ตอนที่ 45 อาหารประทังชีวิต
หลินเว่ยเว่ยมัดขาของไก่ป่าและกระต่ายป่าอย่างละตัว จากนั้นก็นำพวกมันไปวางไว้ข้างหมาป่า นี่คืออาหารเย็นและอาหารเช้าของวันพรุ่งนี้ พรุ่งนี้ข้าจะขึ้นเขาแล้วเอามาให้เจ้ากินใหม่ !
ตอนนี้ขาของมันเริ่มเป็นอิสระ ส่วนที่ครอบปากก็ถูกถอดออกแล้วเช่นกัน จากนั้นเจ้าหมาป่าก็มองลอดรูของช่องหินพร้อมทำสายตาเพื่อบ่งบอกว่า ‘แล้วน้ำล่ะ ? จะให้มันกินแต่ของคาวโดยไม่ให้กินน้ำ เช่นนี้มันจะไม่กระหายตายหรือไร ! ’
หลินเว่ยเว่ยเข้าใจความหมายที่มันต้องการสื่อทันที นางเอาน้ำในกระบอกไม้ไผ่เทลงในแอ่งหินที่เป็นรอยยุบลงไป ในขณะที่เจ้าหนูน้อยก็เอาน้ำในกระบอกไม้ไผ่ของตนเทลงไปเช่นกัน
เพื่อเห็นแก่ที่มนุษย์เด็กน้อยมอบน้ำให้แก่มัน หมาป่าจึงหันไปก้มหัวให้เด็กน้อย ในใจก็ครุ่นคิดว่าจะไว้ชีวิตอีกฝ่ายเพราะมนุษย์ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างเด็กน้อยให้ความรู้สึกอันตรายแก่มันเหลือเกิน ดังนั้นมันจึงต้องรู้สถานการณ์ !
หลินเว่ยเว่ยพานางหวงและน้องสี่กลับไปที่หมู่บ้าน คราวนี้พวกนางคงไม่กล้าเข้าไปในป่าลึกมากอีกแล้วเพราะที่นั่นมีสัตว์ป่าดุร้ายอาศัยอยู่
ตอนนี้ก็สายมากแล้ว หลินเว่ยเว่ยเอาปิ่งข้าวโพด1และไข่เค็มต้มออกมา จากนั้นก็แบ่งส่วนที่เป็นไข่แดงให้เจ้าหนูน้อยและส่วนที่เป็นไข่ขาวให้นางหวง ทั้งสามเริ่มทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย
เจ้าหนูน้อยเอาไข่แดงแบ่งใส่มือให้นางหวงอย่างรู้ความ จากนั้นเขาก็ทานแป้งทอดพร้อมไข่แดงที่เหลือคําโตอย่างเพลิดเพลิน
นางหวงเหลือบไปมองไข่แดงที่มันเยิ้มจึงอดถามด้วยความสงสัยมิได้ เจ้ารอง เจ้าไปเรียนรู้วิธีทำไข่ดองมาจากผู้ใด ? นี่เพิ่งกี่วันเอง เหตุใดไข่แดงจึงเริ่มมันเยิ้มเช่นนี้แล้ว ?
ที่จริงความสามารถในการทำไข่เค็มของนางเป็นสิ่งที่เรียนมาจากในอินเทอร์เน็ตเมื่อชาติที่แล้ว ทว่านางไม่สามารถบอกออกมาได้ ดังนั้นจึงอ้างว่าบังเอิญได้ยินคนอื่นคุยกันเมื่อครั้งเข้าเมือง
การใส่สุราลงไปหมักเป็นหัวใจสำคัญในการเพิ่มน้ำมันของไข่แดง หลังจากดองไข่ได้ที่แล้วก็เอาไปตากแดดครึ่งวัน มันถึงจะมีน้ำมันในไข่มากกว่าเดิมเจ้าค่ะ หลินเว่ยเว่ยบอกเคล็ดลับแก่มารดา นางตั้งใจว่าจะรอให้ไก่ที่บ้านมีจำนวนมากกว่านี้และอนาคตจะได้มีไข่เพียงพอสำหรับการทำไข่เค็มไว้ทานในฤดูหนาว
ทว่าเจ้าหนูน้อยมีความคิดเฉียบแหลมกว่า พี่รอง ไข่ดองที่ท่านทำอร่อยยิ่งนัก แม้ตัวไข่ขาวก็ยังหอม ไม่มีกลิ่นคาวเลย ต่อไปนี้ข้าไม่กินไข่ไก่แล้ว ข้าจะเก็บมันไว้ดองเพื่อขายแลกเงิน !
หลินเว่ยเว่ยลูบศีรษะของเจ้าหนูน้อยด้วยความรักแล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้ม ครอบครัวของเราไม่ขาดแคลนเงินถึงเพียงนั้น เราเก็บไว้ทานเองเถิด ! รอครั้งหน้าข้าเข้าไปในเมืองแล้วจะซื้อแม่ไก่มาสักสองตัว พอถึงช่วงฤดูใบไม้ผลิปีหน้าบ้านของเราก็คงได้เลี้ยงลูกไก่ตัวน้อยแล้ว
หากถึงฤดูหนาวแล้วไม่มีกบให้จับและมีหวงต้าเซียนบุกมาในบ้านอีกครั้ง พวกเราจะทำเช่นไร ? เจ้าหนูน้อยเกิดความกังวลขึ้นมาทันที
หลินเว่ยเว่ยลองทดสอบแล้วว่าหากเทน้ำจากมิติน้ำพุวิญญาณใส่ลงรูของหวงต้าเซียน มันก็จะไม่ออกมากินกบที่พวกนางวางไว้หน้าปากรู ซึ่งความจริงแล้วในป่าก็มักมีหนูรวมถึงแมลงหลากหลายชนิดเป็นจำนวนมาก หวงต้าเซียนก็ไม่น่าขาดแคลนอาหารซึ่งหมายความว่าตอนนั้นมันมาที่บ้านของพวกนางเพราะได้กลิ่นน้ำจากน้ำพุวิญญาณนั่นเอง
ไม่เป็นไร เจ้ามักจับกบให้หวงต้าเซียนกินเป็นประจำ บางทีมันอาจเห็นความจริงใจของเจ้าและไม่แน่ว่าในอนาคตมันอาจไม่มากัดกระต่ายและไก่ในบ้านของเราอีก หลินเว่ยเว่ยบีบแก้มน้องชายแล้วลุกขึ้นยืน ไปกันเถิด ข้าอยากเดินเล่นละแวกนี้ก่อน ท่านแม่กับน้องสี่จะลงเขาไปก่อนหรือว่าจะไปพร้อมข้า ?
นางหวงยังไม่ทันได้เอ่ยปากอันใด เจ้าหนูน้อยก็ชิงกล่าวขึ้นก่อน ข้าจะไปกับพี่รอง !
นางหวงเป็นกังวลว่าหากตนลงจากเขาไปแล้ว บุตรสาวอาจไม่ระวังจนเป็นเหตุให้พบอันตรายในป่าลึก ดังนั้นนางจึงแสดงท่าทีว่าต้องการไปกับบุตรสาว
ผักป่าที่ขึ้นอยู่บนภูเขานอกจากมีหลายชนิดแล้วยังสดมาก ซึ่งภัยแล้งนอกป่าดูเหมือนไม่ค่อยส่งผลกระทบต่อพืชบนภูเขามากนัก สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะรากของต้นไม้สามารถชอนไชได้ลึก ยิ่งไปกว่านั้นต้นไม้บนภูเขายังมีกิ่งก้านและใบอุดมสมบูรณ์ มันช่วยบังแดดและลดการระเหยของน้ำ แต่อย่างไรก็ตามหากฝนยังไม่ตกอีกสักสองสามเดือนก็คงยากที่จะรักษาต้นไม้ใบหญ้าบนภูเขาลูกนี้ให้ไม่เหี่ยวเฉาได้
นางหวงจึงกล่าวอย่างเสียดายว่า พวกผักป่าเหล่านี้หากไม่เก็บมันกลับไปแล้วปล่อยให้แห้งเหี่ยวตาย คงน่าเสียดายแย่ !
สายตาของหลินเว่ยเว่ยคอยสอดส่องอยู่ตลอดเวลา ทันใดนั้นนางก็พบกับต้นไม้ต้นหนึ่งที่มีผลอยู่เต็มต้น ท่านแม่ นั่นคือต้นชิง2ใช่หรือไม่เจ้าคะ ?
นางหวงมองตามที่บุตรสาวชี้แล้วพยักหน้ารับ ใช่แล้ว ! ฤดูกาลนี้ผลชิงจะสุกงอมพอดี เราไปดูกันเถิดว่ามันสุกหรือไม่ จะได้เก็บกลับไปที่บ้าน !
หลินเว่ยเว่ยวางกระบุงไม้ไผ่ลงแล้วปีนขึ้นไปบนต้นไม้ ส่วนเจ้าหนูน้อยก็ส่งสายตาที่เปล่งประกายวิบวับพร้อมกล่าวอย่างชื่นชมว่า พี่รองเก่งมาก ท่านปีนต้นไม้เป็นด้วย !
หลินเว่ยเว่ยเลือกผลชิงที่กำลังเหลืองนวลมาลูกหนึ่ง จากนั้นก็เด็ดก้านแล้วเช็ดมันด้วยเสื้อของตน ก่อนที่จะกัดชิม อืม ! แม้ว่าผลของมันเล็กไปหน่อยแต่ก็หวานมาก น้องสี่ รับนะ !
จากนั้นนางก็เด็ดอีกลูกแล้วโยนไปให้เจ้าหนูน้อยที่กำลังส่งสายตาวิบวับให้ เจ้าหนูน้อยได้เอาเสื้อของตนเข้าไปรองรับผลชิง จากนั้นเขาก็เช็ดแล้วลองกัดชิมเช่นเดียวกัน น้ำจากผลชิงไหลออกมาตามมุมปากของเด็กน้อย ‘หวานมาก หวานคล้ายน้ำผึ้งที่พี่รองเคยเอากลับมาให้ชิมเลย ! ’
หลินเว่ยเว่ยได้เทผักป่าครึ่งหนึ่งในกระบุงใส่ตะกร้าอีกใบหนึ่ง จากนั้นเทผลชิงใส่แทนลงไปแล้วแบกไว้ข้างหลัง ผลชิงป่ามีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ซึ่งผลใหญ่สุดมีขนาดประมาณหลองเยียน3เท่านั้น นอกนั้นก็มีขนาดใกล้เคียงกัน คล้ายลูกแก้วที่เด็กน้อยชอบเล่น
เนื่องจากปีนี้เกิดภัยแล้งอย่างรุนแรงจึงทำให้ผลไม้ที่วางขายอยู่ในเมืองมีน้อยมาก บางครั้งก็เจอกับผลไม้ที่มีราคาแพงเสียจนชาวบ้านตกอกตกใจ ดังนั้นการได้มีโอกาสทานผลชิงโดยไม่ต้องจ่ายเงิน ช่างเป็นเรื่องน่ายินดีมาก !
เจ้าหนูน้อยพอจะได้ยินเรื่องของสถานการณ์การค้าขายในเมืองมาบ้าง ทำให้พอรู้ว่าผลไม้ในเมืองมีราคาสูงมาก ดังนั้นเขาจึงเหลือบมองผลชิงในมือที่กัดไปเพียงครึ่งลูกแล้วกล่าวว่า เช่นนั้น…พวกเราเอาไปขายในเมืองดีหรือไม่ ?
หลินเว่ยเว่ยดีดหน้าผากของน้องชายแล้วเอ่ยพลางหัวเราะ ผลชิงของพวกเรามีขนาดเล็กและมีผิวที่ไม่สวย คนมีเงินซื้อผลไม้ทานก็ล้วนเป็นพวกชนชั้นสูงทั้งนั้น เขาไม่ชายตามองผลไม้ของพวกเราหรอก !
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเจ้าหนูน้อยจึงเผยสีหน้าเสียดายออกมาทันที ถึงอย่างไรการได้ทานผลไม้ก็ถือเป็นเรื่องน่าดีใจมาก ดังนั้นเด็กน้อยจึงทานผลชิงอย่างเอร็ดอร่อยไปถึง 3 ลูก
ในตอนที่ลงจากภูเขา หลินเว่ยเว่ยเอาผักป่ามาคลุมปิดผลชิงไว้ ด้วยเหตุนี้ทำให้ชาวบ้านจำนวนไม่น้อยต่างพากันส่งสายตาอิจฉาให้พวกนางที่สามารถเก็บผักป่ากลับมาได้
ไอหยา! เก็บผักป่ามาเยอะเพียงนี้ พวกเจ้าจะทานหมดหรือ ? ภรรยาของผู้ใหญ่บ้านกล่าวประโยคนี้ออกมาเพราะต้องการให้นางหวงรู้สำนึกแล้วเป็นฝ่ายเอ่ยปากแบ่งผักป่าให้ชาวบ้านเอง
หลินเว่ยเว่ยรู้ว่านางหวงเป็นคนขี้เกรงใจและคงไม่ปฏิเสธคำคน ดังนั้นนางจึงรีบแย่งมาถือเองแล้วถอนหายใจออกมา ย่าหลี่ ท่านก็รู้ว่าข้าวสาลีของครอบครัวข้าตายไปกว่าครึ่ง ส่วนข้าวโพดที่ปลูกซ่อมก็ไม่รู้ว่าจะได้เก็บเกี่ยวผลผลิตเมื่อไร ! หลังฤดูใบไม้ร่วงก็อาจหาเงินไม่ทันจ่ายภาษี ยิ่งตอนนี้ราคาพืชพันธุ์ธัญญาหารพุ่งไปกว่าชั่งละ 15 อีแปะแล้ว ครอบครัวของข้าจะผ่านฤดูหนาวไปได้เช่นไร ! ท่านแม่เป็นกังวลเรื่องนี้จึงพาพวกเราขึ้นไปเสี่ยงอันตรายเก็บผักป่าบนภูเขามาทานโดยที่นางไม่ห่วงความปลอดภัยของตนแม้แต่น้อย พวกข้าก็ตั้งใจว่าจะเอาผักป่าเหล่านี้ไปตากให้แห้งแล้วเอาไว้ต้มกินในช่วงฤดูหนาว แม้ว่ารสชาติของมันไม่ดีมากนัก ก็ยังดีกว่าปล่อยให้ท้องหิวมิใช่หรือ !
สภาพความเป็นอยู่ของผู้ใหญ่บ้านถือว่าดีกว่าชาวบ้านมาก เพราะพวกเขามีที่นามากมายและมีผลผลิตให้เก็บเกี่ยวมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้นบุตรชายของเขายังได้แต่งไปเป็นสามีในตระกูลใหญ่และได้รับช่วงต่อดูแลตระกูลอยู่ในเมือง เมื่อภรรยาของผู้ใหญ่บ้านได้ยินว่านี่คืออาหารที่ใช้บรรเทาความหิวโหยของครอบครัวนี้ นางจึงไม่กล้ากล่าวอันใดต่ออีก
ชาวบ้านที่ลำบากกว่าครอบครัวผู้ใหญ่บ้านต้องรู้สึกทุกข์ระทมและนอนไม่หลับเพราะปัญหาภัยแล้ง เมื่อพวกเขาได้ฟังถ้อยคำของหลินเว่ยเว่ยก็รู้สึกว่านางพูดถูกทุกประการ ! เพราะฤดูกาลนี้คงหมดหวังเรื่องการเก็บเกี่ยวผลผลิตไว้เป็นเสบียงในฤดูหนาวแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องคิดหาวิธีที่ไม่ทำให้คนในครอบครัวต้องอดตาย
1 ปิ่งข้าวโพด คืออาหารที่ทำจากแป้งข้าวโพดที่ผสมน้ำแล้วทอดให้เป็นแผ่นมีสีเหลืองนวล
2 ชิง คือ เอพริคอต
3 หลองเยียน คือ ลำไย
ตอนต่อไป