ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] – บทที่ 573 หานายช่าง

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

บทที่ 573 หานายช่าง

บทที่ 573 หานายช่าง

การที่เขาให้ความสำคัญกับอาซือเช่นนี้ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องดีหรือไม่ เดิมทีอยากให้เขาเห็นความรู้สึกที่หลินซือมีต่อเจี่ยงเถิง จนตระหนักได้ว่าควรถอยแม้ว่าจะไม่ง่าย ถึงกระนั้นก็ต้องปล่อย ใครจะไปรู้เล่าว่าเด็กคนนี้จะยังดื้อรั้น เห็นแบบนี้แต่ก็ยังไม่ตัดใจ

“ตอนแรกองค์รัชทายาททรงลากข้าไปนั่งด้วยกัน แต่หลังจากถูกข้าปฏิเสธก็ไม่ได้คุยกันเลย ต่อมาข้าสนใจแต่อาการบาดเจ็บของพี่อาเถิง เลยไม่ได้สังเกตองค์รัชทายาทเจ้าค่ะ” หลินซือพูดอย่างจริงจัง

เหยาซูทอดถอนใจ เด็กโง่ นางรู้ว่าลูกสาวตัวดีเป็นห่วงเจี่ยงเถิงมากแค่ไหน แต่เหตุใดถึงมองไม่ออกว่าความรู้สึกที่ตัวเองมีต่อเจี่ยงเถิงเรียกว่าชอบกัน? ช่างเถอะ เรื่องแบบนี้ ขึ้นอยู่กับความโชคดีของนางแล้ว สิ่งที่ตัวเองทำได้ก็คือเคารพในการเลือกของหลินซือ ไม่ให้นางต้องได้รับความไม่เป็นธรรมเพราะที่บ้านหรือจากคนอื่น

“เอาละ แม่รู้แล้ว อาซือรีบเข้านอนเถอะ วันนี้เจ้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” เหยาซูลูบศีรษะของนาง ก่อนจะเดินออกจากห้องและปิดประตูลง

ต่อมาหลินซือก็ยุ่งแต่กับเรื่องร้านหยกของตัวเอง ร้านใหม่ได้รับการตกแต่งอย่างงดงาม นางได้ส่งคนเข้าไปทำความสะอาดเป็นที่เรียบร้อย ติดที่ยังหานายช่างประจำร้านนี้ไม่ได้ ไม่มีนายช่างก็เท่ากับว่าไม่มีศูนย์กลาง ร้านนี้ก็จะยังเปิดไม่ได้

หลินซือต้องวิ่งวนอยู่หลายที่ แต่ก็ยังไม่เจอคนที่เหมาะสม นายช่างบางคนก็เกินไป ฝีมือไม่ได้เรื่องแต่เรียกค่าตัวสูง หรือบางคนมีฝีมือดีแต่กลับไม่อยากมาร้านใหม่ นางคิดไม่ถึงว่าการเปิดร้านใหม่จะยากลำบากยิ่งกว่าการเปิดร้านแรกเพียงนี้

“อาซือ เจ้าพักผ่อนหน่อยเถอะ หามาตลอดช่วงเช้าแล้วก็ยังไม่เจอคนที่เหมาะสมเลยสักคน มิสู้เราไปกินของอร่อย ๆ ในหอหรูอี้ดีกว่า มีแรงก็ค่อยหาต่อ” ไป๋หรูปิงประคองหลินซือที่เดินจนขาลากตลอดช่วงเช้าให้นั่งลง

หลินซือใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อบนหน้าผาก จากนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบ “ไม่ได้ ข้าไม่เชื่อว่าวันนี้จะไม่เจอคนผู้นั้น พี่ไป๋ พี่นั่งพักสักครู่เถอะ ข้าว่าจะลองไปถามอีกหน่อย อาจจะเจอใครจะสักคนก็ได้”

ไป๋หรูปิงดึงตัวหลินซือไว้พลางกล่าวว่า “อาซือ เรื่องนี้รีบร้อนเกินไปก็ไม่ได้ เดิมทีเราก็ยังเป็นร้านเล็ก ๆ เปิดสาขาที่สองได้เร็วขนาดนี้ก็ถึงว่าเก่งมากแล้ว เจ้าไม่ต้องกดดันตัวเองเกินไป เรื่องเหล่านี้ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า อีกอย่างเจ้าก็เห็นว่ากิจการร้านแรกนั้นดีมากแค่ไหน นั่นนับว่าเป็นการพิสูจน์ความสามารถของเราแล้ว”

หลินซือได้ยินไป๋หรูปิงปลอบใจตัวเอง ก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ กระทั่งพูดทั้งน้ำตาว่า “ข้าคิดว่าการเปิดร้านที่สองมันจะง่ายยิ่งกว่า พี่ก็เห็นว่าร้านแรกของเราเป็นไปได้งดงาม ข้าอยากให้คนอื่นได้เห็นว่าหลินซือคนนี้ไม่ใช่คุณหนูจอมขี้เกียจของบ้าน ท่านแม่อบรมสั่งสอนข้าเสมอ พวกเขามักนินทาว่าท่านแม่เป็นเพียงแม่ค้าคนหนึ่ง สอนลูกสาวให้รู้จักแต่เงินไม่มีความรู้ แต่ข้าอยากให้พวกเขาได้รู้ว่าข้าไม่ใช่คนแบบนั้น สิ่งที่ท่านแม่สอนให้ข้าพวกเขาล้วนไม่มี แต่พี่ไป๋ ข้ารู้สึกว่ามันยาก…”

ไป๋หรูปิงโอบกอดหลินซือ กล่าวเสียงเบา “อาซือ เจ้าไปฟังใครพูดมั่วซั่วมาใช่ไหม? พวกปากหอยปากปูเหล่านี้วัน ๆ ไม่ทำอะไรกันหรอก เอาแต่นินทาสนุกปาก พวกเขาไม่สมหวังกับชีวิตของตัวเอง จึงอยากให้ผู้อื่นเป็นเหมือนกับพวกเขา เจ้าไม่ต้องคิดนอกเรื่องเหล่านั้นหรอก ทำเรื่องที่ตัวเองคิดก็พอแล้ว เรื่องร้านใหม่ เราค่อยทำไปทีละก้าว ไม่ต้องรีบหานายช่างหรอก ค่อยเป็นค่อยไปก็พอแล้ว”

หลินซือซบหน้าอยู่ในอ้อมกอดของไป๋หรูปิงด้วยความเสียใจ อวี้อวี้รีบวิ่งหน้าตั้งเข้ามา ใบหน้าดูร้อนใจ ผลปรากฏว่าเห็นหลินซือกำลังร้องไห้จึงพูดเสียงเบา “นางเป็นอะไร? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

ไป๋หรูปิงส่ายหน้า ส่งสัญญาณให้เขาหยุดพูดเรื่องนี้ก่อน อวี้อวี้เข้าใจง่ายดาย จึงนั่งลงอยู่ด้านข้างอย่างเงียบ ๆ ไม่พูดสิ่งใด

ไม่นาน ความเสียใจของหลินซือก็สงบลง ครั้นปรายตาขึ้นก็พบกับอวี้อวี้ปากซีดเซียวไร้สีเลือดถึงได้เอ่ยถามขึ้น “เอ๊ะ? พี่มาตั้งแต่เมื่อไร ทำไมข้าไม่รู้เรื่อง? เป็นอย่างไรบ้าง? อยู่ในเรือนของพี่อาเถิงสบายดีใช่หรือไม่? หลี่จื้อสิงหาเรือนนั้นไม่เจอใช่หรือไม่?”

ครั้นอวี้อวี้เห็นนางยังมีหยาดน้ำตาบริเวณหางตา ก็อดยิ้มไม่ได้ “วางใจเถอะ ที่แห่งนั่นสงบมาก หลี่จื้อสิงหาข้าไม่เจอหรอก อีกอย่างตอนนี้เขาก็ไม่อยู่ในเมืองแล้ว ข้าจึงมีอิสระมากขึ้น ว่าแต่เจ้าเถอะ ไม่เจอตั้งหลายวัน ทำไมถึงเป็นแบบนี้? นี่ไม่ใช่เถ้าแก่เนี้ยหลินผู้มีความกระตือรือร้นที่ข้าเคยรู้จักเลยนะ”

ครั้นได้ยินอวี้อวี้หยอกเย้าตัวเอง หลินซือกลับไม่ได้โกรธ แค่พูดระบายอารมณ์ออกไป “เมื่อปีก่อนข้าวางแผนจะเปิดร้านใหม่ หน้าร้านก็มีแล้ว ตกแต่งก็ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ข้ากำลังหานายช่างมาเติมเต็มร้านให้สมบูรณ์ แต่หาอยู่นานมากก็ยังหาไม่เจอสักคน”

ครั้นอวี้อวี้เห็นนางเสียใจแบบนี้ ก็อดยิ้มไม่ได้ “เจ้าเห็นข้าเป็นอะไร เรื่องแค่นี้? เจ้าน่าจะบอกข้าเร็วกว่านี้ ข้ารู้จักนายช่างแกะสลักมากมาย ช่วยเจ้าหาได้อยู่แล้ว ดีกว่าให้เจ้าออกไปหาอย่างไร้จุดหมายเองไหมเล่า?”

จู่ ๆ หลินซือก็คิดได้ ‘จริงสิ! ทำไมตัวเองถึงลืมอวี้อวี้ไปเสียได้? เขาอยู่ในวงการแกะสลักหยกมาตลอด นายช่างที่รู้จักต้องเยอะแน่นอน’

“จริงสิ! ทำไมข้าถึงลืมพี่ไปเลย? เช่นนั้นข้ามอบหมายเรื่องนี้ให้พี่แล้วกัน ถึงกระนั้นร้านใหม่แห่งนั้นก็ต้องให้พี่มาดูแลอยู่แล้ว จะเปิดได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับพี่แล้วล่ะ!” หลินซือตบไหล่ของอวี้อวี้

อวี้อวี้หมดคำพูดกับพฤติกรรมของหลินซือ แต่เพื่อหลบเลี่ยงหลี่จื้อสิง ทำได้แค่ต้องรีบเปิดร้านใหม่ให้เร็วที่สุด

หลี่จื้อสิงเจ้าตัวปัญหาผู้นี้ เมื่อไหร่จะปล่อยตัวเขาไปเสียที

ขณะที่ทั้งสามคนกำลังคุยเรื่องเปิดร้านใหม่นั้น ลูกจ้างในร้านก็เดินมาบอกว่า “เถ้าแก่เนี้ย มีคนมาหาขอรับ”

หลินซือตื่นตกใจ ครั้งที่แล้วผู้มาเยือนก็คือตู้เหิง รายนั้นตั้งใจมาหาเรื่องตน ครั้งนี้คงไม่ใช่นางหรอกกระมัง? ตัวเองทำผิดอะไรทำไมถึงได้ถูกทรมานขนาดนี้? เดิมทีก็เหนื่อยกับการเปิดร้านใหม่มากอยู่แล้ว ยังต้องมาจัดการกับเรื่องเลวร้ายเหล่านี้ หลินซือขมวดคิ้วแล้วเดินออกไป

แต่แล้วก็พบว่าเป็นกู้อันผิง! ดวงตาของหลินซือเปล่งประกายทันที พลางกล่าวว่า “สหายกู้! เจ้ามาได้อย่างไร? รีบเข้ามาก่อน เด็ก ๆ ไปชงชาร้อนชั้นดีเข้ามา ในร้านไม่มีสุรา ขอต้อนรับสหายกู้เป็นชาร้อนแทนแล้วกัน”

กู้อันผิงเดินตามหลินซือเข้าไปในห้องรับแขก พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ดื่มสุราอะไรกัน วันนี้ข้ามีเรื่องอยากคุยกับเจ้า ข้าได้ปรึกษาหารือกับเหล่าพี่น้องเกี่ยวกับคำแนะนำของสหายเจี่ยงก่อนหน้านั้นแล้ว คิดว่ามันเป็นไปได้ แต่ข้าและเหล่าพี่น้องศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับงานไม้มาหลายปีแล้ว ไม่รู้ว่าจะช่วยร้านแกะสลักหยกได้มากน้อยเพียงใด…”

หลินซือเชิญกู้อันผิงนั่งลง แล้วรินชาร้อนให้เขา จากนั้นก็นั่งลงและพูดว่า “สหายกู้ มันวิเศษมาก เมื่อครู่ข้ากำลังปรึกษาเรื่องเปิดร้านใหม่กับพวกเขาอยู่พอดี แต่ยังหานายช่างแกะสลักที่เหมาะสมไม่ได้ นี่คือหัวใจหลักของร้านเปิดใหม่ในเมืองของเรา นายช่างอวี้อวี้ ฝีมือของเขาพูดได้ว่าหาตัวจับได้ยาก ประเดี๋ยวเขาจะสอนงานง่าย ๆ ก่อน นานวันเข้าก็จะดีขึ้นเอง”

อวี้อวี้ลุกขึ้นยืนและกล่าวว่า “สหายข้า ในเมื่อสนใจจะเข้าร่วมร้านใหม่นั่นคือพันธมิตรของเรา เมื่อครู่ข้าได้ยินเจ้าบอกว่าจะทำงานไม้ด้วย? เช่นนั้นก็ดีเลย แกะสลักหยกและงานฝีมือไม้หลักการก็คล้ายกัน เพียงแต่ว่างานแกะสลักหยกค่อนข้างละเอียดกว่า ตอนนี้เจ้าพาสหายของเจ้าไปลานอื่นก่อน ข้าจะสอนพื้นฐานให้พวกเจ้า รอร้านใหม่เปิดตัว คงจะช่วยได้บ้าง”

…………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ดูท่าระหว่างเหยาเอ้อหลางกับซวีจ้าวจะไม่ใช่เพียงสหายรู้ใจกันแล้วล่ะค่ะ เรือแรงมากจนฉุดไม่อยู่แล้ว กรี๊ดดดด

อาซืออย่าเพิ่งน้อยใจไปค่ะ ของบางอย่างก็ต้องใช้เวลานะคะ หนูทำดีที่สุดแล้ว

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

Status: Ongoing
เหยาซูเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างตัวละครหนึ่งในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่าน!หญิงสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมาเกิดใหม่ในนิยายยุคโบราณที่ตนเองกำลังอ่าน หลังฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของ เหยาซู มารดาของวายร้ายทั้งสามในเรื่อง กลายเป็นแม่ม่ายลูกติดโฉมสะคราญที่ผู้คนต่างชี้หน้าบอกว่าเป็นตัวซวยทำให้สามีต้องตาย เมื่อได้ทราบว่าชีวิตของลูก ๆ ต้องเผชิญกับการดูถูก นางจึงทนไม่ไหวเก็บข้าวของหอบลูกกลับบ้านเก่า เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกและครอบครัวทางแม่ของตน ด้วยคิดว่าหากสั่งสอนลูกดี ๆ พวกเขาคงไม่กลายเป็นตัวร้าย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีของนางได้กลับมา พวกเขาจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตามนิยายต้นฉบับสามีของตนจะตกหลุมรักสตรีอื่น จึงคิดหาวิธีที่จะหย่าขาดกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท