บทที่ 502 อาหารส่งท้ายปี
บทที่ 502 อาหารส่งท้ายปี
เมื่อผ่านเทศกาลเสี่ยวเหนียนไปแล้ว ไม่นานก็ถึงวันส่งท้ายปี
ตอนเช้าตรู่อวิ๋นซิ่วมาหาคุณหนูของตนเอง ทว่าเมื่อกวาดสายตาไปรอบ ๆ ลานบ้าน แม้แต่บนต้นไม้ทุกต้นก็ไม่พบผู้ใด
หรือว่าจะไปบ้านของฮูหยิน? อวิ๋นซิ่วขมวดคิ้วด้วยความปวดเศียรเวียนเกล้า ทันทีที่นางกำลังออกจากประตูลานบ้าน ก็พบกับหลินซือที่วิ่งกลับมาด้วยความดีใจ
“คุณหนูเจ้าคะ ท่านไปที่ใดมา?” อวิ๋นซิ่วที่เดินตามหลินซือก็อดที่จะบ่นขึ้นมาไม่ได้ “ยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้าชุดใหม่เลย ปีนี้คุณหนูต้องไปพบแขกกับฮูหยินด้วยนะเจ้าคะ”
หลินซือฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าตนเองผ่านพิธีปักปิ่นแล้ว ปีนี้ก็ต้องออกไปพบแขกด้วยกันกับท่านแม่ เด็กสาวจึงรีบวางของที่ตนหอบมา สนทนากับอวิ๋นซิ่วไม่กี่คำ จากนั้นก็เกลี้ยกล่อมสาวใช้ที่เติบโตมาด้วยกับนางให้เริ่มแต่งตัวให้ตนเอง
“อันนี้ อันนี้ วันนี้ข้าจะปักปิ่นอันนี้” หลินซือมองตนเองในกระจก และหยิบกล่องไม้ที่เพิ่งวางไปเมื่อสักครู่ขึ้นมา ข้างในเป็นปิ่นปักผมซึ่งทำขึ้นจากเงิน บริเวณด้านบนเป็นหยกสีเขียว
“คุณหนู อันนี้มันจะดูเรียบเกินไปหรือไม่เจ้าคะ” อวิ๋นซิ่วมองดูปิ่นปักผมในกล่องไม้ สลับกับมองปิ่นสีทองแวววับในมือของตน ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างลังเล
“เหมาะสมสิ เหมาะสม ข้าว่าเหมาะสมก็เหมาะสม” หลินซือหยิบของในมือของอวิ๋นซิ่วและโยนมันเข้าไปในกล่องเครื่องประดับ “ข้าใส่อันนี้แล้วรู้สึกว่าดูดี”
ปิ่นปักผมอันนี้เป็นอันที่เจี่ยงเถิงเคยให้ไว้ก่อนหน้า เมื่อวานทั้งสองคนตกลงว่าจะมาพบกันในเช้าของวันนี้ เจี่ยงเถิงกำชับเด็กสาวเป็นพิเศษว่าอย่าบอกใคร และหลินซือเองก็ยังไม่ได้ออกเรือน ถ้าคนอื่นรู้ว่านางสวมใส่สิ่งของที่ชายอื่นมอบให้มันก็คงจะดูไม่ดีเท่าไรนัก
แต่เจี่ยงเถิงไม่อาจควบคุมความปรารถนาที่จะครอบครองแต่เพียงผู้เดียวได้ จึงทำได้แค่ไม่ให้ผู้อื่นรับรู้ อย่างน้อยก็ทำให้เด็กหนุ่มสบายใจขึ้น
แต่หลินซือไม่ได้รับรู้ความรู้สึกภายในใจของเจี่ยงเถิง เด็กสาวเพียงแค่ชอบปิ่นปักผมงดงามอันนี้มากเท่านั้น และปิ่นปักผมอันนี้ก็เป็นความลับระหว่างนางและเจี่ยงเถิง หลินซือจึงมองว่าสิ่งของชิ้นนี้ล้ำค่ายิ่ง
อวิ๋นซิ่วเพียงสงสัยว่าคุณหนูยืนกรานที่จะใช้เครื่องประดับเหล่านี้มาโดยตลอด จู่ ๆ ก็เปลี่ยนมาใช้ปิ่นปักผมอันนี้แทน แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร อาจจะเป็นเพราะนางโตขึ้นจึงอยากเปิดหูเปิดตา สาวใช้จึงปักปิ่นให้กับหลินซือ
หลินซือมองดูกระจก ส่องชื่นชมทุกด้าน และวิ่งไปหาเหยาซูอย่างมีความสุข
จริง ๆ แล้ววันส่งท้ายปีไม่ค่อยมีแขกมากนัก วันแรกถึงจะนับได้ว่าเป็นวันที่ยุ่งที่สุด สิ่งสำคัญวันนี้คือการฝึกฝนเป็นหลัก หลินซือตามเหยาซูคอยให้เงินรางวัลให้กับคนรับใช้ และไม่นานก็ถึงเวลาเย็นแล้ว
และนี่ก็เป็นเวลาที่หลินซือรอคอยมากที่สุด อาหารส่งท้ายปี!
เดิมทีปีนี้หลินเหราอยากเชิญเซี่ยเชียนมาเป็นการส่วนตัว แต่ว่าเซี่ยเชียนต้องเข้าวัง เรื่องการเข้าวังนั้นมิอาจเลี่ยงได้ หลินเหราจึงทำได้แค่พาเซี่ยเซินกลับมา
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตา แม้แต่ภายในใจของหลินเหราก็รู้สึกเจ็บปวด แต่เมื่อมองดูลูก ๆ ที่ล้วนเติบโตขึ้นอย่างแข็งแรง พวกเขาพูดคุยหัวเราะอย่างมีความสุข สิ่งที่คิดไว้ทั้งหมดก็หายวับไป และปล่อยให้ความรู้สึกแย่ ๆ เหล่านั้นปลิวไปพร้อมกับสายลม
เหยาซูลูบมือหลินเหราเบา ๆ จากใต้โต๊ะ หรินเหราเข้าใจดี ชายหนุ่มยกจอกสุราขึ้นมากล่าวอวยพรไม่กี่ประโยคก่อนที่จะดื่มลงไปจนหมดจอก
ต่อมาคนรุ่นหลังก็กล่าวอวยพรเล็กน้อยเช่นกัน เมื่อมาถึงหลินซือ เด็กสาวก็ลุกยืนขึ้นแต่จู่ ๆ กลับลืมเนื้อหาที่ตนเองได้ร่างเอาไว้ จึงทำได้แค่พูดจาไร้สาระ “ผ่านไปอีกปี ปีใหม่นี้ก็หวังว่าท่านพ่อท่านแม่จะออกไปข้างนอกให้น้อยลง อยู่บ้านกับข้าให้มากขึ้น ขอให้พี่ใหญ่รีบแต่งงานกับพี่ไป๋หรูปิง มีหลานมาให้ข้าเล่น หวังว่าซานเป่าสามารถสอบจอหงวนได้อันดับหนึ่งในเร็ววัน ทำให้ครอบครัวเราภาคภูมิใจ และในท้ายที่สุดหวังว่าร้านของข้าจะเจริญรุ่งเรือง เงินทองไหลมาเทมา!”
เมื่อหลินซือกล่าวจบผู้คนบนโต๊ะอาหารก็ต่างหัวเราะชอบใจ หลินเหราเองก็หัวเราะออกมาเล็กน้อย แล้วส่งซองแดงหนึ่งซองให้กับหลินซือ
“ท่านพี่ แล้วของท่านเล่า?” หลินซือเดินไปหยุดลงหน้าหลินจื้อ
หลินจื้อหัวเราะและยื่นซองแดง พลางหยอกล้อผู้เป็นน้องสาว “เจ้าพร้อมสำหรับหลานชายตัวน้อยของเจ้าหรือไม่?”
“รอเขาเกิดมาแล้ว ข้าจะให้ซองที่ใหญ่ที่สุดแก่เขาเอง” หลินซือลูบอกแล้วเก็บซองแดงลงไป
หลังจากที่หลินซือกล่าวจบ ก็มาถึงรอบของเซี่ยเซิน
เห็นได้ชัดว่าเซี่ยเซินเตรียมตัวมาอย่างดี เด็กชายระมัดระวังคำพูดของเขาอย่างมาก แต่ส่วนใหญ่แล้วหลินซือก็ฟังไม่เข้าใจ
แต่ว่าหลินซือกลับปรบมือให้เป็นคนแรก จนทำให้เซี่ยเซินหน้าแดง
“มา ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่มีหลานชาย แต่ข้าสามารถให้ซองแดงกับน้องชายได้นะ”
หลินซือหยิบซองสีแดงที่นูนออกมาอย่างภาคภูมิใจและยื่นให้กับเซี่ยเซิน
“ซานเป่า เก็บไว้นะ” เหยาซูหัวเราะ “ปีนี้พี่สาวของเจ้าทำเงินได้มากเลยทีเดียว เช่นนี้สามารถกล่าวได้ว่าขนหน้าแข้งนางไม่ร่วงหรอก” ถึงแม้ว่าเซี่ยเซินจะเกรงใจเป็นอย่างมาก แต่ในท้ายที่สุดก็เก็บมันเอาไว้
ครั้นเห็นรอยยิ้มสดใสของพี่สาวมองมา เซี่ยเซินรู้สึกว่ามีบางอย่างในอ้อมแขนของเขาร้อนขึ้น และพาให้อึดอัด
ครอบครัวมีงานเลี้ยงอาหารค่ำวันส่งท้ายปีเก่าที่สวยงาม และเมื่องานเลี้ยงจบลงทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไป วันนี้เซี่ยเซินพักที่จวนท่านแม่ทัพ และหลินซืออยู่ใกล้กับลานบ้านของเด็กชาย ดังนั้นพวกเขาทั้งสองจึงกลับไปด้วยกัน
หลินซือส่งเซี่ยเซินกลับไปที่ลานบ้านเล็ก ๆ เมื่อกำลังจะจากกัน จู่ ๆ เซี่ยเซินก็เอ่ยเรียกพี่สาว
“มีอะไร?” หลินซือกลับมามองเซี่ยเซิน
เซี่ยเซินลังเลอยู่คู่หนึ่ง เด็กชายหยิบของที่อยู่ในอ้อมแขนออกมา มันเป็นกล่องไม้ขนาดเล็ก
“ท่านพี่ นี่คือของที่องค์รัชทายาทมอบให้ท่านเป็นของขวัญปีใหม่”
หลินซือมองดูกล่องไม้เล็ก ๆ ในเวลานั้นนางไม่ได้เอ่ยเอื้อนอะไรออกมา
เด็กสาวได้อธิบายเรื่ององค์รัชทายาทกับน้องชายจนเข้าใจแล้วว่าทั้งคู่จะไม่ติดต่อกันอีก แต่ว่าถ้าเป็นในมุมของสหาย ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีปัญหาอะไรถ้าสหายจะมอบของขวัญปีใหม่กัน
หากว่าตนไม่รับเอาไว้ ไม่เพียงแต่จะหลีกเลี่ยงเซี่ยเซิน แต่ยังจะทำให้เขาโดนองค์รัชทายาทตำหนิอีกด้วย
“เช่นนั้นข้าจะรับไว้” ในที่สุดหลินซือก็รับกล่องไม้เอาไว้ “วันพรุ่งนี้ข้าจะเลือกของขวัญหนึ่งชิ้นที่ร้าน อาเซินช่วยเอาไปขอบคุณเขาแทนข้าด้วย”
เซี่ยเซินเองก็ถอยหายใจอย่างโล่งอก เด็กชายพยักหน้าและเอ่ยขึ้น “อื้ม!”
…………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เจี่ยงเถิงร้ายกาจ จองตัวไว้ทางอ้อมเลย
ของขวัญขององค์รัชทายาทเป็นม่ายเสียแล้วม้าง
ไหหม่า(海馬)