ตอนที่ 75 ไม่ต้องเป็นแพะรับบาปอีก
กว่าทั้งสองจะเดินมาถึงในเมืองก็เป็นเวลาใกล้เที่ยงแล้ว เถียนฟู่กุยที่นัดหมายรับซื้อผลชิงอบแห้งในวันนี้ก็มารออยู่ที่หน้าร้านเรียบร้อยแล้ว
พอเถียนฟู่กุยเห็นว่าทั้งสองเดินเข้ามาจึงรีบเอ่ยต้อนรับด้วยรอยยิ้ม โอ้ พวกเจ้ามาแล้ว ! หากมาช้ากว่านี้อีกก้าวเดียว ข้าคงต้องรีบนำเกวียนไปรับพวกเจ้าแน่ !
เมื่อวานเหลืออยู่อีกยี่สิบกว่าชั่งไม่ใช่หรือ ? คงไม่ได้ขายหมดเร็วเพียงนั้นหรอก หลินเว่ยเว่ยวางกระบุงไม้ไผ่ที่แบกมาแล้วมองคู่ค้าเดินเข้ามาใกล้ตาชั่งอย่างกระตือรือร้น นางจึงอดถามขึ้นมาไม่ได้
เถียนฟู่กุยหัวเราะแล้วตอบว่า ไม่ใช่หรอก ! แต่ร้านเราอยู่ใกล้ท่าเรือ เมื่อเช้ามีเรือโดยสารมาจอดเทียบท่าและมีลูกค้าเงินหนามาด้วย ไม่ทันไรก็ซื้อไปตั้งสิบกว่าชั่ง ก่อนหน้านี้ก็มีลูกค้าซื้อไปอีก หากพวกเจ้ายังไม่มา สินค้าจะขาดตลาดเอาน่ะสิ !
ครั้งนี้ข้าเอามา 80 ชั่งเลยนะ ! พวกท่านจะซื้อไหวหรือไม่ ? หลินเว่ยเว่ยมองสินค้าของพวกตนที่ไม่ได้ถือว่ามากมายนักอย่างกังวลใจ
เถียนฟู่กุยหัวเราะแล้วกล่าวว่า ไหวสิ ไหวแน่นอน ! พี่สาวของเถ้าแก่แต่งงานแล้วย้ายไปอยู่ในตัวอำเภอไม่ใช่หรือ ? ดังนั้นนางจึงกำลังเตรียมเปิดร้านค้าในเมืองอีกแห่ง ! ทั้งนี้ผลชิงอบแห้งของพวกเจ้าไม่ว่าจะเป็นสีสันหรือรสชาติก็ล้วนเหนือกว่าที่นั่น เมื่อคืนก่อนเถ้าแก่ก็ได้ผ่านมาดู เขาบอกว่าจะทำให้ผลไม้อบแห้งเจ้านี้โด่งดังเป็นที่รู้จัก ! เขากำชับข้าว่าผลชิงอบแห้งของพวกเจ้ามีเท่าไรก็เอามาให้หมด ส่วนราคายังเป็นฝ่ายเสนอเพิ่มให้พวกเจ้าถึงชั่งละ 50 อีแปะ แต่มีเงื่อนไขหนึ่งข้อคือพวกเจ้าต้องขายผลชิงอบแห้งให้เราร้านเดียวเท่านั้น !
หลินเว่ยเว่ยเลิกคิ้วพลางคิดในใจ ‘โอ้ เถ้าแก่ร้านนี้หัวธุรกิจใช้ได้เลย มิหนำซ้ำยังทำการค้าแบบผูกขาดด้วย ! ราคา 350 อีแปะต่อหนึ่งชั่ง เป็นราคาสุดท้ายของผลชิงแปรรูปที่ต้องการ ถือว่าได้เงินไม่น้อยเลย ! ’
ไม่มีปัญหา ! ขอเพียงพวกท่านสามารถขายผลไม้อบแห้งที่เราทำออกมาได้หมด แล้วเราจะไปวิ่งเต้นหาผู้อื่นเพื่อเหตุใด ? แม้ผู้อื่นให้ราคาสูงกว่า เราก็จะไม่เห็นแก่ผลประโยชน์จนลืมความชอบธรรมแน่นอน ! หลินเว่ยเว่ยมองอาเถียนและทำให้เถียนฟู่กุยรู้สึกว่าได้รับการให้เกียรติมาก
เถียนฟู่กุยยิ้มจนแก้มปริแล้วกล่าวว่า พอรู้ว่าวันนี้พวกเจ้าจะมา ข้าจึงให้อาสะใภ้ทำอาหารไว้ให้หลายอย่าง และท่านแม่ยังเหลือแตงโมไว้ให้เจ้าด้วย นางบอกว่าต้องรอให้เจ้ามาก่อน แล้วนางถึงยอมให้ทาน !
หลินเว่ยเว่ยจึงไม่เกรงใจอีกต่อไป นางซื้อขนมที่ย่าเถียนชอบหลายอย่างมาด้วยแล้วยังซื้อลูกอมให้พวกเด็ก ๆ ในตระกูลเถียน หลังทานข้าวที่บ้านตระกูลเถียนอิ่มแล้ว นางก็ไปซื้อน้ำตาลสีแดงสามสิบกว่าชั่งแล้วกลับบ้าน
ครั้งนี้เจียงโม่หานไม่ได้ไปทานข้าวที่บ้านตระกูลเถียนด้วยกัน แต่เขาไปที่สำนักศึกษา ในสำนักนั้นอาจารย์ฟ่านทะนุถนอมในความฉลาดและความมุมานะของเขาและคอยดูแลเขาเป็นอย่างดีเสมอมา
ชาติที่แล้ว เมื่ออาจารย์ฟ่านรู้ว่าเขาโดนทำร้ายจนหมดสติก็มาเยี่ยมถึงหมู่บ้านฉือหลี่โกวแล้วยังช่วยเขาจ่ายค่ายาและค่ารักษาไปมากกว่ายี่สิบตำลึง !
น่าเสียดายที่คนดีมักอายุสั้น ! คดีคดโกงในชาติที่แล้วทำให้อาจารย์โดนใส่ร้ายจนกลายเป็นแพะรับบาป เดิมทีคดีนี้มีทางที่จะพลิกกลับได้อยู่ แต่ระหว่างทางที่มุ่งหน้าไปพิจารณาคดีอีกครั้งในเมือง ผู้ที่เผยความลับตัวจริงก็สมรู้ร่วมคิดกับผู้คุมเพื่อสังหารอาจารย์ฟ่านและจัดฉากให้เหมือนว่าเขาฆ่าตัวตายเอง
พอกลับมาเกิดใหม่ เจียงโม่หานมีบุญคุณต้องทดแทน มีแค้นต้องชำระ ในชาตินี้เขาต้องดึงอาจารย์ฟ่านออกมาจากวงจรของการคดโกงเหล่านั้นให้ได้ !
คารวะอาจารย์ฟ่าน ! เมื่อได้พบอาจารย์ฟ่านอีกครั้งก็เป็นคนละยุคกันแล้ว เจียงโม่หานมองร่างที่ผอมบางจนเห็นกระดูกทว่าสง่างามมีความรู้ เขาจึงโค้งคำนับให้อย่างสุดซึ้ง
ฟ่านเหวินปินเดินเข้ามาสองก้าวแล้วประคองแขนของเขาเอาไว้พลางสำรวจรอยถลอกบนศีรษะของเขาพร้อมกล่าวอย่างกังวลว่า อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ?
อาการบาดเจ็บภายนอกไม่มีอันใดร้ายแรงแล้วขอรับ แต่ว่า…คงเหลืออาการเวียนศีรษะและโรคแน่นหน้าอกเรื้อรัง ท่านหมอบอกว่าต้องใช้เวลารักษาอย่างน้อยหนึ่งปีครึ่ง อาการป่วยจึงจะหายเป็นปกติ
คำตอบของเจียงโม่หานไม่นับว่าเป็นการหลอกลวงเพราะตอนที่หมอเหลียงตรวจอาการให้ก็ได้กล่าวไว้เช่นนี้จริง แต่ไม่รู้ว่าเพราะยาของหมอเหลียงหรือเพราะความสามารถในการฟื้นตัวตามธรรมชาติของตน ตอนนี้เขาจึงไม่รู้สึกผิดปกติอันใดเลย
อาจารย์ฟ่านกล่าวด้วยความเสียใจระคนเป็นห่วง เช่นนั้น…การสอบเยวี่ยนซื่อในฤดูใบไม้ผลิปีหน้าต้องพลาดอีกแล้วหรือ ? อย่างไรก็ตามเจ้าไม่ต้องร้อนใจไปหรอก เจ้ายังหนุ่มและการบำรุงกำลังเอาไว้ย่อมดีกว่า หากมีโอกาสก็ค่อยสอบทั้งระดับเยวี่ยนซื่อและฮุ่ยซื่อ1ในครั้งเดียวไปเลย !
เจียงโม่หานพยักหน้ารับ เขาลังเลเล็กน้อยก่อนจะกล่าวว่า อาจารย์ฟ่านขอรับ แม้ว่าร่างกายของศิษย์จะอนุญาต แต่ใจศิษย์ก็ไม่อยากเข้าร่วมการสอบเยวี่ยนซื่อครั้งนี้…
ได้อย่างไรกัน ? อาจารย์ฟ่านเอาใจช่วยนักเรียนที่ทั้งฉลาดเฉลียวและขยันหมั่นเพียรคนนี้เป็นอย่างมาก การสอบระดับท้องถิ่นทั้งสองรอบครั้งก่อน เขาได้อันดับหนึ่งทั้งคู่ เดิมทีหวังว่าจะคว้าตำแหน่งเสี่ยวซานหยวน2มาได้ ทว่ามาล้มป่วยหนักในการสอบระดับเยวี่ยนซื่อ จำใจต้องทิ้งการสอบครั้งนั้นไป ระยะห่างจากการสอบระดับเยวี่ยนซื่อครั้งใหม่ยังเหลืออีกครึ่งปีกว่า แล้วเขาก็…นี่คือชะตากรรมที่เลวร้ายหรือไม่ ?
เจียงโม่หานมีสีหน้าสับสันมาก ทั้งลังเล ทั้งเก็บซ่อนอารมณ์โกรธ ทั้งกังวลใจ เขาอ้าปากหลายครั้งแต่ก็กลืนมันลงไปอีก
อาจารย์ฟ่านรู้จักศิษย์คนนี้ดีว่าเป็นคนเย่อหยิ่งมาโดยตลอด สิ่งที่ทำให้อีกฝ่ายดูลังเลได้ แน่นอนว่าต้องไม่ใช่เรื่องเล็ก เขาจึงอดถามออกไปไม่ได้ มีเรื่องอันใดหรือ ? โม่หาน เจ้ามีเรื่องลำบากใจอันใดก็รีบกล่าวมาเถิด หากมีสิ่งใดที่ช่วยได้ อาจารย์ก็จะช่วยทันที !
อาจารย์ขอรับ การสอบเยวี่ยนซื่อครั้งนี้เกรงว่าจะมีบางอย่างผิดปกติ… สีหน้าของเจียงโม่หานจริงจังราวกับว่าในที่สุดก็ตัดสินใจได้แล้วเล่าความจริงออกมา
อาจารย์ฟ่านสีหน้าเปลี่ยนไป จากนั้นก็ถามขึ้นว่า เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าไม่ปกติ ? หรือเจ้ามีลางอันใด ?
ท่านเองก็รู้ว่าศิษย์ชอบอ่านตำราคนเดียวในที่เงียบสงบ ก่อนได้รับบาดเจ็บศิษย์แอบได้ยินคนพูดกันถึงเรื่องข้อสอบ แล้วยังมีเรื่องเงินทองมาเกี่ยวพันอีก จนถึงตอนที่ศิษย์อยากรู้ให้ชัดเจนว่าสรุปแล้วเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาก็จากไปแล้ว หนึ่งในนั้น…สวมเครื่องแต่งกายของสำนักศึกษาแห่งนี้ด้วยขอรับ เจียงโม่หานกล่าวพร้อมขมวดคิ้ว
อาจารย์ฟ่านถามอย่างเข้มงวดว่า เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาเป็นผู้ใด ?
เจียงโม่หานส่ายหน้าแล้วตอบ ตอนนั้นศิษย์อยู่ห่างมากจึงไม่รู้…ท่านอาจารย์อย่าได้กังวลไป ข้อสอบของการสอบครั้งนี้ใช่ว่าจะรั่วไหลออกไปง่ายถึงเพียงนั้นมิใช่หรือ ? บางที…อาจมีคนถือโอกาสนี้หลอกเอาเงินไปแล้วขอรับ
อาจารย์ฟ่านรู้ว่าสิ่งใดสำคัญที่สุดจึงกล่าวกับเจียงโม่หาน เรื่องนี้เจ้าเองก็ไม่รู้ เช่นนั้นจงพักรักษาอาการบาดเจ็บที่บ้านให้สบายใจเถิด อย่าทิ้งการบ้านเกี่ยวกับทฤษฎีสองสามข้อนี้ เจ้าเอากลับไปทำให้เรียบร้อย ครั้งหน้าถ้าเข้าเมืองมาก็นำมาด้วย…
อาจารย์ฟ่านรู้ว่าครอบครัวของลูกศิษย์ผู้หยิ่งยโสคนนี้ยากจน ส่วนตัวคนก็ยังถือตนอีก เขาจึงกล่าวอย่างลังเลว่า เงิน 20 ตำลึงนี้ถือเสียว่าอาจารย์ให้เจ้ายืม รอให้ร่างกายเจ้าหายดีแล้วค่อยคืนให้อาจารย์แล้วกัน
เจียงโม่หานไม่ปฏิเสธน้ำใจของอาจารย์ เขายื่นสองมือออกรับแล้วกล่าวว่า ขอบคุณท่านอาจารย์ขอรับ !
อาจารย์ฟ่านมองเขาอย่างปลื้มใจพลางยิ้มแล้วกล่าวว่า โม่หานเอ๋ย อาจารย์มีประโยคหนึ่งจะมอบแก่เจ้า ‘ไม่มีผู้ใดไร้ความหยิ่งผยอง แต่การก้มหัวก็นับเป็นความเฉลียวฉลาดที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน’ เจ้าต้องจำข้อนี้ไว้ให้ดีแล้วภายภาคหน้าเจ้าจะประสบความสำเร็จแน่นอน!
ขอบคุณคำชี้แนะอันล้ำค่าของท่านอาจารย์ขอรับ ศิษย์ขอจดจำไว้ให้ขึ้นใจ ! เจียงโม่หานโค้งคำนับอย่างจริงจัง ชาติที่แล้วต้องรอให้ตนใกล้ตายก่อนถึงจะเข้าใจคำสอนนี้ แท้จริงท่านอาจารย์มองเห็นเนื้อแท้ของเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่งมาแต่แรกแล้ว หากเป็นเขาในชาติก่อนคงไม่สบายใจเป็นแน่ แต่ตอนนี้ในใจของเขามีเพียงความซาบซึ้งต่อบุญคุณเท่านั้น
1 ฮุ่ยซื่อ คือ การสอบระดับเมืองหลวงหรือระดับประเทศนั่นเอง
2 เสี่ยวซานหยวน คือ ชื่อเรียกของการสอบได้อันดับ 1 ในทุกสนามสอบ
ตอนต่อไป