ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] – บทที่ 675 ไปทาบทามกับเหยาซู

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ตอนที่ 675 ไปทาบทามกับเหยาซู

ตอนที่ 675 ไปทาบทามกับเหยาซู

สองสามวันหลังจากนั้น หลินซือจัดระเบียบเงื่อนไขของการค้าเกลือ ทั้งยังส่งเทียบเชิญไปให้พวกเขามาเจรจากันในจวนหลิน

เจี่ยงเถิงคอยช่วยวางแผนให้หลินซือ คอยอยู่ข้างกายนางย่างเงียบ ๆ เพราะไป๋หรูปิงออกเรือนมาเป็นสะใภ้ในจวนหลินแล้ว จึงเพิ่มโอกาสในการเจอกันมากขึ้น

ครั้นหลินจื้อได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่มเป็นเวลาสามวันก็ออกปฏิบัติภารกิจ ไป๋หรูปิงมักจะไปอยู่ในเรือนของหลินซือเป็นประจำ

ต่อให้ไม่มีการพูดคุย นางก็มาอยู่ดี

โดยเฉพาะอย่างยิ่งครั้นเห็นเจี่ยงเถิงดูอ่อนโยนกับเอ้อเป่า ทำให้ไป๋หรูปิงรู้สึกอิจฉา แม้ว่าหลินจื้อจะปฏิบัติต่อนางไม่เลว แต่ความรู้ใจและความสุภาพระหว่างพวกนางสองคน ไม่เหมือนกับเอ้อเป่า ไม่มีการคิดไตร่ตรองเรื่องเหล่านี้ แค่ทำให้สิ่งที่ตัวเองมีความสุข

คนเราเรียนรู้กันได้ ดังนั้นตอนนี้ไป๋หรูปิงจึงพอใจกับทัศนคติของตัวเองมาก พ่อแม่สามีก็แสนดีต่อนาง สามีก็เอาใจใส่ดูแลยิ่งกว่า ทั้งยังมีน้องสามีที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่วัยเยาว์ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

“อาเถิง ท่านดูพวกเขาเหล่านั้นสิ ข้ารู้สึกว่าพวกเขายังไม่น่าเชื่อถือมากพอ ยามคุยกับข้า สายตามักจะวอกแวกไปมาอยู่ตลอดเวลา ดูขาดความมั่นใจอย่างเห็นได้ชัด” หลินซือชี้ไปยังรายชื่อบนกระดาษเหล่านั้น แล้วเอ่ยกับเจี่ยงเถิง

ช่วงนี้นางยุ่งมาก หลังจากยืนยันลูกมือเหล่านั้นแล้วก็ต้องมาปรึกษาหารือเกี่ยวกับรายละเอียดของเรือนพักพิงอีก

แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่เข้าใจในตอนแรก แต่ภายหลังครั้นได้ยินว่าการเปิดเรือนพักพิงไม่จำเป็นต้องพึ่งเงิน พวกเขาจึงเอาอกเอาใจหลินซือสารพัด และยอมช่วยเรื่องนี้

แต่ก็ยังมีบางคนที่เห็นว่าหลินซือยังเด็กจึงเข้ามาหวังผลประโยชน์จากหลินซือ ใครเลยจะรู้ว่าจะมีเจี่ยงเถิงคอยตามติดเป็นเงาตามตัว ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถประจบเอาใจใด ๆ ได้แล้ว ทั้งยังเหน็ดเหนื่อยยิ่งกว่าการเปิดกิจการของตัวเองก่อนหน้านั้นเสียอีก

ถึงอย่างไรเบื้องหลังของหลินซือก็ยังมีเจี่ยงเถิงคอยสนับสนุน พ่อค้าแม่ขายโดยทั่วไปไฉนเลยจะทัดเทียมเหยาซูได้

ต่อมาคนเหล่านี้จึงค่อย ๆ เลิกดูถูกหลินซือ แล้วหันมาพูดคุยกับหลินซือด้วยความซื่อสัตย์อย่างเต็มเปี่ยม

“ไม่เป็นไร ในเมื่อเจ้าไม่พอใจก็พักไว้ก่อน ตรงกันข้ามลูกจ้างของเจ้าก็มีจำนวนไม่น้อย ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนี้ก็ได้”

เจี่ยงเถิงมองกระดาษในมือของหลินซือ แล้วเอ่ยอย่างมีความหมายแอบแฝง อาซือสร้างความประหลาดใจให้เขาอย่างท่วมท้น ร้านหยกอวี้ฝูก่อนหน้านั้นเขารู้สึกว่ามันคือความโชคดีที่ซ่อนอยู่ แต่เรื่องค้าเกลือทำให้เจี่ยงเถิงเข้าใจความสามารถของหลินซือมากขึ้น

นี่ไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปจะทำได้ แต่อาซือไม่เพียงแต่ทำได้แล้ว แต่ยังทำมันออกมาได้ดีมากอีกด้วย กระทั่งทำออกมาได้ดีกว่าพ่อค้าแม่ขายมากมายเหล่านั้น อาซือเก่งกาจยิ่งนัก

“ก็ใช่ ช่วงนี้พี่รองถูกขังอยู่แต่ในเรือนออกไปไหนไม่ได้ อีกทั้งพี่ใหญ่ซวีก็ต้องออกรบอีก ไม่รู้ว่าพวกเขาสองคนจะได้เจอกันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนออกเดินทางหรือไม่”

“เจ้าอยากช่วยเหยาเอ้อหลางงั้นเหรอ?”

“อื้อ ถึงอย่างไรพี่รองก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อพี่ใหญ่ซวี ข้าคิดว่าควรจะให้พวกเขาได้กล่าวลากันดี ๆ”

“ในเมื่อเจ้าคิดเห็นเช่นนี้ อย่างนั้นข้าจะคิดหาทางแล้วกัน”

“จริงหรือ? ท่านมีวิธีรึ? พี่อาเถิง เหตุใดท่านถึงได้เก่งกาจเช่นนี้!”

“เพราะข้าทนเห็นอาซือผิดหวังไม่ได้น่ะสิ” กล่าวพลางลูบศีรษะของอาซือ ช่วงนี้การได้อยู่กับอาซือทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างราบรื่นมากขึ้น การสัมผัสตามร่างกายของอาซือก็ดูคุ้ยเคยมาขึ้น เชื่อว่าอีกไม่นาน อาซือจะแยกจากเขาไม่ได้อีก

ในเช้าวันที่ซวีจ้าวต้องออกเดินทาง เหยาเอ้อหลางได้หลบหนีออกจากจวนเหยาภายใต้การช่วยเหลือของเจี่ยงเถิง หลินซือและเจี่ยงเถิงคนซ่อนตัวอยู่ที่ห่างไกลเพื่อให้โอกาสซวีจ้าวได้กล่าวลากับเหยาเอ้อหลาง

ยามได้เจอกับซวีจ้าว เขาไม่ได้แต่งกายด้วยชุดคลุมยาวทั้งตัวอีก แต่เปลี่ยนเป็นชุดเกราะ พาให้ตัวเองดูขึงขังมากยิ่งขึ้น

“จะไปแล้วรึ?”

“ใช่ สถานการณ์ด้านทหารฉุกเฉินแล้ว จะล่าช้าไม่ได้”

“เช่นนั้นเจ้าต้องรักษาตัวเองให้ดี ข้าจะรอเจ้ากลับมาดื่มสุรากับข้า”

“ได้”

“เหตุใดเจ้าถึงเป็นเช่นนี้ พูดมากกว่านี้มันจะตายหรือไร?”

“ชินแล้ว” ซวีจ้าวมองเหยาเอ้อหลาง เขาไม่รู้ว่าควรต้องพูดอะไร

สหายในเมืองหลวงของเขามีน้อยมาก เหยาเอ้อหลางนับว่าเป็นหนึ่งในนั้น แต่เมื่อต้องประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้ เขากลับพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว ทำได้แค่ถามคำตอบคำกับเหยาเอ้อหลาง

“ที่นั่นหนาวมากนะ เจ้าต้องสวมเสื้อผ้าหลายชั้นหน่อย ข้ากำลังคิดว่ายามเจ้ากลับมา ลูก ๆ ของหลินจื้อคงออกมาวิ่งกันเต็มเรือนแล้ว”

“อาจจะ ถ้าเขามีชีวิตที่เป็นสุข”

“เอาล่ะ ข้ารู้สึกไม่ดีมาตลอดที่ต้องพูดกับเจ้า แต่คนเหล่านั้นรอเจ้าเสมอ ดูแลตัวเองดี ๆ ว่าง ๆ ก็เขียนจดหมายมาหาข้าบ้าง ข้าจะได้ไม่เบื่อที่ต้องอยู่ในเมืองเพียงลำพัง”

“อื้อ”

“ไปเถอะ อย่าให้ทุกคนต้องรอ” เหยาเอ้อหลางมองซวีจ้าว โดยไม่ได้ขัดขวางแต่อย่างใด เรื่องบางเรื่องเขาขวางไม่ได้

ซวีจ้าวคือนกอินทรีที่กำลังจะโบยบินสู่ฟากฟ้า เขาไม่ควรลากอีกฝ่ายมาลุ่มหลงอยู่ในพิษสุรา

“แล้วเจอกัน” ซวีจ้าวควบม้าพุ่งออกไปอย่างไม่ลังเล ข้างนอกเป็นกองทัพใหญ่ที่เขาต้องนำออกไป และเขาก็เป็นผู้นำกองทัพใหญ่ในครานี้ด้วย

“ในเมื่อกล่าวลากันแล้ว กลับจวนกันเถอะ” เสียงของเหยาเฉาดังขึ้นด้านหลังของเหยาเอ้อหลาง ทำให้เหยาเอ้อหลางสะดุ้งเฮือกด้วยตวามตกใจ

“ท่านพ่อ ท่านอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”

“ถ้าไม่ใช่เพราะลูกไม่รักดีอย่างเจ้า กล้าบุกไปข่มขู่คุณหนูลู่ และถ้าไม่ใช่เพราะซวีจ้าว เจ้าจะทำสิ่งใดได้? ตอนนี้ครั้นให้โอกาสเจ้าได้กล่าวลากับซวีจ้าวแล้ว ก็ถึงคราวที่เจ้าต้องกลับจวนไปถูกกังขังเช่นเดิมแล้ว!”

ยิ่งเห็นบุตรชายที่ไม่เอาถ่านคนนี้ ยิ่งทำให้เหยาเฉารู้สึกว่าตัวเองมีอายุน้อยลงไปทุกที

ในเมื่อต่อต้านไม่ได้ เหยาเอ้อหลางจำใจต้องตามหลังเหยาเฉากลับจวนอย่างว่าง่าย เขาไม่อยากถูกขังจริง ๆ เพราะนั่นก็คือชีวิตคนคนหนึ่งเชียวนะ?

ถ้าไม่ใช่เพราะท่านอาเสี่ยวเวยไม่อยู่ เขาคงไปขอร้องท่านอาเสี่ยวเวยแล้ว

แต่เขารู้สึกได้ว่า เหตุใดช่วงนี้อารมณ์บิดาของตนค่อนข้างฉุนเฉียวยิ่งนัก?

อีกด้านหนึ่ง เจี่ยงเถิงและหลินซือที่ซ่อนตัวเฝ้ามองเหตุการณ์อยู่ที่ไกล ๆ เห็นเหยาเฉาเดินมา แต่ก็ไม่ได้ส่งเสียงเตือนแต่อย่างใด จนกระทั่งตอนนี้เห็นท่าทางคอหักเป็นปลาทูของญาติผู้พี่คนรองก็อดขบขันไม่ได้

“พี่อาเถิง ท่านไปคุยกับท่านลุงว่าอย่างไร?”

“ข้าบอกว่าซวีจ้าวกำลังจะเดินทาง ไม่ว่าอย่างไรเหยาเอ้อหลางก็ต้องออกไปส่ง อาจจะเพราะใต้เท้าเหยานึกถึงท่านอาเสี่ยวเวยก็ได้ จึงตอบตกลงโดยไม่พูดมากความ”

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ข้าก็ว่าอยู่ว่าทำไมท่านลุงถึงได้มาทันเวลานี้” เมื่อครู่หลินซือยังคงแปลกใจว่า ทำไมเหยาเฉาถึงได้ปรากฏตัว ที่แท้ก็เป็นความพิเรนทร์ของพี่อาเถิงนี่เอง

“ในเมื่อเรื่องของพวกเขาจบสิ้นแล้ว เช่นนั้นต่อไปก็มาพูดเรื่องของเราได้แล้วสินะ?”

“เรายังมีเรื่องอะไรต้องพูดอีก?”

“อาซือลืมไปแล้วรึ? เราตกลงกันแล้วว่าหลังจากพี่ใหญ่แต่งงาน ข้าจะไปทาบทามเจ้ากับท่านอาซู” เจี่ยงเถิงรอวันนี้มานานมาก

“อ่อ…เรื่องนี้ท่านคงพูดกับข้าไม่ได้ ต้องไปพูดกับท่านแม่ของข้าแล้วล่ะ”

“งั้นข้าจะคิดว่าเจ้าตอบตกลงแล้วนะ” ความจริงแล้วเจี่ยงเถิงได้คุยเรื่องนี้กับมารดาของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ที่บอกกับอาซือตอนนี้ก็เพื่อให้อาซือได้เตรียมใจเท่านั้น

ถึงอย่างไรการสู่ขออาซือก็เป็นเป้าหมายที่เขากำหนดไว้ตั้งแต่วัยเยาว์

ในที่สุด ตอนนี้มันก็กลายเป็นความจริงแล้ว

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ซวีจ้าวไปออกรบแล้ว เอ้อหลางของเราคงจะเหงาน่าดูเลยนะคะเนี่ย

ไหหม่า (海馬)

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

Status: Ongoing
เหยาซูเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างตัวละครหนึ่งในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่าน!หญิงสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมาเกิดใหม่ในนิยายยุคโบราณที่ตนเองกำลังอ่าน หลังฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของ เหยาซู มารดาของวายร้ายทั้งสามในเรื่อง กลายเป็นแม่ม่ายลูกติดโฉมสะคราญที่ผู้คนต่างชี้หน้าบอกว่าเป็นตัวซวยทำให้สามีต้องตาย เมื่อได้ทราบว่าชีวิตของลูก ๆ ต้องเผชิญกับการดูถูก นางจึงทนไม่ไหวเก็บข้าวของหอบลูกกลับบ้านเก่า เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกและครอบครัวทางแม่ของตน ด้วยคิดว่าหากสั่งสอนลูกดี ๆ พวกเขาคงไม่กลายเป็นตัวร้าย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีของนางได้กลับมา พวกเขาจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตามนิยายต้นฉบับสามีของตนจะตกหลุมรักสตรีอื่น จึงคิดหาวิธีที่จะหย่าขาดกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน