บทที่ 588 ความทุกข์ใจของพ่อแม่
บทที่ 588 ความทุกข์ใจของพ่อแม่
“เอ้อเป่าเป็นลูกสาวของข้า พริบตาเดียวเอ้อเป่าก็ต้องออกเรือนแล้ว”
เหยาซูพูดพลางสังเกตสีหน้าของเจี่ยงเถิง ครั้นเห็นเขาไม่มีท่าทีเสแสร้งจึงพูดต่อ
“เจ้าโตมากับเอ้อเป่า ข้าเชื่อว่าเจ้ารู้จักนิสัยของนางดี ข้าหวังว่าเจ้าจะดูแลนางเป็นอย่างดี ให้อภัยนางได้เสมอ”
“เรื่องนี้อาเถิงทราบดี ท่านอาซูวางใจได้เลย อาเถิงจะดีกับเอ้อเป่าแน่นอน ไม่ให้นางได้รับความไม่เป็นธรรมแม้แต่น้อยขอรับ”
“เจ้าแสนดีกับเอ้อเป่า ข้าเห็นอยู่ในสายตาตลอด แต่เอ้อเป่าไม่เคยได้รับความทุกข์ใจมาก่อน ดังนั้นความเข้าใจในเรื่องของความทุกข์ใจนั้นค่อนข้างแตกต่างจากคนส่วนมาก เจ้าดูสิ แม้ว่าเอ้อเป่าจะบอกว่าพึ่งตัวเองได้ แต่ความคิดแรกของนางคือการเปิดร้านเครื่องหยก นี่ไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปจะทำได้”
“ขอรับ”
“อาเถิง ข้าเห็นเจ้าเป็นลูกหลานของข้าคนหนึ่ง ดังนั้นข้าปฏิบัติกับเจ้าเหมือนกับเอ้อเป่า ปรารถนาให้เจ้าได้มีชีวิตที่สงบสุข แข็งแรง เรื่องอื่นล้วนไม่สำคัญ เจ้าเข้าใจความมายของข้าหรือไม่?”
แม้ว่าเหยาซูจะไม่ได้อยู่ในราชสำนัก แต่เพราะความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว นางจึงพอเข้าใจเรื่องราวที่เกี่ยวกับราชสำนักบ้าง
เจี่ยงเถิงเจ้าเด็กคนนี้อายุก็ยังไม่มากนัก แต่เวลาเป็นการเป็นงานช่างละเอียดไปเสียทุกอย่าง แม้แต่คนที่ทำงานในราชสำนักมาหลายปีเหล่านั้นก็ยังเทียบเขาไม่ได้
สิ่งที่คนอื่นมองบางทีอาจเป็นแค่หน้าตาของเจี่ยงเถิง แต่ในสายตาของเหยาซู กลับเป็นความลำบากใจนับไม่ถ้วน
เพราะนางเข้าใจว่ากว่าคนคนหนึ่งจะแสดงความโดดเด่นในราชสำนักโดยไร้ซึ่งคนสนับสนุนมันยากเย็นมากเพียงใด แม้ว่าในใจจะปลาบปลื้มที่ลูกสาวของตัวเองมีคู่ครองที่โดดเด่นเช่นนี้ แต่ในขณะเดียวกันก็ปวดใจกับเด็กคนนี้ไม่น้อย
“ข้าเข้าใจดี ขอบคุณในความเป็นห่วงของท่านอาซูขอรับ ข้าจะดูแลตัวเองอย่างดี”
“มีอีกหลายอย่าง ในฐานะที่ข้าเป็นหญิงผู้ดูแลเรือนจริง ๆ ก็ไม่สมควรพูดหรอก แต่เอ้อเป่าเป็นลูกสาวของข้า ถ้าข้าไม่พูด ก็คงไม่มีใครบอกเจ้าเรื่องพวกนี้ อาเถิง วันนี้ท่านอาซูอาจจะมากเรื่อง หวังว่าเจ้าจะไม่รังเกียจในความจู้จี้ของข้า”
“ท่านอาซูพูดอะไรอย่างนั้นขอรับ อาเถิงต้องขอบคุณการชี้แนะของท่านอาซูถึงจะถูก”
เจี่ยงฉีและเหยาซูเป็นสหายที่ดีต่อกัน ดังนั้นระดับความเข้าใจของเจี่ยงเถิงที่มีต่อเหยาซูจึงค่อนข้างมาก
ถ้าเหยาซูเป็นหญิงธรรมดาทั่วไปจริง ๆ จะได้รับความรักของหลินเหรามายาวนานหลายปีเช่นนี้ได้อย่างไร? อีกอย่างกิจการของนางจะเจริญรุ่งเรืองเช่นนี้ได้อย่างไร?
บางทีอาจเพราะในบางด้าน อาซือได้รับการสืบทอดจุดเด่นของเหยาซู ดังนั้นจึงได้มีความเฉลียวฉลาดเช่นนี้
“เอาละ ที่ข้าเรียกเจ้ามาวันนี้ เดิมทีเพราะความปรารถนาของข้าเอง เอ้อเป่ารอเจ้านานแล้ว ข้าไม่อยากรั้งเจ้าไว้ รีบกลับเถอะ”
“ขอรับ เช่นนั้นข้าขอตัว ท่านอาซูรักษาสุขภาพด้วยขอรับ”
“อื้อ”
หลังจากที่เจี่ยงเถิงกลับมาถึงเรือนของหลินซือแล้ว พบว่าหลินซือกำลังรอกินข้าวด้วยกัน อาหารชั้นเลิศถูกวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ รอเจี่ยงเถิงกลับมา
นี่จึงทำให้เจี่ยงถิงเกิดภาพลวงตาอย่างหนึ่งนับตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามา นั่นคือภาพที่หลินซือคือภรรยาของเขาแล้ว ซึ่งภาพตรงหน้าของตัวเองในตอนนี้ คือภาพบรรยายของชีวิตประจำวันที่เกิดขึ้นหลังจากนี้
หลังจากกินข้าวกับหลินซือแล้ว เจี่ยงเถิงก็พาหลินซือออกไปข้างนอกตามที่นัดกันไว้
“พี่อาเถิง คืนนี้ทำไมถึงได้คึกคักนัก?”
ครั้นเห็นผู้คนที่เดินขวักไขว่กันไปมาบนท้องถนน หลินซือจึงอดประหลาดใจไม่ได้
แม้ว่าในวันปกติจะมีฝูงชนมากมายบนท้องถนน แต่ก็ไม่ถึงขั้นเบียดเสียดกันเพียงนี้ หรือว่าวันนี้จะเป็นวันพิเศษอะไร?
“วันนี้เป็นวันแห่งความรัก[1]”
เดิมทีคิดว่าวันนี้เป็นวันที่อาซือจะเปิดใจ จึงให้ตัวเองพานางมาเที่ยวชม ผลลัพธ์ปรากฏว่าตัวเองคิดมากไป
อาซือเด็กน้อยผู้นี้ ไม่เคยใส่ใจว่าวันนี้คือวันอะไร
เจี่ยงเถิงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา
“วันแห่งความรัก? มิน่าเล่าคนถึงได้เยอะเช่นนี้”
เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ สำหรับเทศกาลแห่งความรัก หลินซือไม่เคยนึกถึงเลยแม้แต่น้อย
“อาซือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดผู้คนที่ได้ขวักไขว่เพียงนี้? และผู้คนส่วนใหญ่เป็นชายและหญิงที่เดินกันมาเป็นคู่”
“เรื่องนี้ข้ารู้ ข้าเคยได้ยินท่านพี่พูดถึง เทศกาลขอพร เป็นวันที่ชายหญิงวัยรุ่นจะออกมาเที่ยวเล่นด้วยกัน วันนี้ดูเหมือนจะต้องลอยโคมไฟ ดูดอกไม้ไฟ สนเข็ม และปักกระเป๋าอีกด้วย”
“ถูกต้อง ดูท่าความจำของอาซือจะดีไม่น้อย เช่นนั้นอาซืออยากทำสิ่งเหล่านี้ไหม?”
“ไม่เอา ข้าไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้ พี่อาเถิง เราไปยังสถานที่ที่มีคนน้อยกันเถอะ ได้ยินว่าวันนี้ท่านพี่และพี่ไป๋ก็ออกมาเที่ยวเล่นด้วย ข้ากลัวจะเจอกับพวกเขา”
“เจอกับพวกเขาแล้วไม่ดีหรือ?”
“แต่ปกติท่านพี่ก็มักจะยุ่งอยู่แล้ว น้อยนักที่จะได้อยู่กับพี่ไป๋ ข้าไม่อยากไปรบกวนพวกเขา อีกอย่างถ้าเทียบกับการอยู่กับท่านพี่แล้ว ข้าชอบอยู่กับพี่อาเถิงมากกว่า”
“ก็ได้” ครั้นได้ยินคำพูดของหลินซือ เจี่ยงเถิงก็ดีใจอย่างมาก
ดูท่าความรู้สึกที่มีต่อเขาและหลินจื้อในใจของหลินซือจะแตกต่างกัน การได้รู้จักเขาทำให้หลินซือดีใจ
จากนั้นก็พาหลินซือไปยังสถานที่ที่มีคนพลุกพล่านน้อย แม้จะบอกว่าคนน้อย แต่เทศกาลแห่งความรักแม้แต่ในส่วนของหน่วยราชการในราชสำนักก็ไม่ได้ออกมาสั่งห้ามว่าห้ามออกจากเรือนในยามวิกาลแต่อย่างใด ดังนั้นทั่วทุกที่จึงเต็มไปด้วยชายหญิง ดูไปแล้วก็นับว่าเหมาะสม
……………………………………………………………………………………………………….
[1] ฉี่เฉียวเจี๋ย (乞巧节) เทศกาลขอพรหัตถการ ขอพรในเรื่องงานช่าง งานฝีมือที่ใช้ความละเอียดอ่อน มีอีกชื่อหนึ่งว่าเทศกาลชีซี (七夕) ตรงกับวันที่ 7 เดือน 7 ถือเป็นวันแห่งความรักของจีน และยังเกี่ยวข้องกับเรื่องราวของสาวทอผ้ากับหนุ่มเลี้ยงวัว (牛郎织女) อีกด้วย
สารจากผู้แปล
พระองค์แพ้แล้วล่ะองค์รัชทายาท ความรักของพระองค์คือการยึดครองเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ส่วนความรักของเจี่ยงเถิงคือการเข้าใจในธรรมชาติของอีกฝ่ายและสนับสนุนเติบโตไปด้วยกัน อาซือต้องเลือกอย่างหลังอยู่แล้ว
ไหหม่า(海馬)