บทที่ 458 อาซือป่วยเสียแล้ว
บทที่ 458 อาซือป่วยเสียแล้ว
เจี่ยงฉี่รับเข้าไปคว้าตัวเจี่ยงเฉิงไว้ “เถิงเอ๋อ เจ้าใจเย็นหน่อยสิ”
สาวใช้ที่มารายงานตกใจกับสีหน้าที่ร้อนรนของเจี่ยงเถิง นางได้แต่อยู่เฉย ๆ ไม่รู้จะกล่าวอะไรออกมา
เจี่ยงเถิงจึงพลันได้สติขึ้นมาได้ว่าการกระทำของตนนั้นไม่เหมาะสม
ตอนนี้เขาอยู่ที่จวนท่านแม่ทัพ ตนเองมาเพื่อกล่าวขอบคุณกับท่านแม่ ควรจะอยู่ที่ห้องโถงเพื่อรอเจ้าบ้าน ไม่ใช่จะถลันเข้าไปห้องส่วนตัวของสตรีในบ้านผู้อื่น
เจี่ยงเถิงหลับตาลง หลังจากนั้นเจี่ยงฉีก็เข้ามาคว้าแขนของเด็กหนุ่มเอาไว้แน่น เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นเบา ๆ “ท่านแม่ ข้าเข้าใจแล้วขอรับ”
เจี่ยงฉีถอนหายใจด้วยความโล่งใจ ก่อนดึงเจี่ยงเถิงกลับมานั่งและรินชาให้ลูกชายหนึ่งจอก
ตอนที่ทั้งสองยังเด็กก็ไม่ได้ไร้มารยาทเช่นนี้ แต่นางก็เข้าใจว่าความกังวลจะนำมาซึ่งความโกลาหล
“รออีกสักครู่เดี๋ยวท่านอาซูของเจ้าก็จะมา หลังจากที่ถามไถ่กันเจ้าค่อยไปก็ยังไม่สาย”
เจี่ยงฉีส่งชาในมือให้กับเจี่ยงเถิง “ดื่มชาสักหน่อยจะได้ใจเย็นหน่อย ดูหน้าเจ้าสิ จะทำให้เอ้อเป่าตกใจเอานะ”
ภายในหัวของเจี่ยงเถิงสับสนวุ่นวาย พยายามควบคุมตนไม่ให้พูดจาเรื่อยเปื่อย
เจี่ยงฉีถอนหายใจอีกครั้ง นางไม่ต้องการบีบบังคับลูกชาย
เจ้าเด็กโง่คนนี้
ยามชาร้อนในมือของเจี่ยงเถิงเย็นลง เหยาซูก็ได้เดินออกมา
“ปล่อยให้พี่เจี่ยงรออยู่นาน แต่ก็ทิ้งเอ้อเป่าไม่ได้”
เสียงของเหยาซูดังขึ้นมาก่อน เจี่ยงฉีรีบลุกขึ้นต้อนรับทันที
ตอนนี้อากาศในสารทฤดูกำลังเย็นสบาย แต่ในตอนที่เหยาซูมาถึงนั้น ใบหน้าของหญิงสาวกลับเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ไรผมเปียกโชก เห็นได้ชัดว่าหลังเพิ่งปลอบขวัญอาซือเสร็จ นางก็รีบร้อนมาหาในทันทีที่ได้รับข่าวว่าพวกเขาเดินทางมา
เจี่ยงฉีดึงมือของเหยาซูพลันได้กลิ่นยามาจากตัวของอีกฝ่าย เห็นได้ชัดว่านางคอยดูแลหลินซือมาโดยตลอด ภายในใจบังเกิดความรู้สึกผิดขึ้น จึงเอ่ยขึ้นอย่างนุ่มนวล “อาซู เจ้าพูดอะไร การดูแลลูกเป็นเรื่องที่ต้องมาก่อน และพวกเราเองก็มาอย่างกะทันหัน”
เหยาซูถอนหายใจ หญิงสาวยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “เอ้อเป่าไม่ได้ป่วยมาหลายปีแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อวานนางไปทำอะไรมา ตอนกลับมาเสื้อผ้าล้วนเปียกโชกไปหมดทั้งตัว ไม่ยอมคุยกับใคร ทั้งยังให้คนรับใช้ออกจากห้อง หากไม่ใช่ว่าเมื่อคืนข้าเป็นกังวลจึงเข้าไปดู ก็คงไม่รู้ว่านางเป็นไข้ ป่วยครานี้รุนแรงมากจนต้าเป่าและพ่อของเขาออกไปเชิญหมอหลวงมา โชคดีที่เป็นเพียงแค่ไข้หวัด ทานยาสักสองวันก็ดีขึ้น”
“ไข้หวัดอะไรกันไยจึงรุนแรงเช่นนี้ขอรับ?”
ถึงแม้จะรู้ดีว่าการวินิฉัยของหมอหลวงไม่มีทางมีปัญหา เจี่ยงเถิงก็อดที่จะเอ่ยขึ้นไม่ได้
“หมอหลวงบอกว่า” เหยาซูลังเลเล็กน้อย “บอกว่าเอ้อเป่ากำลังกลัดกลุ้มใจ”
หญิงสาวถอนหายใจอีกครั้ง ลูก ๆ โตขึ้นจนมีเรื่องรบกวนใจแล้ว
ลูกสาวคนนี้เหยาซูเลี้ยงมากับมือ ดังนั้นนางจึงรู้ดีว่าหลินซือไม่ได้มีนิสัยเหมือนกับในหนังสือ ต้องเป็นเพราะเรื่องอื่นแน่ ๆ ที่ทำให้เด็กสาวกลัดกลุ้มใจ
หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย “หรือจะเป็นเรื่องของร้านค้า?”
เจี่ยงเถิงได้แต่ก้มหน้าและถือถ้วยชาที่อยู่ในมือแน่นโดยที่ไม่กล่าวอะไรออกมา
เจี่ยงฉีปลอบอีกฝ่ายสองประโยค เอ่ยขึ้นด้วยความลังเล “อาซู เรื่องนี้พวกเราก็มีส่วนที่จะต้องรับผิดชอบ”
เหยาซูชะงักงัน และมองดูสหายของตนด้วยความสงสัย “เกี่ยวกับพวกท่านอย่างไร?”
“ท่านแม่ ข้าขอพูดเองนะขอรับ”
เจี่ยงเถิงเอ่ยขึ้นก่อนเจี่ยงฉี
เจี่ยงฉีสบตากับลูกชาย “เจ้าพูดก็ดี”
ดวงตาของเจี่ยงเถิงเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกผิด เด็กชายได้เล่าเรื่องราวที่เมื่อวานตนเข้าไปในพระราชวังหนึ่งรอบ แต่เด็กหนุ่มปิดบังเรื่องระหว่างเขาและเซี่ยเชียนไว้
“ข้าได้ยินมาว่าเรื่องของเถิงเอ๋อรุนแรงนัก เวลานั้นหลินซือก็มาถึงจวนของพวกเราพอดี หลังจากนั้นนางก็รับรู้เรื่องนี้” เจี่ยงฉีกล่าวเสริม “อาซือเป็นเด็กดี เมื่อได้ยินเวลานั้นก็หมายรีบกลับจวนไปขอความช่วยเหลือ เมื่อนางออกไปถึงประตูบ้านเถิงเอ๋อก็กลับมาพอดี”
“อาซือทะเลาะกับข้าหนึ่งรอบ ที่นางป่วยล้วนเป็นเพราะข้าขอรับ” เจี่ยงเถิงก้มหน้าลงกล่าวเสียงอู้อี้
เหยาซูที่เฝ้ามองเจี่ยงเถิงเติบโตขึ้น เมื่อฟังเด็กหนุ่มกล่าวจบก็ไม่ได้คิดโทษเจี่ยงเถิงแต่อย่างใด นางเพียงรู้สึกว่าเด็กหญิงไม่เข้าใจความรู้สึกตนเอง และกลัวว่าจะเป็นเรื่องเสียหาย ถึงเอ่ยอย่างสำรวม “เอ้อเป่าเองก็ตื่นแล้ว เจ้าไปดูนางสิ ตอนที่นางละเมอก็ได้เอ่ยชื่อของเจ้าด้วย”
ประโยคสุดท้ายนั้นนับว่าเป็นประโยคสำคัญ
เจี่ยงเถิงดวงตาเป็นประกายขึ้นมา เด็กหนุ่มมองดูเหยาซูด้วยความประหลาดใจ
“รีบไปเถิด” เหยาซูยิ้มกับเด็กหนุ่ม
“ท่านแม่ ท่านอาซู ข้าขอตัวลาขอรับ”
เจี่ยงเถิงรีบโค้งคำนับให้กับทั้งสองอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาก็ไม่เห็นเงาของเด็กหนุ่มแล้ว
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อาเถิงเป็นห่วงน้องมากจริง ๆ ขอให้คืนดีเกี่ยวก้อยกันนะ
ไหหม่า(海馬)