บทที่ 623 ลู่เหยาไม่ได้ไร้เดียงสา
บทที่ 623 ลู่เหยาไม่ได้ไร้เดียงสา
“พี่อาเถิง น้องลู่เหยามาพบข้าจะต้องมีเรื่องแน่นอน ข้าไปเจอนางแล้วจะรีบกลับ”
ครั้นได้ยินว่าเป็นลู่เหยา หลินซือก็หันมองเจี่ยงเถิงอย่างอดไม่ได้
ความสัมพันธ์ระหว่างลู่เหยาและองค์รัชทายาทนางรู้ชัดเจนดี แม้ว่าคราที่แล้วตัวเองและลู่เหยาจะได้พูดคุยกันอย่างชัดเจนแล้ว แต่เกรงว่าองค์รัชทายาทที่อยู่ทางนั้นจะไม่ปล่อยไปโดยง่ายเช่นนี้
แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด องค์รัชทายาทถึงตื๊อนางไม่ปล่อยเช่นนี้ก็ตาม
“ก็ได้ เจ้ามีอะไรก็เรียกข้าแล้วกัน”
เจี่ยงเถิงทัดผมที่หลุดลงมาเป็นปอยผมด้านข้างไว้หลังหูของหลินซือ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ จากนั้นก็มองหลินซือลงจากรถไปอย่างระแวดระวัง
เป็นอย่างที่คาดคิดไว้ ลู่เหยายืนอยู่บนรถม้าที่ไม่ไกลนัก กำลังเพ็งมองรถม้าของหลินซือและเจี่ยงเถิงอย่างเงียบ ๆ
ครั้นเห็นหลินซือลงจากรถม้า ก็พยักพเยิดหน้าให้หลินซือเล็กน้อย หลินซือเดินมาข้างรถม้าของลู่เหยาอย่างช้า ๆ จากนั้นก็ขึ้นไปบนรถม้าภายใต้การช่วยเหลือของลู่เหยา
ทันทีที่เปิดหน้าต่างกลับพบว่าองค์รัชทายาทอยู่ข้างใน
“มองอะไร เข้ามาสิ”
ครั้นสัมผัสได้ถึงแววตาประหลาดใจของหลินซือ องค์รัชทายาททรงแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น แล้วเอ่ยวาจาด้วยน้ำเสียงราบเรียบกับหลินซือ ไม่นานลู่เหยาก็เข้ามา
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นรถม้าของลู่เหยา ถ้าให้ลู่เหยาอยู่ข้างนอกคงจะสร้างความสงสัยให้แก่เจี่ยงเถิงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ องค์รัชทายาททรงคิดได้รอบคอบมาก
ตอนนี้ถ้าหลินซืออยากจะถอยคงถอยไม่ทันนาง นางจำได้ว่าองค์รัชทายาททรงประทับอยู่ในวังไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงได้มาอยู่บนรถม้าของลู่เหยาได้? จึงหันไปมองลู่เหยา ก็เห็นเพียงรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดที่ลู่เหยามีต่อนาง
“หม่อมฉันขอคารวะองค์รัชทายาทเพคะ”
“ลุกขึ้นเถอะ อาซือ ระหว่างข้าและเจ้าไม่ต้องเกรงใจเช่นนี้”
“ไม่ทราบว่าองค์รัชทายาทมาทำสิ่งใดที่นี่เพคะ?”
“ที่ออกมาวันนี้ก็แค่อยากมาบอกเจ้า ข้าเข้าใจในสิ่งที่เจ้าพูดแล้ว ที่เจ้าชอบเจี่ยงเถิงนั้นเป็นเพราะเขาดีต่อเจ้าใช่ไหม? ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อไปถ้าข้าจะดีต่อเจ้าให้มากกว่าเจี่ยงเถิง เจ้าจะชอบข้าไหม?”
องค์รัชทายาทมองหลินซืออย่างไม่ลดละ ราวกับต้องการเห็นว่านางจะโกหกหรือไม่
ลู่เหยาที่อยู่ข้างกายเห็นปฏิกิริยาที่องค์รัชทายาทมีต่อพี่หลินซือแตกต่างจากที่ปฏิบัติกับตัวเอง แม้ว่าในใจจะเสียใจอยู่ลาง ๆ แต่ใบหน้ายังคงฝืนยิ้มต่อไป
“ไม่มีทาง หม่อมฉันชอบพี่อาเถิงแค่คนเดียว”
“เจ้า!” ครั้นเตรียมจะโมโหใส่หลินซือ องค์รัชทายาทก็นึกถึงคำพูดของตัวเองได้
เจี่ยงเถิงผู้นั้นเก่งยิ่งนัก เขาทำอย่างไรถึงได้ดูอบอุ่นและสุภาพเช่นนี้ตลอดเวลา แต่กับตัวเองล้วนเป็นคนเข้มงวดเช่นนี้ อนาคตจะเป็นที่ไร้ความสำคัญเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด
“องค์รัชทายาท ถึงกระนั้นพี่หลินซือและเจี่ยงเถิงก็เป็นสหายกันมาตั้งแต่เด็ก ความจริงแล้วฝ่าบาททรงไม่ต้องรีบร้อนก็ได้ พี่หลินซือ พี่อย่ากลัวไปเลย องค์รัชทายาทแค่อยากบอกพี่ไม่กี่ประโยคนี้เท่านั้น”
ลู่เหยาเห็นบรรยากาศเริ่มตึงเครียด จึงรีบทำลายบรรยากาศนั้นทันที นางไม่อยากให้องค์รัชทายาทและพี่หลินซือระเบิดอารมณ์ใส่กันบนรถม้าของนาง
“น้องลู่เหยา วันนี้เจ้าหลอกข้าให้มาหาองค์รัชทายาทใช่หรือไม่?”
หลินซือไม่มีโอกาสได้ไถ่ถามลู่เหยามาตลอด ตอนนี้ได้รับโอกาสจึงได้ถามออกไป
นางไม่ใช่คนขี้อายประเภทนั้น ไม่ว่าจะเป็นคนหรือการกระทำ สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำให้ตัวเองเบิกบานใจ แต่ตอนนี้นางไม่สบายใจโดยสิ้นเชิง
เพราะนางไม่ชอบความรู้สึกของการถูกหลอกเช่นนี้ นางเชื่อใจน้องลู่เหยา ดังนั้นจึงยอมขึ้นรถม้า
ใครเล่าจะรู้ว่าบนรถม้าจะมีองค์รัชทายาทอีกคน แล้วจะทำให้นางรับได้อย่างไร?
“พี่หลินซือ ข้าขอโทษ ข้าเองก็ต้องช่วยเพื่อองค์รัชทายาทเช่นกัน ความจริงแล้วองค์รัชทายาทใส่ใจพี่มาก ข้าไม่เคยเห็นองค์รัชทายาทใส่ใจคนผู้หนึ่งมากเพียงนี้…”
เสียงของลู่เหยายิ่งฟังยิ่งเบาลง ทำให้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองเห็นถึงความน้อยเนื้อต่ำใจของนาง
แต่เวลานี้ในใจของหลินซือกลับโทสะยิ่งกว่าเดิม ไฉนเลยจะสนใจมากเพียงนั้น
“ใช่ องค์รัชทายาทใส่ใจ เจ้าก็เลยช่วยองค์รัชทายาท แต่เจ้าไม่เคยคิดถึงใจข้าเลยใช่หรือไม่?”
“ข้า…”
“เอาละ อาซือ เจ้าอย่าโทษลู่เหยาเลย ข้าบีบบังคับนางให้ทำเช่นนี้เอง”
ครั้นเห็นลู่เหยาถูกตำหนิ องค์รัชทายาทจึงช่วยพูดให้ลู่เหยาอย่างอดไม่ได้
ถึงอย่างไรลู่เหยาต้องโกหกหลินซือเพราะเขา ตัวเองก็ไม่ได้มุ่งร้ายอะไร
อีกทั้งองค์รัชทายาทก็ทรงเข้าใจ ลู่เหยาชอบหลินซือมากมาโดยตลอด ดังนั้นเขาจึงไปขอความช่วยเหลือจากลู่เหยา ใครจะรู้เล่าว่าครานี้ปฏิกิริยาของหลินซือจะมากเพียงนี้
“องค์รัชทายาท หม่อมฉันเป็นแค่สตรีน้อยธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่กล้าให้องค์รัชทายาททรงคิดมากเพียงนี้ องค์รัชทายาทมีค่าดั่งทองสูงส่งเหนือแผ่นดิน น่าจะทุ่มพลังทั้งหมดให้กับการเรียนดีกว่านะเพคะ องค์รัชทายาทยังทรงเยาว์วัยนัก ต่อไปอาจจะได้เจอะเจอกับคุณหนูอีกมากมาย แบบนี้จะได้ไม่ตามตื๊อหม่อมฉันเพียงคนเดียวเพคะ”
หลินซือเองก็ไม่รู้ว่าทำไม องค์รัชทายาทถึงได้ตามตื๊อนางเพียงนี้ เมื่อเห็นท่าทางขององค์รัชทายาท ก็อดจนปัญญาไม่ได้
แม้ว่านางจะอายุมากกว่าองค์รัชทายาท แต่การตามตื๊อขององค์รัชทายาทที่มีต่อหลินซือไกลเกินกว่าจินตนาการของนางมากโข
ยังดีที่ในตอนแรกเริ่มไม่ว่าจะเป็นเหยาซูหรือเจี่ยงเถิงต่างก็ตักเตือนนาง ให้นางอย่าใกล้ชิดกับกับองค์รัชทายาทมากไป มิเช่นนั้นสถานการณ์ในตอนนี้คงจะลำบากใจมากกว่านี้
“อาซือ พูดเช่นนี้หมายความว่าเจ้าไม่เชื่อคำพูดของข้า”
“องค์รัชทายาท…”
“ช่างเถอะ ในเมื่อเจ้าไม่เชื่อข้าก็ช่างเถอะ ข้าเองก็ไม่ได้บังคับเจ้า แต่ต่อไปถ้าข้าดีกับเจ้า เจ้าอย่าปฏิเสธข้าก็พอแล้ว ข้าจะถามอีกครั้ง เจ้าจะทำได้หรือไม่?”
“หม่อมฉันมีภารกิจ ต้องขอตัวก่อน วันนี้อารมณ์ขององค์รัชทายาทยังไม่คงที่นัก ได้โปรดองค์รัชทายาททรงรักษาสุขภาพด้วย หม่อมฉันขอตัวลา”
ครั้นพบว่าไม่สามารถพูดคุยกับองค์รัชทายาทได้ต่อ สุดท้ายหลินซือก็ต้องยกเลิกความคิดนี้
ก่อนจะจากไปก็ยังมิวายมองไปยังลู่เหยาที่นั่งอยู่ด้านข้าง นางไม่รู้ว่าเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนนี้ไปเรียนรู้วิธีการโกหกคนอื่นมาจากไหน จากนั้นก็ลงจากรถม้าไป
หลังจากกลับมาถึงรถม้าของตัวเอง หลินซือก็ได้ส่งเสียงฟึดฟัดออกมาอย่างไม่สบอารมณ เจี่ยงเถิงจึงรู้ทันทีว่าในนั้นต้องมีเรื่อง
“มีเรื่องอะไรถึงทำให้อาซือของข้าโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงเช่นนี้?”
“น้องลู่เหยาหลอกข้า! นางบอกให้ข้าไปคุยกับนาง ผลลัพธ์ตอนที่ข้าเข้าไปองค์รัชทายาททรงประทับอยู่ในนั้น อีกทั้งยังพล่ามเรื่องที่ไร้เหตุผลกับข้าไปยกใหญ่ พี่อาเถิง เห็นได้ชัดว่าน้องลู่เหยาไม่ใช่คนแบบนี้”
หลินซือลั่นฟ้องเจี่ยงเถิงไฟแลบ ในใจของนาง พี่อาเถิงเป็นคนที่นางไว้ใจมาก ดังนั้นยามมีเรื่องอะไรนางสามารถพูดกับพี่อาเถิงได้เสมอ
“ข้าคิดว่านางเองก็ถูกบีบบังคับจนหมดหนทางแล้วเช่นกัน ถึงกระนั้นก็คือองค์รัชทายาท ใครเล่าจะกล้าปฏิเสธได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนท่าน”
สำหรับเรื่องที่ทำให้องค์รัชทายาทต้องมัวหมอง เจี่ยงเถิงล้วนแต่ยังไม่แน่ใจแม้แต่น้อย แม้ว่าในใจของหลินซือจะไม่มีที่ว่างให้องค์รัชทายาท แต่เขาก็ยังเห็นองค์รัชทายาทเป็นศัตรูหัวใจของตัวเอง ฉะนั้นการทำให้ความประทับใจแรกของเขาดูแย่ในสายตาของอาซือเสียหน่อยนับว่าเป็นเรื่องดีที่สุด
“พี่อาเถิง ท่านพูดถูก เช่นนั้นข้าก็คงโทษน้องลู่เหยาไม่ได้ใช่ไหม?”
หลินซือเป็นคนเรียบง่ายมากคนหนึ่ง ถ้าเป็นความผิดของผู้อื่นนางคงไม่อ่อนข้อให้เพียงนี้ แต่ถ้าคนผิดคือตัวเอง เช่นนั้นนางก็คงจะยอมไปกล่าวขอโทษและชดเชยความผิด
อีกทั้งก่อนหน้านั้นในใจของหลินซือ ลู่เหยาก็เป็นคนดีมากคนหนึ่ง ดังนั้นถ้านางผิดที่ไปตำหนิน้องลู่เหยาจริง นางจะไปขอโทษ
“ไม่เป็นไร เชื่อเถอะว่านางไม่ตำหนิเจ้า” เจี่ยงเถิงมองหลินซือพลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
แม้ว่าปากของเขาจะพูดว่าเป็นคำสั่งขององค์รัชทายาท แต่ในใจกลับเห็นลู่เหยาทัดเทียบคนบริสุทธิ์ไม่ได้