ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] – บทที่ 479 หาเรื่องทะเลาะ

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

บทที่ 479 หาเรื่องทะเลาะ

บทที่ 479 หาเรื่องทะเลาะ

“พวกเจ้าไปกันเถอะ” ตู้เหิงข่มความโกรธไว้ในใจแล้วปล่อยสองพี่น้องไป

“อาเหยา มานี่” ตู้เหิงรีบกวักมือเรียกลู่เหยาที่อยู่ข้างรถม้า ลู่เหยาเดินเข้ามาด้วยความกระวนกระวายใจ

ตู้เหิงจัดผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงให้กับอีกฝ่ายอย่างเอาใจใส่ด้วยสีหน้าอ่อนโยน หลังจากที่มองอยู่ครู่หนึ่ง ก็ดึงปิ่นที่ปักอยู่บนเรือนผมของตัวเองออกมาปักลงบนมวยผมของนาง

บนปิ่นด้านนั้นประดับด้วยหยกมรกตขนาดใหญ่หนึ่งชิ้น ดูไปแล้วราคาของมันน่าจะมีราคาแพงไม่น้อย

แต่ยามปักอยู่บนเส้นผมของสาวน้อยอย่างลู่เหยากลับดูเหมือนหัวมังกุท้ายมังกรไม่เข้ากันอย่างชัดเจน

แต่ตู้เหิงกลับพอใจมาก มองพิจารณาซ้ายทีขวาที จากนั้นก็คลี่ยิ้มและพยักหน้าให้กับลู่เหยา สุดท้ายก็จูงมือนางเดินเข้าไปในร้านหยกอวี้ฝู

ร้านหยกอวี้ฝูมีลูกค้าไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นสตรีมาซื้อเครื่องประดับเหล่านั้น แต่หลังจากที่อวี้อวี้เข้ามา วิธีการแกะสลักที่ละเอียดอ่อนและเป็นเอกลักษณ์ของเขาได้ดึงดูดบุคคลที่มีชื่อเสียงค่อนข้างเฉพาะทางเข้ามาบางส่วน

วันนี้หลินซืออยู่หลังร้านพอดี กำลังเจียระไนจี้หยกที่ตั้งใจทำให้เจี่ยงเถิงทีละนิด

ด้วยความช่วยเหลือของอวี้อวี้ หลินซือจึงทำได้อย่างรวดเร็ว เพราะมีอีกหลายส่วนที่นางไม่กล้าลงมือ อวี้อวี้จึงต้องคอยเจียระไนก่อนแล้วให้นางเจียระไนมันออกมาอีกที

จริงอยู่ที่วิธีเช่นนี้ประหยัดเวลาไม่น้อย แต่หลินซือมักรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ฝีมือของนางทั้งหมด ในใจจึงเซื่องซึมหลายส่วน

อวี้อวี้กล่าวด้วยรอยยิ้มกับนางว่ามีความสุขอยู่กับตัวแต่กลับไม่เห็นค่า มีผู้คนตั้งไม่รู้เท่าไรมาขอร้องให้เขาลงมีดแต่เขาปฏิเสธ ตอนนี้เขาให้หลินซือลงมือน้อยมากยังจะกล้าไม่พอใจมันอีก

หลินซือจะทำอย่างไรได้ นอกจากกล่าวขอบคุณอย่างซาบซึ้งใจ แล้วฝังคำวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้นไว้ในใจ

ตอนนี้มาถึงช่วงเวลาขัดเงาเป็นขั้นตอนสุดท้าย ไม่ว่าอย่างไรหลินซือก็ไม่ให้อวี้อวี้ต้องลงมือเองอีก

อวี้อวี้แสยะยิ้มเย็น รู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองกลายเป็นคนที่อยากเข้าไปขอช่วยหลินซือทำของเล่นชิ้นนี้เสียเอง มันน่าขายหน้าชะมัด

อีกอย่างครั้นถึงตอนขัดเงา ถ้าหลินซือฉลาดมากพอคงจะไม่เกิดข้อผิดพลาด เขาเลยฉวยโอกาสเพิกเฉยนาง แล้วทำของของตัวเองต่อไป

“คุณหนู คุณหนูขอรับ!”

ขณะที่หลินซือกำลังหมกมุ่นกับการเจียระไนจี้หยกอยู่นั้น

ทันใดนั้น เถ้าแก่ร้านก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามาหลังร้าน แล้วพูดอย่างลนลานว่า “คุณหนู มีคนมาหาเรื่องทะเลาะอยู่ด้านนอก ต้องการให้คุณหนูออกไปขอรับ”

“หาเรื่องทะเลาะ?”

หลินซืองงงันไปชั่วขณะ ร้านของตัวเองเพิ่งเปิดได้ไม่กี่วัน ไม่เคยไปล่วงเกินผู้ใด เหตุใดตัวเองถึงมีศัตรูอยากโค่นล้มเร็วเพียงนี้?

“ใครกัน?”

หลินซือนำจี้หยกที่ยังทำไม่เสร็จเก็บไว้อย่างดี ก่อนจะลุกขึ้นเช็ดมือพลางถาม

ความจริงแล้วนางค่อนข้างเป็นกังวลมาก ถ้าอีกฝ่ายมาทำลายร้านจริง ตัวเองและลูกจ้างอีกสองสามคนจะรับมือกันได้หรือไม่?

หลินซือมองไปทางร่างสูงและซูบผอมของเถ้าแก่ร้าน คิดว่าไม่น่าจะรับมือได้

“คุณหนู เป็นฮูหยินท่านหนึ่ง ทั้งยังพาเด็กมาด้วยอีกคนขอรับ”

ฝีเท้าของเถ้าแก่ร้านเร่งรีบพาหลินซือเข้าไปในตัวร้าน เดินไปคุยไป

ฮูหยิน ทั้งยังพาเด็กมาด้วย…

หลินซือวางใจลงเล็กน้อย น่าจะไม่ได้มาสร้างปัญหา

“รูปแบบของหยกที่เจ้าทำเป็นแบบที่ลอกเลียนมาจากร้านหยกอวี้หยวน! ไปเรียกเจ้าของร้านของพวกเจ้าออกมาเดี๋ยวนี้ ข้าต้องการถามนางให้รู้เรื่อง อยู่ตรงข้ามร้านหยกอวี้หยวนแท้ ๆ ยังกล้าลอกเลียนเช่นนี้ นางคงจะหน้าหนาหลายชั้นเลยสิท่า!”

ยังไม่ทันจะย่างพ้นประตู เสียงที่แหลมปรี๊ดก็ดังเข้ามาในหูของหลินซือ

หลินซือสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เก็บอารมณ์ทางสีหน้าแล้วเดินเข้าไปในร้าน จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฮูหยิน ท่านพูดจาเหลวไหล จะมาใส่ร้ายเราไม่ได้ เครื่องประดับหยกของเราเป็นหยกที่เราได้เชิญช่างที่มีความชำนาญมาออกแบบให้ เหตุใดจะต้องเลียนแบบร้านหยกอวี้หยวนด้วยเล่า?”

“เจ้าคือหลินซือ?”

ตู้เหิงหมุนตัว สายตามองพิจารณาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้ารอบหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วพูด

“ข้าเอง ท่านรู้จักข้าด้วยหรือ?” หลินซือค่อนข้างประหลาดใจ นางไม่ได้ป่าวประกาศเรื่องที่ตัวเองเป็นเจ้าของร้านหยกอวี้ฝูแต่อย่างใด เหตุใดถึงมีคนที่ไม่รู้จักรู้เรื่องนี้ได้

ทว่าเมื่อนางมองดี ๆ ก็รู้สึกคุ้นตา คล้ายว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน

ตู้เหิง… ตู้เหิง? อ่า อ่อ จำได้แล้ว!

“ข้ารู้จักเจ้า” ตู้เหิงกล่าวเสียงเย็นชา

“ที่แท้ก็สหายของท่านแม่นี่เอง” หลิวซือเก็บอารมณ์ทางสีหน้า จากนั้นก็แสร้งถามอย่างระมัดระวัง “ท่านป้า เครื่องประดับหยกของเราล้วนเป็นหยกที่ออกแบบเองทั้งสิ้น ไม่มีการลอกเลียนแบบเกิดขึ้นแน่นอน”

ตู้เหิงพ่นลมหายใจเย็นชา จากนั้นก็หยิบปิ่นด้ามหนึ่งของตัวเองออกมา วางลงบนตู้วางสินค้า “เจ้าดูสิ ให้ทุกคนดูด้วย รูปแบบเหมือนกันหรือไม่”

ครั้นลูกค้าจำนวนมากรอบตัวได้ยินดังนั้นก็รุดหน้าเข้ามาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น หลังจากดูแล้วก็ทยอยมองไปทางหลินซือด้วยสายตาสงสัย มีกลุ่มคนอีกไม่น้อยต่างเริ่มชี้แนะสั่งสอนหลินซือ

แผ่นหลังของหลินซือชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นทั้งตัว ปิ่นทั้งสองด้ามนั้นเหมือนกันอย่างกับแกะ!

ปิ่นที่วางอยู่บนตู้วางสินค้าด้ามนั้นคือฝีมือของอวี้อวี้ หลินซือเห็นเพียงแวบเดียวก็นึกได้ ในตอนที่เขาสอนหลินซือเจียระไนจี้หยกนั้น เขาได้หยิบเอาเศษหยกโยนทิ้งไปอีกด้านอย่างเบื่อหน่าย

ครั้นหลินซือเห็นก็พลันรู้สึกได้ถึงความงดงามประณีตของปิ่นด้ามนี้ จะวางทิ้งไว้ตรงนี้คงจะเป็นแค่ขยะไร้ค่าที่น่าเสียดาย เลยเก็บมันออกมาวางในร้าน

เมื่อคิดได้ อาจเพราะตัวเองถามวิธีการแกะสลักจากอวี้อวี้มากมายในตอนนั้น

อีกทั้งอวี้อวี้ก็ยังพูดแขวะหาว่านางเรียนไม่ได้เดี๋ยวก็หนีเปิงแล้ว ถ้ารีบนักไม่สู้ไปซื้อตัวอย่างจากร้านหยกอวี้หยวนมาสักชิ้น

ตัวเองจึงไม่ถามอีก อวี้อวี้กำลังบรรจงทำของเล่นเหล่านี้อยู่ข้างกาย เพราะตอนนั้นอวี้อวี้อยากลองเจียระไนหยกตามแบบฉบับของร้านหยกอวี้หยวนเล่น ๆ พอทำเสร็จก็โยนทิ้ง

แต่กลับถูกตนเก็บกลับมา ซ้ำยังนำมาวางในร้านอีก

“ว่าอย่างไรเล่า คุณหนูหลิน เจ้าเห็นไหมว่ามันเหมือนกัน?” ตู้เหิงยิ้มอย่างชั่วร้าย “ที่แท้ร้านหยกอวี้ฝูที่กำลังมีชื่อเสียงในช่วงนี้ก็รับของลอกเลียนแบบ หนำซ้ำยังกล้าเปิดร้านตรงข้ามกับร้านหยกอวี้หยวนอีกด้วย หรือว่าเหยาซูให้ความกล้าหาญเช่นนี้กับเจ้า? หืม คุณหนูหลิน?”

“ไม่ใช่นะ!” ครั้นได้ยินตู้เหิงเอ่ยถึงแม่ของตน หลินซือจึงรีบโต้กลับไปทันที

แต่ปิ่นปักผมที่เหมือนกันทั้งสองอันตรงหน้าของนาง ต่อให้นางอยากโต้กลับอย่างไรก็ไม่มีแรงจะโต้กลับ

“ไม่ใช่อะไร?” ตู้เหิงยังไม่ยอมแพ้ “นี่ไม่ใช่ของเลียนแบบของเจ้าหรอกหรือ?”

หลินซือพูดไม่ออก

ในตอนที่บรรยากาศในร้านเริ่มคุกกรุ่น ทันใดนั้นเสียงอันคุ้นเคยเสียงหนึ่งก็ดังเข้ามาในหูของหลินซือ “เหตุใดวันนี้ถึงได้คึกครื้นกันนัก? มุงดูอะไรกัน?”

“พี่อาเถิง! ท่านพี่!”

หลินซือรีบเงยหน้าขึ้น กระทั่งเห็นเจี่ยงเถิงและเหยาเอ้อหลาง แล้วก็ชายหนุ่มที่ไม่เคยเจอมาก่อนอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกัน

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

โดนอาซือเรียกว่าป้านี่น่าจะเจ็บบ้างนะนังตู้ อายุก็ไม่น้อยแล้วยังลดตัวลงไปหาเรื่องทะเลาะกับเด็กอีก

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

Status: Ongoing
เหยาซูเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างตัวละครหนึ่งในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่าน!หญิงสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมาเกิดใหม่ในนิยายยุคโบราณที่ตนเองกำลังอ่าน หลังฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของ เหยาซู มารดาของวายร้ายทั้งสามในเรื่อง กลายเป็นแม่ม่ายลูกติดโฉมสะคราญที่ผู้คนต่างชี้หน้าบอกว่าเป็นตัวซวยทำให้สามีต้องตาย เมื่อได้ทราบว่าชีวิตของลูก ๆ ต้องเผชิญกับการดูถูก นางจึงทนไม่ไหวเก็บข้าวของหอบลูกกลับบ้านเก่า เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกและครอบครัวทางแม่ของตน ด้วยคิดว่าหากสั่งสอนลูกดี ๆ พวกเขาคงไม่กลายเป็นตัวร้าย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีของนางได้กลับมา พวกเขาจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตามนิยายต้นฉบับสามีของตนจะตกหลุมรักสตรีอื่น จึงคิดหาวิธีที่จะหย่าขาดกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท