บทที่ 401 เหยาซูกลับมา
บทที่ 401 เหยาซูกลับมา
เนื่องด้วยความช่วยเหลือจากลู่หัว ข่าวลือของร้านขายผ้าจิ่นชิ่วจึงได้เงียบไป
เพียงแค่คนที่ถูกเหยาเฉานำตัวไปทั้งสามคนนั้น ในท้ายที่สุดมีคำตัดสินว่ามีความผิดในการรวมฝูงชนเพื่อสร้างปัญหา จึงถูกพิจารณาโทษเล็กน้อย พวกเขาถูกขังอยู่สองสามวันก่อนที่จะถูกปล่อยตัวออกมา
ตั้งแต่ตอนนั้นร้านขายผ้าจิ่นชิ่วและร้านขายผ้าเหยาจี้ก็เกิดความบาดหมางกันอย่างมหันต์ กิจการของทั้งสองร้านต่างแข่งขันและไม่ยอมเปิดทางให้กัน เมื่อคนงานของทั้งสองร้านพบกันบนถนน ก็มักจะมีปากเสียงกันอยู่บ่อยครั้ง
เหยาซูและเหยาเฟิงได้รับจดหมายที่ทางบ้านส่งไปให้ โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพร่างกายของสะใภ้ใหญ่ ทั้งสองจึงตกลงกันว่าจะกลับบ้านให้เร็วขึ้น
ดีที่ผ้าจำนวนหนึ่งจำเป็นต้องขนกลับมายังร้าน พวกเขาจึงได้ฝากของไว้กับหน่วยงานคุ้มกันในท้องถิ่นและให้เงินจำนวนหนึ่งเพื่อขอให้หน่วยงานคุ้มกันนำผ้าไปส่งที่เมืองหลวง สองพี่น้องจะได้รีบเดินทางกลับมาก่อนอย่างสะดวกสบายมากขึ้นโดยไม่ต้องพะวงกับข้าวของ
ทั้งคู่ยังไม่ได้ส่งจดหมายกลับมาที่บ้าน ส่วนคนในจวนตระกูลเหยาเองต่างก็ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังจะเดินทางกลับมา
เมื่อเหยาซูและเหยาเฟิงกลับมาถึงบ้าน พวกเด็ก ๆ ต่างก็ตกตะลึงเล็กน้อย ก่อนที่จะโผล่เข้าไปขอให้เหยาเฟิงเล่าเรื่องราวที่ชายหนุ่มพบระหว่างการเดินทาง
เหยาซูรู้ว่าพี่ใหญ่ของตนนั้นเป็นห่วงพี่สะใภ้ใหญ่เป็นอย่างมาก หญิงสาวจึงกล่าวรับมือกับพวกเด็ก ๆ “เอาละ เอาละ ไปห้องโถงด้านหน้ากับข้ากัน ข้าซื้อของมาให้พวกเจ้าทั้งหมดด้วย”
เมื่อเด็ก ๆ ทั้งสามคนถูกดึงดูดความสนใจ ผลปรากฏว่าต่างก็เดินตามเหยาซูไปในที่สุด
เหยาเฟิงรีบไปหาภรรยาของตน เมื่อพบว่าใบหน้าแดง ๆ ของนางนั้น ชายหนุ่มก็โล่งใจเป็นอย่างมาก
สะใภ้ใหญ่เห็นว่าจู่ ๆ เหยาเฟิงก็กลับมาอย่างกะทันหัน จึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ “นับเวลาดูแล้วเหลืออีกตั้งครึ่งเดือน เหตุใดจึงกลับมาก่อนเล่า?”
เหยาเฟิงเช็ดมือและใบหน้าของตน เปลี่ยนเสื้อคลุมที่สะอาด ก่อนที่จะตรงเขาไปหาภรรยาของตน จากนั้นก็กุมมือหญิงสาวไว้
ชายหนุ่มกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ได้ยินมาว่าเจ้าอาเจียนใช่หรือไม่? ข้ากับอาซูกังวลยิ่งนักจึงรีบกลับมา”
ทั้งคู่อยู่ด้วยกันมานานนับสิบปี น้อยมากที่ทั้งคู่จะทะเลาะกัน
พี่สะใภ้ใหญ่รู้สึกอบอุ่นในใจเมื่อเห็นว่าผู้เป็นสามีให้ความสำคัญกับนางมากขนาดไหน
หญิงสาวยิ้มขึ้น “ข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก ท่านไม่ต้องเป็นกังวล ท่านกับอาซูจัดการเรื่องต่าง ๆ เสร็จแล้วหรือยัง?”
เหยาเฟิงพยักหน้า “จัดการเสร็จแล้ว เลยรีบกลับมาเพราะคิดถึงเจ้ากับลูก”
ว่าพลางชายหนุ่มวางฝ่ามืออันอบอุ่นลงบนท้องที่นูนขึ้นเล็กน้อยของภรรยาแผ่วเบา และยิ้มให้กับชีวิตน้อย ๆ ภายใต้ฝ่ามือของตน “พ่อกลับมาหาเจ้าและแม่แล้ว เจ้าดีใจไหม?”
สะใภ้ใหญ่คลี่ยิ้ม “ท่านพูดกับลูกไปเขาก็ไม่ได้ยินหรอก…ต่อให้ได้ยิน ก็ฟังไม่รู้เรื่อง”
เหยาเฟิงหัวเราะแล้วส่ายหน้า “อาซูบอกกับข้าว่าถึงแม้ว่าทารกในท้องจะไม่ได้ยิน จะไม่เข้าใจคำพูดของมนุษย์ แต่ก็สามารถสัมผัสถึงอารมณ์ของผู้พูดได้ เวลาที่เราพูดคุยกับเขาบ่อย ๆ เด็กน้อยจะรับรู้ได้ว่าข้ารักเขาและรอคอยเขาเพียงใด เช่นนี้แล้วเขาจึงจะออกมาอย่างราบรื่น”
เมื่อสะใภ้ใหญ่ได้ยินคำพูดที่จริงใจจากสามีของตน หญิงสาวก็ค่อย ๆ ลืมตา
สตรีที่ตั้งครรภ์นั้นมีอารมณ์อ่อนไหว ในช่วงสองสามวันที่เหยาเฟิงไม่อยู่นั้น ในใจของหญิงสาวมีความคับข้องใจมากมาย เพียงแต่นางไม่ต้องการที่จะแสดงออกมา
ยามนี้เมื่ออีกฝ่ายมองนางด้วยสายตาหวงแหน ความกลัดกลุ้มใจทั้งหมดของนาง พลันแปรเปลี่ยนเป็นความรัก หญิงสาวยิ้มกับสามี “ท่านคิดเช่นนี้แล้ว ข้าล่ะชอบจริง ๆ และข้าก็เชื่อว่าลูกเองก็มีความสุขด้วยเช่นกัน”
สองสามีภรรยาสนทนากันอย่างรักใคร่ และพูดคุยเรื่องราวของสถานการณ์ที่บ้าน จนกระทั่งมีคนรับใช้เขามาเรียกที่บ้าน ทั้งคู่จึงกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง
เมื่อสะใภ้ใหญ่เหยารู้ตัวว่าเวลาได้ผ่านไปแล้ว นางก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ “นี่ ค่ำขนาดนี้แล้ว ท่านพ่อกับท่านแม่คงจะมารอพวกเราที่ห้องโถงด้านหน้าแล้วแน่ ๆ”
เหยาเฟิงยิ้มแล้วจับมือหญิงสาว “ท่านพ่อกับท่านแม่ไม่ว่าพวกเราหรอก”
สะใภ้ใหญ่ขมวดคิ้ว “เป็นลูกจะให้ท่านพ่อท่านแม่รอได้เยี่ยงไร ต่อให้ท่านพ่อท่านแม่ไม่ได้ถือโทษโกรธเคือง แต่เราไม่ควรยึดถือความเมตตาเช่นนี้เอาไว้ รีบไปกันเถอะ!”
ในวันที่พ่อเฒ่าเหยาเลือกภรรยาให้กับเหยาเฟิงในวันนั้น สิ่งที่ให้ความสำคัญที่สุดคือการอบรมเลี้ยงดูของสะใภ้ใหญ่
ต่อมาก็ดูคุณลักษณะของผู้คนในหมู่บ้านและชื่อเสียงของตระกูลเหมียว ปรากฏว่าหลังจากที่เหมียวจวนแต่งงานแล้ว นางสามารถจัดการในทุก ๆ ส่วนได้สมบูรณ์และปราดเปรียวคล่องแคล่ว อีกทั้งนางยังเป็นคนที่มีความกตัญญูเป็นอย่างมาก
ครั้นแต่งงานใหม่ ๆ ในแง่ของความรู้สึก เหยาเฟิงย่อมไม่อาจรักคนแปลกหน้าได้
แต่เมื่อทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตร่วมกัน มีบุตร ให้เกียรติพ่อแม่ บัดนี้เหยาเฟิงถือว่าภรรยาเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของตนไปแล้ว
เมื่อเขาได้รับจดหมายแล้วรู้ว่าภรรยาของตนอาเจียน เหยาเฟิงรู้สึกกังวลและหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ชายหนุ่มกุมมือหญิงสาว แล้วเอ่ยอย่างตั้งใจ “อาจวน ข้าโชคดีเหลือเกินที่มีเจ้า ถ้าหากว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเจ้า ข้าคงไม่รู้ว่าจะต้องทำเช่นไรจริง ๆ”
สะใภ้ใหญ่ยิ้ม และเอ่ยขึ้นเบา ๆ “ไม่มีทางเกิดเรื่องขึ้นกับข้าหรอก อาเฟิง พวกเรารีบไปกันเถอะ”
ทั้งสองสามีภรรยาต่างก็ไปห้องโถงด้านหน้า
ในห้องโถงด้านหน้า พ่อเฒ่าเหยาและแม่เฒ่าเหยานั่งอยู่บริเวณหัวโต๊ะ เด็ก ๆ สามคนล้อมคนชราอยู่
เหยาซูเปลี่ยนเสื้อผ้ามาแล้ว ยามนี้หญิงสาวกำลังพูดคุยกับพี่สะใภ้รอง
เมื่อเห็นทั้งคู่ตามเข้ามา สะใภ้รองก็กล่าวทักทายขึ้น “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ พี่ใหญ่ช่างดูอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก ดูเหมือนท่านคงอยากจะกลับมามาก การเดินทางก็คงจะรื่นรมย์ดี”
เหยาเฟิงคลี่ยิ้ม ชายหนุ่มเห็นภรรยานั่งลง ชายหนุ่มโค้งคำนับน้องชายและน้องสาวหนึ่งครั้ง แล้วกล่าวขึ้นด้วยความรู้สึกขอบคุณ “ไม่กี่วันมานี้ต้องขอขอบคุณพวกเจ้าที่ดูแลอาจวน เนื่องจากอยู่ต่างแดน ก็มีพวกเจ้ามาคอยใส่ใจดูแล พี่ใหญ่ขอบคุณพวกเจ้า”
สะใภ้รองโบกมือและกล่าวว่า “ไม่ ไม่ พี่ใหญ่ท่านทำอะไรน่ะ? ท่านแม่คอยดูแลพี่สะใภ้ใหญ่มาโดยตลอด ข้าทำอะไรไม่ได้เลย และก็ยังอยากจะบอกอีกว่า ก่อนหน้านี้เรื่องที่ร้านขายผ้า ข้าเองก็ไม่ได้ดูแลพี่สะใภ้ใหญ่ ข้าเองก็รู้สึกผิดเป็นอย่างมาก…”
เหยาเฟิงส่ายหัว “เรื่องนี้ถ้าจะเป็นความผิดใครก็ต้องเป็นข้าที่ไม่ได้กำชับไว้ให้ดี ร้านขายผ้าจิ่นชิ่วก็ขัดแย้งกับร้านเรามานานแล้ว ประกอบกับเจ้าของเองก็ขัดแย้งกับตระกูลเรามาก่อน ก่อนที่ข้าจะไปควรจะกำชับเถ้าแก่อู๋ไว้ก่อน”
กิจการร้านขายผ้าเหยาจี้มีเหยาซูเป็นผู้ดูแล และเรื่องอื่น ๆ จะเป็นเหยาเฟิงที่เป็นผู้จัดการ
สะใภ้ใหญ่รู้ว่าภายในใจของสามีเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด หญิงสาวจึงยิ้มและเอ่ยขึ้น “เอาละ พวกเราไม่ถือโทษโกรธเคืองกัน ถ้ากล่าวถึงความรับผิดชอบ ข้าเองก็กล่าวได้ว่าข้าเองก็ไม่ควรจะพาลูกเข้าไปเผชิญกับเหตุการณ์แบบนั้น…เมื่อพิจารณาแล้ว ก็ต้องเป็นความรับผิดชอบของร้ายขายผ้าจิ่นชิ่ว”
เหยาซูพยักหน้า “พี่สะใภ้ใหญ่พูดได้มีเหตุผล ขัดแย้งกันไปขัดแย้งกันมา เหตุใดร้านขายผ้าจิ่นชิ่วซึ่งทำผิดจึงลอยตัวเล่า?”
เหยาเฟิงขมวดคิ้ว “ไม่แน่ว่าร้านจิ่นชิ่วอาจเห็นว่าข้าและอาซูออกไปต่างเมือง เหยาเฉาเองก็ไม่ได้อยู่บ่อย ๆ เช่นนี้จึงถือโอกาสนี้มารังแกพวกเรา ตอนนี้พวกเราสองคนกลับมาแล้ว พวกเขาก็ควรจะได้รับบทเรียนด้วยเช่นกัน”
ในขณะที่เหล่าผู้ใหญ่กำลังสนทนากันอยู่ เด็ก ๆ ทั้งสามคนต่างก็มองตากัน ไม่มีใครเอ่ยสิ่งใดออกมา
สะใภ้รองรู้แค่เพียงแค่ว่าพวกเด็ก ๆ ออกไปวิ่งเล่น ดีที่สุดคือไม่ให้พวกผู้ใหญ่รับรู้
ตรงกันข้ามกับเหยาซูที่เอ่ยถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ “แต่ระหว่างเดินทางกลับ ข้าได้ยินมาว่าร้านขายผ้าจิ่นชิ่วกำลังมีปัญหา เมื่อดูจากข่าวลือแล้ว ข้าคิดว่าดูเหมือนมีคนจงใจทำให้เกิดข่าวลือขึ้น”
เหยาต้าหลางและเหยาเอ้อหลางใจเต้นขึ้นมา ตรงกันข้ามกับอาซือ ที่ดูราวกับว่าสิ่งที่เหยาซูได้เอ่ยขึ้นนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องกับนางแต่อย่างใด
สาวน้อยเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ท่านแม่ ท่านรู้ได้อย่างไรว่ามีคนจงใจสร้างเรื่องขึ้นมา ไม่ใช่ปัญหาของร้านขายผ้าของพวกเขาเองเจ้าคะ?”
เหยาซูยิ้มให้กับบุตรสาว และอธิบาย “ถ้าหากร้านขายผ้าจิ่นชิ่วมีปัญหาจริง ๆ ตอนนี้ประตูของศาลาว่าการคงล้นไปด้วยผู้คนแล้ว ถ้าหากผู้เสียหายได้รับความทุกข์ทรมาน เป็นไปไม่ได้ที่จะเพียงแค่ร้องห่มร้องไห้ป่าวประกาศว่าตนไม่ได้รับความยุติธรรม แต่กลับไม่ไปร้านขายผ้า เห็นได้ชัดว่ามีคนใช้วีธีการแสดงละครบังหน้า”
อาซือหัวเราะ จนแก้มบนใบหน้ารูปไข่ปรากฏลักยิ้มหวาน ๆ ขึ้น “ท่านแม่เก่งกาจจริง ๆ เจ้าค่ะ”
เหยาต้าหลางและเหยาเอ้อหลางสบตากัน ในมือของเด็กทั้งสองมีเม็ดเหงื่อผุดซึมออกมาเต็มไปหมด “การแสดงของพวกเขานั้นร้ายกาจยิ่งนัก”
นางสงบนิ่งโดยไม่แสดงอาการแม้แต่น้อยได้อย่างไร?
เด็กทั้งสามคนจงใจปกปิดเรื่องนี้ และตระกูลเหยาก็ไม่ได้คิดว่าข่าวลือที่รุนแรงจนส่งผลกระทบต่อร้านขายผ้าจิ่นชิ่วจะมีตัวการเป็นเด็กสองสามคนผู้ทำให้แพร่กระจายออกไป
สำหรับคนในเมืองหลวง ต่างก็ไม่มีผู้ใดรู้ที่มาของข่าวลือนี้
ครั้นเมื่ออยู่คนเดียว อาซือกระซิบกับพี่ชายทั้งสองของนางว่า “พี่ ๆ แผนการของเราครั้งนี้ อย่าให้คนที่บ้านรับรู้เด็ดขาดเล่า”
เหยาต้าหลางพยักหน้า ส่วนเหยาเอ้อหลางมีท่าทีลังเลเหมือนอยากจะกล่าวอะไรสักอย่าง
อาซือเบิกตากว้าง จ้องไปที่เอ้อหลางและพูดว่า “พี่รอง! ท่านได้ยินไหม?”
ตอนนี้เอ้อหลางรู้สึกชื่นชมอาซือสุดจะพรรณนา เมื่อเห็นท่าทางลูกพี่ลูกน้องของเขา ก็รีบตกลงโดยพลัน “ได้ยินแล้ว ได้ยินแล้ว ไม่บอกพวกผู้ใหญ่…แต่ว่าอาซือ ถ้าบอกกับพวกผู้ใหญ่ มันจะเป็นอย่างไร? พวกเขาจะไม่ปิดบังให้เราหรือ?”
อาซือหมดหนทาง จึงต้องอธิบาย “ไม่ได้กลัวว่าร้านจิ่วชิ่วจะรู้ พี่รองท่านตรองดูสิ หากเราบอกคนที่บ้านถึงแผนการที่ยิ่งใหญ่ของพวกเราสามคน ถ้าในวันข้างหน้ามีเรื่องเช่นนี้ให้ทำอีก จะยากลำบากกว่าเดิมอย่างไรเล่า”
“อ๋อ” เอ้อหลางตอบกลับ
ต้าหลางที่เข้าใจความหมายอาซือมาตั้งแต่ต้น ก็ได้อธิบายแทนน้องสาว “เอ้อหลาง โดยปกติแล้วพวกเราไม่ค่อยมีเรื่องทะเลาะวิวาท พวกผู้ใหญ่ก็กำชับไว้ แต่จริง ๆ แล้วมันไม่มีข้อจำกัดอิสรภาพของพวกเรา แต่ถ้าใครรับรู้แผนการนี้ เกรงว่าในอนาคตเราจะโดนกักตัว ไม่ให้ออกไปสร้างปัญหาได้”
เอ้อหลางยิ้ม “สร้างปัญหาหรือ? เห็น ๆ อยู่ว่าพวกเราทำความดีความชอบ”
อาซือและต้าหลางสบตากัน ต่างก็ไม่รู้จะทำเช่นไรแล้ว
และในท้ายที่สุดเด็กหญิงก็กล่าวขึ้น “พี่รอง พี่ทำตามพวกเราก็พอแล้ว!”
“อืม อา” เอ้อหลางตอบสองคำ แสดงให้ถึงว่าตนนั้นได้ยินแล้ว
เรื่องราวหลังจากนี้? ใครจะสนใจสิ่งเหล่านั้นกันเล่า?
…………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
แสบนักนะเจ้าเด็กสามหน่อนี่ โดยเฉพาะอาซือนี่ไม่ทิ้งลายนางร้ายนิยายต้นฉบับเลย
ไหหม่า(海馬)