ใบหน้าของเอ้อหลางก็เต็มไปด้วยความงุนงง

บางครั้งก็มีคำถามสองสามข้อที่อยู่ในความทรงจำ แต่เมื่อถึงเวลาต้องตอบคำถามกลับไม่สามารถตอบคำถามด้วยเหตุใด ๆ ได้เลย

หลังจากที่รออาวุโสไป๋ถามเสร็จ สภาพของเอ้อหลางดูราวกับว่ากายละเอียดของเขาได้สลายไปแล้ว ตอนนี้เด็กชายสูญเสียความสนใจในการเล่นไปแล้วอย่างสิ้นเชิง

ไส้เดือนกับอะไรทั้งหมดถูกทิ้งเอาไว้ข้างหลัง

อาจารย์อาวุโสให้เด็กทั้งสามนั่งลง และอธิบายเนื้อหาที่ได้ทดสอบไปเมื่อครู่

ผ่านไปครู่หนึ่ง ชายชรากล่าวประโยคสุดท้ายและให้กำลังใจด้วยรอยยิ้ม “การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด พื้นฐานของอาจื้อนั้นดีมาก เพียงแค่เวลามองปัญหา ยังต้องมองในมุมที่หลากหลาย ส่วนบัณฑิตตัวน้อยอีกสองคนต้องพยายามให้มากขึ้น”

อาจื้อพยักหน้า ต้าหลางตอบกลับด้วยความเคารพ มีเพียงแค่เอ้อหลางที่ใบหน้าเริ่มแดงก่ำ

แม้ว่าอาวุโสไป๋จะไม่ได้มีเจตนาที่จะตำหนิเอ้อหลาง แต่เด็กชายมีความถือตนอย่างแรงกล้า รู้สึกว่าตนเองเสียหน้าเป็นอย่างมาก

หลังจากที่อาวุโสไป๋ปล่อยให้เด็ก ๆ ออกไปวิ่งเล่น เอ้อหลางก็ยังรู้สึกไม่สบอารมณ์

ขณะที่อาวุโสไป๋สนทนากับเด็ก ๆ ทั้งสามคน

บริเวณด้านหลังของลานบ้าน ไป๋ฮูหยินผู้ซึ่งมีมารยาทเพียบพร้อมได้ออกมาต้อนรับเหยาซู

ทั้งสองคนนั่งสนทนากันอยู่อีกด้าน ไป๋ฮูหยินก็ได้เรียกบุตรสาวให้เข้ามา

เด็กหญิงตัวน้อยของตระกูลไป๋มองอาซือที่ดูเหมือนอายุจะรุ่นราวคราวเดียวกัน นางสวมชุดสีเหลืองละมุน ผมนุ่มสลวยของนางถูกเกล้าขึ้นเป็นมวยเล็ก ๆ สองอัน และประดับด้วยปิ่นปักผมลูกปัดอันเล็ก

ถึงแม้เด็กหญิงจะไม่ได้แต่งตัวอย่างงดงามมากนัก แต่กลับมีรายละเอียดที่ละเมียดละไม

เด็กหญิงเดินมาถึงบริเวณด้านหน้า สิ่งแรกที่นางทำคือการคำนับเหยาซูด้วยความสุภาพ “ทักทายฮูหยินหลินเจ้าค่ะ”

ลูกสาวของตระกูลไป๋มีผิวพรรณขาวใส ใบหน้าทรงกลมรูปไข่ รูปร่างไม่ต่างจากอาซือมากนัก

หากแต่เหยาซูเดาว่าสาวน้อยคนนี้คงตัวเล็กกว่าอาซือ

เหยาซูยิ้มทักทายกลับ “สาวน้อย! เจ้ามีนามว่าอะไรหรือ?”

เด็กหญิงกล่าวอย่างสดใส “ข้ามีนามว่าไป๋หรูปิงเจ้าค่ะ”

ไป๋ฮูหยินเพิ่งจะเอ่ยถามอายุของอาซือ และบอกเป็นนัยกับเหยาซูว่า “หรูปิงและอาซือมีความคล้ายกัน พวกเขาเกิดปีและเดือนเดียวกัน ต่างกันเพียงเเค่วัน หรูปิงเกิดก่อนอาซือสิบวัน”

เหยาซูรู้จากไป๋ป๋อเจ๋อว่าเขามีความต้องการที่จะให้สองตระกูลปรองดองกัน แต่หญิงสาวไม่ได้คาดหวังว่าไป๋ฮูหยินจะมีความคิดแบบเดียวกัน

หญิงสาวกล่าวกับไป๋หรูปิง “งั้นหรูปิงก็เป็นพี่น่ะสิ ไปเล่นกับน้องอาซือสิ นางรอคอยที่จะพบกับเพื่อน ๆ นานแล้ว”

ไป๋ฮูหยินกล่าวเตือนขึ้นมา “หรูปิง ดูแลน้องดี ๆ อย่าบังคับน้องนะ ”

ไป๋หรูปิงพยักหน้าให้กับแม่ของตน หลังจากที่ทั้งสองคนกล่าวทักทายกันแล้ว เด็กหญิงก็เดินตรงไปด้านหน้าของอาซือ

อาซือผุดลุกขึ้นยืน กล่าวกับเพื่อนคนแรกอย่างนุ่มนวล “พี่หรูปิง ข้าแซ่หลิน มีนามว่าซือ ท่านเรียกข้าว่าอาซือก็ได้”

ไป๋หรูปิงรักษาระยะห่างกับอาซือและกล่าวด้วยรอยยิ้มสุภาพ “พวกเราไปเล่นที่ลานบ้านกันเถอะ”

เมื่อเห็นอาซือพยักหน้า เด็กหญิงก็จูงมือของอาซือ จากนั้นเด็กหญิงสองคนก็ออกไปเล่นด้วยกัน

ไป๋ฮูหยินยิ้มแล้วเอียงศีรษะเล็กน้อย แล้วกล่าวกับเหยาซูที่อยู่ด้านข้าง “หรูปิงไม่เคยมีเพื่อนเล่นมาตั้งแต่เล็ก ๆ วันนี้ที่ได้พบกับอาซือ คงจะมีความสุขเป็นอย่างมาก”

อีกฝั่งหนึ่ง

เด็กหญิงสองคนเพิ่งออกจากประตูไป สาวใช้ข้างกายของไป๋ฮูหยินที่ตามพวกเขาออกไปก็เอ่ยขึ้น “คุณหนู คุณหนูหลิน เมื่อครู่ฮูหยินบอกว่าอย่าออกไปเล่นไกลเกินไปนะเจ้าคะ”

ไป๋หรูปิงพยักหน้าแล้วกล่าวขึ้น “ข้าพาน้องอาซือเล่นรอบ ๆ ศาลาไม่ได้ไปไหนไกล”

สาวใช้ตอบรับหนึ่งคำ แล้วก็กลับไปรายงาน

เมื่อสาวใช้จากไป จู่ ๆ ไป๋หรูปิงก็เร่งฝีเท้าเร็วขึ้น ใบหน้ามีรอยยิ้มประดับอยู่ไม่จางหาย

อาซือรู้สึกแปลกใจอยู่เล็กน้อย “พี่หรูปิง ท่าน…”

ไป๋หรูปิงคลี่ยิ้ม เด็กหญิงจับมืออาซือกระโดดโลดเต้นแล้วเอ่ยกับอาซือว่า “ข้าโตกว่าเจ้าสิบวันเอง เรียกข้าว่าหรูปิงก็ได้ เจ้าบอกว่าอยากจะตกปลาใช่หรือไม่? ไป ข้าจะพาเจ้าไป”

อาซือเห็นท่าทางที่สดใสของหรูปิง ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ “ดีเลย!”

เด็กหญิงสองคนจูงมือกันไปที่ศาลาริมสระน้ำ พวกเขาวิ่งกันไปตลอดทาง ตอนนี้ร่างกายเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ

ไป๋หรูปิงกล่าวว่า “นั่งตรงนี้กันก่อน รอสักพักเดี๋ยวจะมีคนเอาน้ำและขนมมาให้ เพียงแต่ว่าแม่ของข้าไม่อนุญาตให้กินเยอะ เจ้ามาเป็นแขกพอดี ข้าเองก็จะได้สนองความต้องการของตน”

อาซือถามด้วยความเป็นห่วง “ร่างกายหรูปิงไม่ค่อยดีเหรอ”

เถิงเอ๋อที่มีแนวโน้มจะป่วยง่ายสุด ดังนั้นฮูหยินเจี่ยงจึงเฝ้าติดตามเขาไปในทุก ๆ ที่

อาซือเห็นฮูหยินไป๋เป็นเช่นนี้ จึงคิดว่าไป๋หรูปิงเองก็คงมีสุขภาพร่างกายที่ไม่ค่อยแข็งแรง

ไป๋หรูปิงส่ายหัว “ข้าสบายดีมาก เหตุใดเจ้าจึงพูดเช่นนี้เล่า?”

สีหน้าของอาซือเต็มไปด้วยความงุนงง เด็กหญิงส่ายหน้าด้วยความลังเล และไม่มีคำอธิบายใด ๆ

เด็กหญิงตัวน้อยสองคนนั่งรับลมอยู่บนศาลา และหลังจากนั้นไม่นาน สาวใช้ก็เข้ามาพร้อมกับชาและของว่าง

สาวใช้ชงชาให้กับเด็กหญิงทั้งสองด้วยความเคารพ สีสันของน้ำชาสวยงาม หากแต่ในความคิดของอาซือ รสชาติกลับไม่เหมือนน้ำผลไม้ที่เหยาซูเตรียมให้ในวันปกติ แม้แต่ของว่างเองก็ยังมีขนาดเล็ก เเต่ดูจากรูปร่างแล้วก็ยังถือว่าใช้ได้

บริเวณด้านข้างมีคนอยู่ ไป๋หรูปิงจึงกลับมามีลักษณะท่าทางเฉกเช่นเวลาอยู่ต่อหน้าผู้เป็นมารดา เด็กหญิงกล่าวกับอาซือด้วยความเกรงใจ “เชิญน้องอาซือ”

อาซือทานของว่างอย่างเชื่อฟัง ไป๋หรูปิงยื่นมือออกมาหยิบของว่างชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำเข้าปาก

สาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ กล่าวขึ้นเบา ๆ “คุณหนู ของว่างนี้คุณหนูรับประทานได้เพียงแค่หนึ่งชิ้นเท่านั้นนะเจ้าคะ ฮูหยินกำชับไว้ว่าไม่ควรรับประทานน้ำตาลมาก วันข้างหน้าจะปวดฟันได้เจ้าค่ะ”

การเคลื่อนไหวของไป๋หรูปิงหยุดชะงักทันใด ใบหน้าไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร แล้วกล่าวกับสาวใช้ “ข้าทราบดี เจ้าลงไปเถอะ ข้าจะเล่นกับน้องอาซือ”

สาวใช้ไม่ได้กล่าวอะไรออกมาอีก เพียงพยักหน้าแล้วจากไป

หลังจากสาวใช้จากไป ไป๋หรูปิงก็ถอนหายใจออกมา

หลังจากอาซือได้เห็นเหตุการณ์นี้ เด็กหญิงก็เข้าใจขึ้นมาทันที

ดูเหมือนว่าฮูหยินไป๋จะเข้มงวดกับการฝึกวินัยให้ลูกสาวของนางเป็นอย่างมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่เวลาไป๋หรูปิงอยู่ต่อหน้าสาวใช้และแม่ของตนจะมีท่าทีอีกแบบ และเวลาอยู่ต่อหน้าอาซือจะมีท่าทีอีกแบบเช่นนี้

เด็กหญิงตัวน้อยกินขนมอย่างเงียบ ๆ จึงตัดสินใจที่จะสังเกตก่อนแล้วค่อยว่ากัน…

…………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เอ้อหลางไม่ถนัดท่องตำรา เห็นแบบนี้แล้วก็อึดอัดแทนน้องนะคะ

น้องหรูปิงตอนอยู่ในจวนคนเดียวคงโดนสอนจนไม่ได้เล่นอะไรแบบเด็ก ๆ เจออาซือก็นับว่าเป็นโชคดีแล้วค่ะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

Status: Ongoing
เหยาซูเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างตัวละครหนึ่งในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่าน!หญิงสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมาเกิดใหม่ในนิยายยุคโบราณที่ตนเองกำลังอ่าน หลังฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของ เหยาซู มารดาของวายร้ายทั้งสามในเรื่อง กลายเป็นแม่ม่ายลูกติดโฉมสะคราญที่ผู้คนต่างชี้หน้าบอกว่าเป็นตัวซวยทำให้สามีต้องตาย เมื่อได้ทราบว่าชีวิตของลูก ๆ ต้องเผชิญกับการดูถูก นางจึงทนไม่ไหวเก็บข้าวของหอบลูกกลับบ้านเก่า เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกและครอบครัวทางแม่ของตน ด้วยคิดว่าหากสั่งสอนลูกดี ๆ พวกเขาคงไม่กลายเป็นตัวร้าย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีของนางได้กลับมา พวกเขาจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตามนิยายต้นฉบับสามีของตนจะตกหลุมรักสตรีอื่น จึงคิดหาวิธีที่จะหย่าขาดกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท