ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] – บทที่ 683 ข้าจับใครมา

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

บทที่ 683 ข้าจับใครมา

บทที่ 683 ข้าจับใครมา

“แม่ดรุณีน้อย!”

บทสนทนาของหลินเหราถูกผู้อื่นขัดจังหวะ จู่ ๆ ก็มีทหารกองหนึ่งมาเยือนถึงหน้าประตู หลินเหราตอบสนองอย่างว่องไวตรงปรี่ไปขวางหน้าหลินซือไว้

เขาแสดงท่าทีน่าเกรงขาม พร้อมกับมองไปยังทหารที่บุกรุกถึงหน้าประตูด้วยสายตาเคร่งขรึม

“พวกเจ้าคือผู้ใด เหตุใดต้องบุกรุกมาถึงจวนของเรา?”

“คุณชายหลินเข้าใจผิดแล้ว เรามาส่งหมายประกาศจับขอรับ”

“หมายประกาศจับ? เกิดฆาตรกรรมร้ายแรงอะไรขึ้นในเมือง? หรือมีวัตถุสำคัญหายไปจากคลังหลวง?”

“ท่านดู เดี๋ยวก็รู้เองขอรับ”

หลินเหรารับหมายนำจับมาดูกระทั่งเห็นเนื้อหาที่เขียนอยู่ในหมายนำจับนั้น นี่คือลูกชายของเหยาเฉา ท่านแม่ทัพใหญ่แห่งวังหลวง เหยาเอ้อหลาง!

ครั้นหลินซือเห็นเนื้อหาบนนั้นชัดเจน ก็เผลออุทานเสียงดังโดยไม่ได้ตั้งใจ “นี่มันพี่รอง?”

เหล่าทหารเห็นสีหน้าท่าทางของหลินซืออย่างชัดเจน เลยคิดว่านางต้องมีเบาะแสบางอย่าง

“คุณหนูหลิน เคยเจอเหยาเอ้อหลางหรือขอรับ?”

คนเหล่านี้ชี้หอกยาวไปยังหลินซือพลางเอ่ยถาม หลินเหราเป็นห่วงกลัวว่าพวกเขาจะทำให้หลินซือหวาดกลัว “พวกเจ้าถอยไป อย่าทำให้บุตรสาวของข้าต้องหวาดกลัว”

“พวกเจ้าพาพรรคพวกไปตามหาที่จวนอื่นเถิด จวนของเราไม่มีและไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ใดด้วย”

หลินเหราไล่ทหารเหล่านี้เพียงคำสองคำ เขาก็หมุนตัวกลับมาจ้องเขม็งที่หลินซือ

“เจ้าเคยเจอเหยาเอ้อหลางรึ?”

ความคิดของหลินซือไม่อาจเล็ดลอดผู้เป็นพ่อไปได้ ทำได้แค่บอกความจริงอย่างละเอียดเท่านั้น

นางเคยเจอกับเหยาเอ้อหลางเมื่อสองสามวันก่อนก็จริง แต่ไม่รู้ว่าเขาไปอยู่ที่ไหน

“วันที่พี่รองหนีไป ข้าเคยเจอเขาก็จริง แต่ข้าไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน”

หลินเหราวางใจลง เหยาเอ้อหลางผู้นั้นมีนิสัยง่าย ๆ สบาย ๆ ถ้ารู้ว่าแม่นางน้อยของเขารู้ว่าเจ้าตัวอยู่ที่ไหนแล้วไม่ยอมบอกความจริง เกรงว่าทหารคงบุกมาหาเรื่องพวกเขาถึงจวนแน่นอน

เขาตบบ่าของหลินซืออย่างเบามือ “ไม่รู้ก็ดี แต่เหยาเฉาผู้นั้นก็เอาเรื่องอยู่ เหยาเอ้อหลางเป็นถึงเจ้ากรมเมืองจิงจ้าว แต่เหยาเฉากลับกล้าเขียนประกาศจับลูกชายตัวเอง คงไม่ได้อยากให้รู้กันทั้งเมืองหรอกกระมัง?”

เหยาเฉาเป็นผู้นำสูงสุดของกองทัพทหารเช่นกัน การเขียนประกาศจับลูกชายของตัวเองเช่นนี้ อย่างไรก็ต้องรู้ไปทั่วทั้งเมืองกระทั่งเกิดความโกลากลแน่นอน

“เพื่อบีบให้เหยาเอ้อหลางแต่งงาน จึงทำให้เหยาเอ้อหลางต้องเป็นเช่นนั้น เหยาเอ้อหลางจะหดหู่ใจแค่ไหน?”

หลินเหราทอดถอนใจ โชคดีที่ลูกทั้งสองคนของตัวเองทำให้เขาสบายใจ ไม่ได้ก่อเรื่องแบบนั้นทีแบบนี้ที เขากำชับหลินซือว่าอย่าไปมาหาสู่กับคนเหล่านั้น มิเช่นนั้นจะต้องเกิดปัญหาตามมาแน่

ปากของหลินซือพูดรับปาก แต่ลับหลังก็อดร้อนใจแทนเหยาเอ้อหลางไม่ได้

ถูกคนในตระกูลออกประกาศจับเช่นนี้คงเสียหน้าแน่นอน คาดว่าเหยาเอ้อหลางคงไม่มีกระจิตกระใจจะกลับจวนแล้ว

นางเดินออกไปข้างนอก กระทั่งเห็นกลุ่มทหารนำประกาศจับแปะตามบ้านเรือนต่าง ๆ ตามตรอกซอยและถนนใหญ่ล้วนเต็มไปด้วยประกาศจับของเหยาเอ้อหลางทั้งสิ้น

รูปแบบการจัดการเช่นนี้สร้างความประหลาดใจให้ทุกคนอย่างมาก ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไปความสัมพันธ์ของสองพ่อลูกอย่างพวกเขาคงยิ่งแข็งขืนมากขึ้น

หลินซือทอดถอนใจหนึ่งเสียง โชคดีที่นางและพี่ชายต่างรักใคร่ปรองดองกัน ไม่ถึงขนาดต้องเป็นทุกข์เช่นนี้

……

อีกด้านหนึ่ง เหยาเอ้อหลางซ่อนตัวอยู่ในตรอกเล็กแห่งหนึ่ง ครั้นเห็นเหล่าทหารเดินไปเดินมาอยู่ข้างนอก เขาก็แทบจะอยากจะหนีไปให้เร็ว ไม่เพียงแต่เรื่องที่ผู้เป็นพ่อออกประกาศจับตัวเขา ทั้งยังออกประกาศจับตามครัวเรือนต่าง ๆ อีกด้วย!

เห็นได้ชัดว่านี่คือการประนีประนอม เหยาเอ้อหลางมีนิสัยเหมือนกับเหยาเฉา ยิ่งบีบบังคับให้เขาทำสิ่งใด เขาก็ยิ่งไม่ทำสิ่งนั้น

ถ้าให้เขาแต่งงานกับคนที่ไม่ชอบ เหยาเอ้อหลางไม่มีทางยอมไปตลอดชีวิต!

“จะโกรธจริง ๆ แล้วนะ!” โนเวล-พีดีเอฟ

“เจ้าโกรธแค่ไหนกันเชียว?”

เสียงของหญิงสาวผู้หนึ่งดังขึ้นด้านหลังของเหยาเอ้อหลางอย่างฉับพลัน เขาตื่นตกใจจนต้องถอยร่นไปด้านหลัง ก่อนจะมองสตรีตรงหน้าด้วยความระแวดระวัง

“เจ้าคือใคร เจ้าโผล่มาจากที่ใด? ทำไมถึงไม่บอกกล่าวข้า?”

“เจ้ามัวแต่ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ไม่ทันสังเกตว่ามีคนเดินมาต่างหาก ทำไมถึงมาโทษข้าได้เล่า?”

สตรีตรงหน้าหยุดพูดชะงัก นางชำเลืองมองเหยาเอ้อหลาง ก่อนจะเอ่ยปากหยอกเย้า

“ถ้าเจ้าไม่พอใจที่ข้าอยู่ด้วย เจ้าไปจากที่นี่ก็ได้นะ”

“ไปก็ไป ข้ากลัวเจ้าเสียที่ไหน!”

เหยาเอ้อหลางย่างเท้าออกมาได้ไม่นานก็ถูกทหารที่เดินไปเดินมาอยู่นอกตรอกเหล่านั้นบีบให้ต้องกลับเข้าไป ไม่เป็นไร ขืนออกไปตอนนี้เท่ากับตายลูกเดียว ถูกจับกลับจวนครานี้กว่าจะหนีออกมาคงยากน่าดู

เขาคิดว่าถ้าเขากลับจวนก็ต้องเดินตามลู่ทางที่ตาเฒ่าผู้นั้นจัดเตรียมไว้ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกแย่ในใจ

“ทำไม ไม่ไปแล้วรึ?”

“เจ้าเป็นใคร เจ้าจะมาสนใจทำไมว่าข้าจะไปหรือไม่ไป ข้าจะไปไหนก็ไม่เกี่ยวกับเจ้า”

สตรีผู้นั้นยกมือเท้าคางพร้อมกับจ้องเขม็งมาทางเหยาเอ้อหลาง ท่าทางเช่นนี้ทำให้เหยาเอ้อหลางจ้องมองอย่างตกตะลึง สตรีน้อยผู้นี้ช่างงดงามยิ่งนัก

ไม่รู้จริง ๆ ว่าเป็นสตรีตระกูลไหน

“เจ้าไปไหนไม่เกี่ยวกับข้าหรอก แต่เจ้าคือคนที่อยู่ในประกาศจับเหล่านั้น ถ้าข้านำตัวเจ้าไปส่งให้ทหารที่อยู่ข้างนอกได้ จะได้เงินก้อนหนึ่งเป็นรางวัลใช่หรือไม่?”

“เจ้าเป็นใครกันแน่?”

ใบหน้าของเหยาเอ้อหลางถอดสีลง เดิมทีไม่รู้ว่าสตรีตรงหน้าผู้นี้เป็นเทพองค์ไหนมาจุติ แต่การที่นางจำตนได้ เกรงว่าผู้มาเยือนคงไม่น่าเป็นมิตร

“ข้าเป็นผู้สัญจรที่รักสนุก ตอนนี้เห็นเรื่องสนุก ๆ เลยอยากลองเล่นเสียหน่อย”

“ข้าไม่ว่างมาเล่นกับเจ้า”

ทหารข้างนอกไม่ถือว่าเยอะนัก เหยาเอ้อลางได้ยินเสียงลาดเลาข้างนอกดังเลือนราง จึงตั้งใจจะหนีไป

สตรีผู้นี้กลับไม่ให้เขาไป “ข้าให้เจ้าไปแล้วหรือไร?”

“เจ้า!”

นางขวางหน้าของเหยาเอ้อหลางไว้ เหยาเอ้อหลางไม่สนใจกฎระเบียบที่ว่าชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกันอะไรเทือกนั้น เขาผลักแม่นางน้อยตรงหน้าออกไป

“ถอยไป”

“เจ้ากล้าผลักข้า! สหายข้ามาจับตัวเขาไว้!”

ชายฉกรรจ์จำนวนสามถึงห้าคนปรากฏกายขึ้นในที่มืด จากนั้นก็รุดหน้าเข้ามาจับตัวเหยาเอ้อหลา พวกเขาไม่รู้ว่าต้องใช้สิ่งใดปิดปากเหยาเอ้อหลาง สุดท้ายจึงใช้ถุงคลุมหัวเหยาเอ้อหลางไว้ แล้วลากตัวเขาออกไป

เหยาเอ้อหลางสบถด่าไปตลอดทาง คุณหนูที่คอยปกป้องเมืองหลวงผู้นั้นไม่ชอบความวุ่นวาย จึงกระซิบขู่ข้างหูของเขา

“ถ้าเจ้ายังโวยวายเสียงดังอีก ข้าจะพาเจ้ากลับไปส่งจวนเหยาทันที ดูสิว่าเจ้าจะออกมาเดินทอดน่องได้อีกไหม!”

เหยาเอ้อหลางรู้ว่าตอนนี้ถูกลากตัวไปตามถนนใหญ่ ถ้าร้องโวยวายเสียงดังจะต้องถูกทหารที่ลาดตระเวนเหล่านั้นเจอตัวแน่นอน

เขาถึงกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออกและไม่มีเหตุผลจะพูดด้วย สตรีผู้นี้เป็นเทพศักดิ์สิทธิ์มาจากไหนกัน?

“คุณหนูใหญ่ เราพาตัวเหยาเอ้อหลางกลับจวนดีไหมขอรับ?”

“นั้นมันแน่นนอนอยู่แล้ว ให้ท่านพ่อได้เห็นว่าข้าจับตัวใครมา”

เท่าที่เหยาเอ้อหลางได้ยินบทสนทนาของสตรีผู้นี้ นางต้องเป็นลูกหลานตระกูลขุนนางชั้นสูง มิเช่นนั้นไม่มีทางมีลูกสมุนมากมายเช่นนี้แน่นอน

โชคดีที่ตอนนี้เป็นช่วงกลางวันแสก ๆ จึงไม่ได้อันตรายถึงแก่ชีวิตนัก เหยาเอ้อหลางรู้สึกวางใจลงมาก

พวกเขาเดินอย่างมั่นคงไปตลอดทาง เหยาเอ้อหลางคาดเดาในใจว่าที่นี่คงเป็นจวนของพวกเขา

“ท่านพี่ ท่านดูสิข้าจับใครกลับมา?”

องครักษ์พิทักษ์เมืองชำเลืองตามองคนที่ถูกคลุมหัวด้วยถุงกระสอบ เขายื่นหน้าเข้าไปดูพร้อมกับดึงถุงกระสอบออก สิ่งที่เห็นคือใบหน้าของเหยาเอ้อหลาง สีหน้าของเขาถอดสีลงทันใด

“เจ้าจับเขากลับมาทำไม?”

“ฮือ ฮือ ฮือ!”

ครั้นเหยาเอ้อหลางเห็นว่าคนตรงหน้าคือองครักษ์พิทักษ์เมือง นี่คือสหายที่รู้จักกัน เขาเลยรู้สึกตื้นตันใจ

ต้าชุนปล่อยตัวเหยาเอ้อหลาง “สหายข้า น้องสาวของข้าไม่รู้ความนัก เจ้าอย่าถือสานางเลย”

“พวกเจ้าทำเรื่องแบบนี้รึ? จับคนไปเรื่อยแบบนี้รึ!”

——————————————–

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘]

Status: Ongoing
เหยาซูเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตก ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตนเองได้มาอยู่ในร่างตัวละครหนึ่งในนิยายที่ตัวเองกำลังอ่าน!หญิงสาวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกและมาเกิดใหม่ในนิยายยุคโบราณที่ตนเองกำลังอ่าน หลังฟื้นขึ้นมาจึงพบว่าตนเองอยู่ในร่างของ เหยาซู มารดาของวายร้ายทั้งสามในเรื่อง กลายเป็นแม่ม่ายลูกติดโฉมสะคราญที่ผู้คนต่างชี้หน้าบอกว่าเป็นตัวซวยทำให้สามีต้องตาย เมื่อได้ทราบว่าชีวิตของลูก ๆ ต้องเผชิญกับการดูถูก นางจึงทนไม่ไหวเก็บข้าวของหอบลูกกลับบ้านเก่า เริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกและครอบครัวทางแม่ของตน ด้วยคิดว่าหากสั่งสอนลูกดี ๆ พวกเขาคงไม่กลายเป็นตัวร้าย จนกระทั่งวันหนึ่งสามีของนางได้กลับมา พวกเขาจึงได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง แต่แล้วนางก็นึกขึ้นมาได้ว่าตามนิยายต้นฉบับสามีของตนจะตกหลุมรักสตรีอื่น จึงคิดหาวิธีที่จะหย่าขาดกับเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท