บทที่ 400 ตู้เหิงและลู่หัว
บทที่ 400 ตู้เหิงและลู่หัว
ตู้เหิงไม่รู้ตัวว่าตนเองนั้นมีโทสะมากจนถึงขั้นเนรเทศแม่นมออกไป ส่งผลให้อาซู่เองตามไปอีกคน นี่ถือเป็นการขุดหลุมใหญ่ให้กับตนเองโดยแท้
หญิงสาวไม่ได้มีความเสน่หาในตัวลู่หัวแต่อย่างใด แต่ก็ยังออกไปพบกับชายหนุ่มเนื่องด้วยเรื่องของร้านขายผ้าจิ่นชิ่ว
ถึงแม้ว่าลู่หัวยังคงปฏิบัติต่อหญิงสาวด้วยความสุภาพ แต่ตู้เหิงนั้นไม่ได้ขลาดเขลาขนาดไม่สามารถมองเห็นแววตาดูถูกจากเบื้องลึกในสายตาที่ชายหนุ่มมองมาได้
ชายหนุ่มผู้สง่างามแย้มยิ้มและเชิญตู้เหิงให้นั่งลง “แม่นางตู้ เจ้ากำลังพบเจอกับปัญหาอยู่หรือไม่? ถ้าต้องการความช่วยเหลือเจ้าสามารถบอกกับคนตระกูลลู่ได้นะ”
ตู้เหิงขมวดคิ้วและไม่ได้โต้ตอบอะไรออกมา หญิงสาวเพียงแค่ถามขึ้น “วันนี้ท่านอ๋องน้อยไม่มาหรือ?”
เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวส่งจดหมายไปร้องขอเหมิงฉิง เพียงแต่ฝ่ายนั้นเลี่ยงที่จะอ่านมัน
สุดท้ายตู้เหิงจึงต้องจำใจอยู่กับลู่หัวที่ตนเองเกลียดอย่างสุภาพและว่าง่าย
ลู่หัวเอ่ยด้วยความเกรงใจ “ท่านอ๋องน้อยไม่ว่าง จึงให้ข้ามาแบ่งเบาความกังวลของเจ้า นอกจากนี้เขตชานเมืองเกิดปัญหามากมาย แม่นางตู้คงจะได้ติดต่อกับท่านอ๋องน้อยลง”
ชายหนุ่มรินชาให้กับตู้เหิง ดูเหมือนว่าเขาจะขยับเข้าใกล้นางเล็กน้อยโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ระยะห่างของทั้งสองนั้นใกล้ชิดกันมากขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ระยะที่ใกล้กันมากไปจนน่ารังเกียจแต่อย่างใด
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวมีท่าทางที่ดูเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด ลู่หัวจึงใช้น้ำเสียงที่อ่อนลงราวกับว่ากำลังเอาใจสัตว์เลี้ยงตัวน้อยอยู่ “เอาละ แม่นางตู้ยังโกรธเคืองข้าอยู่ใช่หรือไม่? เรื่องที่มันผ่านไปแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไปดีไหม ข้าได้ยินมาว่ากิจการของเจ้ามีปัญหา? ”
ในใจของตู้เหิงรู้สึกเบื่อหน่ายกับอุบายเช่นนี้ของลู่หัวเหลือเกิน
ถ้าหากว่านางยังเป็นคนของตระกูลตู้ ชายหนุ่มคงไม่กล้ามองนางด้วยสายตาหยอกล้อเช่นนี้ ไม่ต้องกล่าวถึงว่านางคือบุตรสาวแห่งเจ้าอาลักษณ์ที่สง่าผ่าเผย แม้กระทั่งยามที่ตู้หวู่ยังมีชีวิตอยู่นั้น ลู่หัวเองก็ไม่เคยดูหมิ่นเช่นนี้มาก่อน
ชายหนุ่มคิดว่าตนนั้นอยู่สูงเหนือผู้อื่น และหญิงสาวต้องลดศักดิ์ศรีของตนลงเพื่อมาซาบซึ้งตื้นตันใจต่อความช่วยเหลือที่ตนมีให้
ตู้เหิงหัวเราะเยาะขึ้นในใจ แต่กล่าวขึ้นด้วยสีหน้าเป็นปกติ “คุณชายลู่ กิจการของร้านขายผ้าเป็นเพียงแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้คุณชายต้องเสียแรงกายหรอก หากวันนี้ท่านอ๋องน้อยไม่อยู่ วันหน้าข้าจะกลับมาใหม่ ”
ลู่หัวเห็นว่าแม้แต่ชาหญิงสาวก็ยังปฏิเสธที่จะดื่ม ขณะที่นางกำลังจะลุกจากไป เขาเองก็แทบไม่อาจระงับโทสะของตนที่เกิดขึ้นภายในใจ
ชายหนุ่มแสร้งทำเป็นยิ้ม “แม่นางตู้ไม่จำเป็นรีบกลับเช่นนี้ก็ได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้มีโอกาสพบปะกัน พวกเราควรจะสนทนาเรื่องที่เราต่างก็สนใจกัน ท้ายที่สุดแล้วทุก ๆ อย่างที่ชานเมืองล้วนอยู่ในกำมือของแม่นางตู้ ถ้าหากเจ้าไม่รู้อะไรเลย มันก็คงจะดูราวกับว่าข้าจงใจปิดบัง”
ตู้เหิงค่อย ๆ ขมวดคิ้ว ปริปากเอ่ยถาม “คุณชายลู่หมายความว่าอย่างไร?”
ลู่หัวยิ้มขึ้นด้วยใบหน้าหล่อเหลาและท่วงท่าสง่างามของคุณชายในเมืองหลวง “การร่วมมือกันของท่านอ๋องน้อยและแม่นางตู้ ตอนนี้ข้ามารับช่วงต่อแล้ว ข้าอยากจะสนิทสนมกับแม่นางตู้ให้มากกว่านี้ จึงเข้ามามีส่วนร่วม”
สถานการณ์ในราชสำนักช่วงนี้ตึงเครียดเป็นอย่างมาก เหมิงฉิงผู้ว่องไวและเฉียบแหลมสังเกตได้ว่าองค์จักรพรรดิกำลังจับตามองตนเองอยู่ในหลาย ๆ เรื่อง จึงไม่ยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้อง และให้ลู่หัวเข้ามาจัดการแทนตน
เพียงแค่การขุดเหมืองแร่เหล็กในเขตชานเมืองนั้นมีโทษร้ายแรงถึงขั้นก่อกบฏ โทษคือโดนยึดทรัพย์สินและประหารทิ้งทั้งตระกูล
หรือว่าลู่หัวจะเสียสติไปแล้วจึงคิดที่จะเข้าไปพัวพันกับเรื่องแบบนี้!
ในใจของตู้เหิงนั้นด่าทอความโง่เขลาของลู่หัวอยู่ในใจ แต่นางกลับพยักหน้าให้กับเขา “คุณชายหมายความว่าตอนนี้ท่านอ๋องน้อยจะไม่จัดการเรื่องนี้แล้วหรือ?”
ลู่หัวดื่มชาที่วางอยู่ด้านหน้าของตน รินเพิ่มให้กับตนเองอีกหนึ่งแก้ว ชายหนุ่มมองเห็นความหวังในแววตาของหญิงสาว “นี่คือความเชื่อใจของท่านอ๋องน้อย คำพูดของข้าก็คือคำพูดของท่านอ๋องน้อย”
ตู้เหิงไม่ลังเลเลยที่จะจ้องมองลู่หัว ภายในดวงตางดงามปรากฏแววตาเยาะเย้ยถากถางออกมา “ท่านพ่อของคุณชายรู้เรื่องราวทั้งหมดที่ท่านทำหรือไม่?”
ท่านพ่อของลู่หัวมีความประสงค์ที่จะให้ลูกของตนคบค้าสมาคมกับเหมิงฉิง แต่กลับลังเลที่จะขึ้นเรือลำนี้ไปพร้อมกับเหมิงฉิง
แต่ตอนนี้ลู่หัวจัดการอย่างเด็ดขาดแล้ว ชายหนุ่มเริ่มทำเรื่องยึดทรัพย์และฆ่าล้างตระกูลเพื่อเหมิงฉิง กว่าตระกูลลู่จะรู้สึกตัวก็คงสายไปเสียแล้ว
บุตรชายแท้ ๆ จะสามารถทำร้ายพ่อผู้ให้กำเนิดและตระกูลได้เช่นนี้หรือ?
ตู้เหิงผู้เป็นสตรีล้วนรู้เรื่องการกระทำเช่นนี้ของลู่หัว ถ้าหากว่าผู้คนในจวนตระกูลลู่รับรู้เข้าเรื่องราวจะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ
ลู่หัวเห็นความเหยียดหยามภายในเบื้องลึกของดวงตาหญิงสาว ความปรารถนาที่หวังจะได้ตัวนางกลับกลายเป็นเพลิงที่ปะทุขึ้น ราวกับสะเก็ดจากดวงดาวร่วงหล่นสู่ทุ่งหญ้าจนกลายเป็นทุ่งอัคคีในฤดูสารท
ชายหนุ่มมองดูความรู้สึกที่ไม่สะทกสะท้านภายใต้ม่านตาบนใบหน้านุ่มนวลของหญิงสาว “แม่นางตู้เพียงต้องการที่จะรู้ว่า ในวันข้างหน้าเจ้ากับข้าจะร่วมมือกันอย่างไรใช่หรือไม่?”
เขาเอ่ยพลางยกถ้วยชาขึ้น เป็นสัญญาณให้กับตู้เหิง
หญิงสาวหัวเราะเบา ๆ อย่างเย็นชาเพื่อปกปิดความรู้สึกภายในจิตใจไว้ แล้วหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบหนึ่งอึก
นับว่าทั้งสองคนกำลังประคองความสัมพันธ์ให้เข้ากันได้ดี
ตู้เหิงตัดสินใจที่จะนั่งอยู่ร้านต่ออีกสักพักเพื่อสนทนาต่อ
ในท้ายที่สุดทั้งสองคนก็สนทนากันแล้วเสร็จ ลู่หัวรู้สึกสบายใจไปทั่วทั้งตัว เช่นนี้ชายหนุ่มจึงตระหนักได้ว่าเขาเองก็ไม่ได้นั่งสนทนากับหญิงสาวด้วยท่าทีที่สงบสุขเช่นนี้มาเป็นเวลานานแล้ว
ตู้เหิงมองดูสีของท้องฟ้าแล้วเอ่ยคำลา “คุณชายลู่ เราสนทนากันได้พอสมควรแล้ว วันนี้ถึงเพียงแค่นี้เถอะ”
เมื่อลู่หัวเห็นหญิงสาวลุกยืนขึ้น ภายใต้ลำคอที่ละเอียดอ่อน ยังคงเป็นไหล่บางและเอวอันอ้อนแอ้นของหญิงสาวไม่สามารถสัมผัสได้ ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่รั้งนางไว้ “แม่นางตู้”
นางในเมื่อก่อนนั้นผอมบางขนาดนี้เชียวหรือ? หรือเป็นเพราะว่าสูญเสียครอบครัวจึงค่อย ๆ ซูบผอมลงมา?
ตู้เหิงหันกลับมา แววตาที่เย็นชาทั้งสองข้างเปี่ยมไปด้วยความสงสัย
หัวใจของลู่หัวอยากกล่าวบางสิ่ง ขณะกำลังจะเอ่ยปาก สุดท้ายก็ต้องเปลี่ยนไปพูดสิ่งอื่นแทน “แม่นางตู้ไม่ต้องกังวลไป เรื่องของร้านผ้าข้าจะหาวิธีจัดการแทนเจ้าเอง”
ตู้เหิงตะลึงไปครู่หนึ่ง เมื่อมองเห็นใบหน้าจริงจังของลู่หัว นางก็เกิดความรู้สึกมึนงงเล็กน้อย
ชาติที่แล้วก่อนที่นางจะตกลงตามสัญญาการแต่งงาน ตอนที่ชายหนุ่มสัญญาว่าจะดูแลนางไปตลอดชีวิต เขาก็ทำหน้าตาเช่นนี้ใช่หรือไม่? ในเวลานั้นชายหนุ่มมีท่าทางจริงใจและกระตือรือร้น ไม่อย่างนั้นนางคงไม่ตกลงปลงใจง่าย ๆ
ช่วงเวลาแห่งความทรงจำและความคิดถึงราวกับว่ามันไม่เคยมีอยู่นั้นหายวับไป และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ลู่หัวจะรับรู้อารมณ์และความรู้สึกจากสายตาของตู้เหิง
หญิงสาวกลับมาแสดงท่าทางเย็นชาอย่างรวดเร็ว นางเพียงแค่พยักหน้าอย่างยับยั้งชั่งใจ แล้วก็เดินลงชั้นล่างไป
เมื่อสิ้นเสียงฝีเท้าของตู้เหิง ลู่หัวก็นั่งลงอีกครั้ง สีหน้าของชายหนุ่มมีความคลุมเครือเป็นอย่างมาก ราวกับว่ากำลังดิ้นรนอยู่
หลังจากนั้นไม่นาน ฝีเท้าอันรวดเร็วก็ขึ้นมาที่ชั้นบน อาเหลียงก็ปรากฏตัวขึ้นที่ทางขึ้นบันได ชายหนุ่มตรงไปที่ด้านข้างของลู่หัวอย่างรวดเร็ว และพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “นายน้อยขอรับ นายน้อยขอรับ ท่านลองทายดูสิขอรับ ข้าไปสืบถามสาวใช้ของแม่นางตู้มาจนกระจ่างแล้วขอรับ ไม่ได้มีรายละเอียดอะไรมาก และก็ไม่ได้ชาญฉลาดแต่อย่างใด…”
ลู่หัวไม่ได้เข้าใจขึ้นมาทันที และเหลือบมองอาเหลียง “เจ้าจะสืบถามไปเพื่ออะไร?”
อาเหลียงจ้องมองลู่หัว “อาซู่ที่อยู่เคียงข้างแม่นางตู้แต่ก่อน นางป้องกันตัวเองชนิดที่ว่าไม่ให้ความลับรั่วไหลออกมาเลยขอรับ เวลานายน้อยจะทำการสิ่งใดก็ล้วนแต่ไม่สะดวก”
ลู่หัวขมวดคิ้ว กล่าวสั่งสอนอาเหลียง “วัน ๆ สมองเจ้าคิดอะไรบ้าง ความคิดที่ไม่ถูกทำนองคลองธรรม วันข้างหน้าก็คิดให้มันน้อย ๆ ลงหน่อย”
เมื่อเห็นว่าของนายน้อยเริ่มจะมีสีหน้าที่ไม่พอใจ แต่ก็ไม่ถึงขั้นโมโห ชายหนุ่มก็เอ่ยขึ้นเบา ๆ “นายน้อย ท่านปฏิบัติต่อแม่นางตู้อย่างดี คนทั้งเมืองหลวงต่างก็รับรู้ นอกจากนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะปัญหาของคุณหนูรองตู้ในวันนั้น ข้าเกรงว่าท่านและแม่นางตู้คงจะสนิทสนมกัน…ทัศนคติของแม่นางตู้ที่มีต่อท่านตอนนี้ นายน้อยนั้นไม่รีบร้อน แต้ข้ารีบร้อนแทนนายน้อยขอรับ”
ลู่หัวกล่าวอย่างเย็นชา “นี่ช่างเป็นฮ่องเต้ไม่รีบแต่ขันทีรีบซะเสียจริง”
ชายหนุ่มต้องการตัวตู้เหิง
แต่ก่อนตู้เหิงเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์ที่เป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดในเมืองหลวง ไม่ต้องพูดถึงสถานะของนาง เพียงรูปโฉมและพรสวรรค์ของนางอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ชายหนุ่มรูปงามที่ยังไม่แต่งงานต่างหมายปอง
แต่ตอนนี้นางตกต่ำลงแล้ว ผู้คนที่เคยหมายปองต่างหายไปไม่น้อย
รวมไปถึงลู่หัว ชายหนุ่มเองก็ไม่ได้มีความต้องการที่จะแต่งงานให้ถูกต้องตามประเพณีและให้ตู้เหิงมาเป็นภรรยา
ถึงแม้จะไม่สามารถเป็นภรรยาได้….ตู้เหิงก็เป็นของชายหนุ่มได้อยู่ดี
อาเหลียงและลู่หัวทั้งสองเติบโตมาด้วยกัน ชายหนุ่มจึงสัมผัสอารมณ์ของลู่หัวได้กระจ่าง “นายน้อยอย่าคิดมากไปเลย ให้ข้าจัดการเถอะขอรับ”
ลู่หัวกวาดสายตามองคนใช้ และกล่าวตักเตือน “จะมากเกินไปแล้วนะ”
อาเหลียงหยอกล้อนายของตน และกลับจวนอย่างมีความสุข
อาเหลียงเป็นพยาธิในท้องของลู่หัว นายน้อยอยากทำอะไร ไม่กล้าทำอะไร รังเกียจสิ่งใด เขาสามารถทำแทนนายน้อยได้หมด
เพียงแค่สตรีที่สูญเสียครอบครัว นายน้อยไม่อยากลงมือด้วยตัวเอง ชายหนุ่มจึงยินดีจะจัดการให้
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
นังตู้จะโดนรุมกินโต๊ะจีนไหม ทางร้านค้าก็มีปัญหา ทางด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลก็มีปัญหา เป็นเพราะหลงผู้คนเดียวแท้ ๆ หากหล่อนไม่หลงผู้จนโงหัวไม่ขึ้นขนาดนี้ ป่านนี้ก็ยังมีชีวิตสบาย ๆ เป็นคุณหนูแล้ว
ไหหม่า(海馬)