ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] – บทที่ 574 กู้อันผิง

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

บทที่ 574 กู้อันผิง

บทที่ 574 กู้อันผิง

หลินซือพยักหน้าและกล่าวว่า “ใช่นะสิ อีกอย่างกิจการร้านแรกก็กำลังได้ไปสวย บางครั้งลูกน้องไม่พอด้วยซ้ำ พวกเจ้ามาก็ดี แค่ต้องเรียนรู้ทักษะพื้นฐานเพิ่มเติมอีกหน่อย ก็สามารถช่วยข้าได้แล้ว สหายกู้ เจ้าเหมือนอัศวินที่สวรรค์ส่งมาช่วยข้าจริง ๆ! ปกติแล้วเวลาที่ไม่มีลูกค้า ข้าก็จะให้นายช่างเหล่านั้นสอนว่าควรทำอย่างไรนานวันเข้าก็คุมทุกอย่างได้”

กู้อันผิงคาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะกระตือรือร้นกันเพียงนี้ จึงรู้สึกตื่นเต้นในใจ แล้วกล่าวว่า “ข้าต้องขอบคุณพวกเจ้ามาก ความจริงแล้วเพราะเหล่าพี่น้องข้ามีศิลปะการต่อสู้ ยามอยู่บนภูเขาข้าไม่มีความสามารถอะไรเลย แค่กินให้อิ่มท้องก็ยังไม่ได้ จึงพาพวกเขาลงจากเขา ต้องขอบคุณพวกเจ้าที่ทำให้ข้ามีที่พึ่งพิงในชีวิต”

หลินซือคลี่ยิ้ม จากนั้นก็ส่งคนไปแจ้งข่าวนี้กับเจี่ยงเถิง ให้เขามากินมื้อค่ำที่หอหรูอี้

เจี่ยงเถิงรีบเดินทางมายังหอหรูอี้อย่างรวดเร็ว ครั้นมาถึงฟ้าก็มืดลงแล้ว

ทันทีที่เขาเข้าไป ก็เห็นกู้อันผิงและหลินซือกำลังพูดคุยอย่างสนุกสนาน หลินซือเห็นเขาเข้ามา ก็บ่นอุบอย่างอดไม่ได้ “พี่อาเถิงมัวทำอะไรอยู่ ทำไมถึงมาเอาป่านนี้ ข้าและพี่ใหญ่กู้รอท่านเจ้าหิวไส้กิ่ว ในเมื่อท่านมาแล้ว งั้นก็ให้ยกอาหารเข้ามาเลยละกัน ยกอาหารเข้ามาได้!”

ครั้นเจี่ยงเถิงเห็นกู้อันผิงก็เอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ “สหายกู้! ในที่สุดเจ้าก็ตัดสินใจลงจากเขาจนได้! ด้วยความสามารถของเจ้าแล้วต้องเกิดปรากฏการณ์โลกจารึกแน่นอน ในตอนที่อยู่บนภูเขาข้ารู้สึกเสียดายในศิลปะการต่อสู้และความสามารถนี้ของเจ้า อยู่บนภูเขาต่อไปก็เสียเวลาเปล่า สู้ออกมาเผชิญโลกภายนอกดีกว่า!”

กู้อันผิงพยักหน้า พลางหัวเราะ “ที่สหายเจี่ยงพูดก็มีเหตุผล ข้าเองก็เพิ่งคิดได้ ว่าการอยู่ในเขาไปตลอดชีวิตไม่ใช่วิธีการที่ดีนัก ไม่สู้ลองลงมาจากภูเขาดีกว่า”

“จริงสิ สหายกู้ ข้ายังมีเรื่องที่ปิดบังเจ้าไว้ ความจริงแล้วอาซือไม่ใช่ฮูหยินของข้า เราเป็นเพื่อนที่โตด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก แต่ภายใต้สถานการณ์ในตอนนั้นมันบีบให้ข้าต้องโกหก ได้โปรดสหายกู้อย่าได้ถือสา” เจี่ยงเถิงลูบท้ายทอยพลางกล่าวด้วยความรู้สึกผิด

ใครจะไปรู้เล่าว่ากู้อันผิงไม่เพียงแต่จะไม่โกรธแล้ว ตรงกันข้ามยังหัวเราะลั่นออกมา “เรื่องนี้หลินซือบอกข้าแล้ว เจ้ารอบคอบมาก ในเมื่อเราสนิทกันขนาดนี้แล้ว เจ้าเรียกข้าว่าพี่ใหญ่กู้เถอะ เหมือนกับหลินซือ เมื่อครู่ข้าคุยกับหลินซือเสียตั้งนาน เพิ่งรู้ว่าพวกเจ้าเป็นสหายที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ยิ่งมีความลึกซึ้งมากแค่ไหน เจ้ายิ่งต้องทะนุถนอมมันไว้”

หลินซือนั่งยิ้มอย่างโง่เขลา นางไม่เข้าใจความหมายของกู้อันผิง รู้สึกแค่ว่าพี่ใหญ่กู้เป็นกันเองมาก

เจี่ยงเถิงเขาใจความหมายของกู้อันผิง ยามอยู่บนภูเขาตัวเองก็แสดงออกชัดเจนเพียงนั้น ทำไมเขาจะดูไม่ออก เช่นนั้นจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณพี่ใหญ่กู้มากที่เตือนข้า ข้าจะทำแน่นอน จริงสิ แม่นางจู้ผู้นั้น….มีข่าวคราวบ้างหรือไม่?”

ดวงตาที่เปล่งประกายของกู้อันผิงได้หม่นหมองลงในทันที จากนั้นก็เอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “ไม่มีเลย ขอไม่ปิดบังแล้วกัน ที่ข้าลงจากเขาครั้งนี้ก็เพื่อมาตามหาที่อยู่ของนาง ไม่ว่าอย่างไร ข้าต้องอธิบายให้นางฟัง หลายปีมานี้ข้าเอาแต่ซ่อนตัว ไม่ยอมออกมาเผชิญหน้า แต่สุดท้ายข้าก็รวบรวมความกล้าเพื่อนาง ดังนั้นครั้งนี้ข้าตั้งใจว่าจะให้เหล่าพี่น้องมาทำงานในร้านหยกของหลินซือ ส่วนข้าจะออกตามหานาง ดูว่ามีข่าวคราวเกี่ยวกับนางบ้างหรือไม่”

หลินซือเตะเจี่ยงเถิงหนึ่งครั้ง โทษที่เขาทำเรื่องที่ไม่สมควรทำ รู้ทั้งรู้ว่าแม่นางจู้เป็นแผลใจของพี่ใหญ่กู้ ก็ยังจะเอ่ยเรื่องนี้บนโต๊ะอาหาร เจี่ยงเถิงรู้ว่าตัวเองพลั้งปากไป จึงรีบเปลี่ยนหัวข้อทันที “ท่องเที่ยวสิ….ท่องเที่ยวเป็นความคิดที่ดี ข้าและหลินซืออยู่ในเมืองตลอด ถ้าเจ้ามีอะไรก็บอกเราได้ทุกเมื่อ หรือเขียนจดหมายมาบอกเราก็ได้ ถ้าช่วยได้เราช่วยแน่นอน”

กู้อันผิงพยักหน้า และกล่าวขอบคุณ “กู้อันผิงโชคดีที่ได้เจอสหายที่แสนดีอย่างพวกเจ้า ตลอดชีวิตนี้ของข้าไม่เคยทำเรื่องที่มันสร้างสรรค์ การที่สวรรค์ให้ข้ามาเจอกับพวกเจ้านับว่าเป็นความโชคดี จู้เขอคือส่วนที่สำคัญในชีวิตของข้า ข้าจะต้องพานางกลับมาให้จงได้ เมื่อครั้งวัยเยาว์ เพราะความมุทะลุ ทำร้ายหัวใจของนาง ถ้าข้าเจอตัวนาง ข้าจะขอให้นางอภัยให้ข้า”

หลังกินอาหารเสร็จ กู้อันผิงก็กลับโรงเตี๊ยมที่อยู่ในละแวกนี้ เจี่ยงเถิงและหลินซือเดินทางกลับจวน

“ท่านว่า พี่ใหญ่กู้จะเจอตัวแม่นางจู้หรือไม่ พี่เห็นท่าทางที่เขาเอ่ยถึงนางหรือเปล่า เห็นได้ชัดว่าชอบเสียเพียงนั้น แต่ยังต้องแยกจากกัน” หลินซือขมวดคิ้วถามด้วยความสังสย

ในใจของเจี่ยงเถิงหม่นหมองลงเช่นกัน จากนั้นก็ส่ายหน้าพลางเอ่ยว่า “ไม่รู้สิ อาจจะเจอ หรือไม่เจอก็ได้ ถึงอย่างไรโลกใบนี้ก็กว้างใหญ่นัก อยากตามหาคนผู้หนึ่งช่างแสนยากเย็น แต่ข้าหวังว่าพี่ใหญ่กู้จะหาเจอ เขาเป็นคนดี แม่นางจู้จะต้องรับรู้แน่นอน บางทีอาจเพราะมีสาเหตุบางอย่างที่ไม่สามารถกลับไปก็ได้”

“ต้องมีเหตุผลด้วยหรือ? เหตุผลอะไร? พี่ยังจำตอนที่พี่ใหญ่กู้เอ่ยถึงแม่นางจู้ได้หรือไม่? สายตาของเขาเปล่งประกายมาก ข้าไม่เคยเห็นเขาแบบนั้นมาก่อน เขาซ่อนตัวอยู่ในภูเขามานาน ต้องไม่อยากกลับไปยังโลกโลกีย์ที่แสนวุ่นวายเช่นนี้แน่นอน แต่เพื่อแม่นางจู้ เขายอมทิ้งความสบายใจและความสบายกาย กลับมายังสังคมโลกีย์แห่งนี้” หลินซือรู้สึกว่ากู้อันผิงควรค่าแก่การเคารพศรัทธาโดยแท้จริง

แต่เจี่ยงเถิงกลับคิดว่าเขาและอาซือจะเหมือนเหตุการณ์นี้ในสักวันหรือไม่ ถูกแยกจากกัน ไม่ว่าเขาจะตามหาอย่างไรก็หานางไม่เจอ ครั้นนึกถึงภาพที่กู้อันผิงต้องรอคอยวันแล้ววันเล่าอยู่ในหมู่บ้านแห่งนั้น ถ้าอาซือต้องจากไป เขาคงไม่เลือกรอไปวัน ๆ แต่จะออกไปตามหานางแน่นอน

บางทีอาจเพราะโลกใบนี้กว้างใหญ่เกินไป อาจเพราะตลอดชีวิตนี้ไม่มีผลลัพธ์ที่ชัดเจน แต่ตราบใดที่ตัวเองยังตามหา ก็ยังมีความหวัง เขาไม่มีทางให้อาซือจากเขาไป ไม่มีทางให้เกิดขึ้นตลอดชีวิตนี้

เหมือนที่กู้อันผิงว่าไว้ อาซือเป็นส่วนที่สำคัญที่ขาดไม่ได้ของเขา ถ้าอาซือหายไป การใช้ชีวิตเพียงลำพังก็ไม่มีความหมายอะไรสำหรับเขา

เจี่ยงเถิงพาหลินซือมาส่งถึงจวน แล้วหมุนตัวกลับ ทั้งสองคนต่างมีความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กัน พวกเขาต่างคาดหวังให้กู้อันผิงตามหาจู้เขอเจอ และกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง

กู้อันผิงกลับถึงโรงเตี๊ยม แต่กลับพบว่าอวี้อวี้กำลังรอเขาอยู่หน้าประตู จึงเกิดความประหลาดใจอยู่ข้างใน “นายช่างอวี้อวี้? เจ้ามาได้อย่างไร?”

อวี้อวี้เห็นเขากลับมาก็คลี่ยิ้ม และพูดว่า “ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ที่มารบกวนเจ้าดึกขนาดนี้ ข้ารู้สึกว่าเจ้าคุ้นหน้าคุ้นตามาก จึงอยากมาถามว่าเราเคยเจอกันที่ไหนหรือไม่? ข้าคิดอยู่นานแล้วแต่ก็คิดไม่ออกว่าเราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน”

กู้อันผิงแสดงสีหน้างุนงง เขาไม่เคยรู้จักกับนายช่างแกะสลักหยกมาก่อน อย่าว่าแต่อวี้อวี้บุคคลสำคัญคนนี้เลย เขาส่ายหน้าพลางพูดว่า “นายช่างอวี้อวี้ เกรงว่าเจ้าคงจะจำผิดแล้ว เราไม่เคยเจอกันมาก่อน วันนี้เป็นวันที่ข้าเจอเจ้าครั้งแรก หลายปีมานี้ข้าเอาแต่เก็บตัวอยู่ในหมู่บ้านบนภูเขา เราไม่มีโอกาสเจอกันหรอก”

อวี้อวี้เหมือนจะคิดได้ จึงคลี่ยิ้มอย่างเกรงใจ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นข้าคงจำผิด ข้ามารบกวนเจ้าดึกขนาดนี้ ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ข้าก็เป็นแบบนี้ พอมีเรื่องก็อยากถามให้ชัดเจน เจ้าอย่าได้ถือสาข้าเลย พรุ่งนี้เจ้าพาเหล่าพี่น้องมายังเรือนได้เลย”

………………………………………………………………………………………………………………………….

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

Status: Ongoing
เหยาซูเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างตัวละครหนึ่งในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่าน!หญิงสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมาเกิดใหม่ในนิยายยุคโบราณที่ตนเองกำลังอ่าน หลังฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของ เหยาซู มารดาของวายร้ายทั้งสามในเรื่อง กลายเป็นแม่ม่ายลูกติดโฉมสะคราญที่ผู้คนต่างชี้หน้าบอกว่าเป็นตัวซวยทำให้สามีต้องตาย เมื่อได้ทราบว่าชีวิตของลูก ๆ ต้องเผชิญกับการดูถูก นางจึงทนไม่ไหวเก็บข้าวของหอบลูกกลับบ้านเก่า เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกและครอบครัวทางแม่ของตน ด้วยคิดว่าหากสั่งสอนลูกดี ๆ พวกเขาคงไม่กลายเป็นตัวร้าย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีของนางได้กลับมา พวกเขาจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตามนิยายต้นฉบับสามีของตนจะตกหลุมรักสตรีอื่น จึงคิดหาวิธีที่จะหย่าขาดกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท