ตอนที่ 206 เล่นใหญ่ไปหรือไม่
หลินเว่ยเว่ยหันมาส่งสายตาแห่งรอยยิ้มให้หนุ่มรูปงาม…หนิงตงเซิ่ง ในวงการค้าขายยังนับว่าเขามีอิทธิพลอยู่มาก เป็นอย่างที่คิดว่าคนรูปโฉมงดงามถ้าไม่สร้างอันตรายที่ใหญ่หลวงให้ บางครั้งก็สามารถละเลยข้อบกพร่องเล็กน้อยได้
เจียงโม่หานขมวดคิ้ว…คุยธุรกิจก็คุยธุรกิจสิ จะหันมามองเจ้าแซ่หนิงเพื่อเหตุใด ? ตอนแรกเขายังเข้าใจผิดว่าเด็กตัวแสบช่วยหาหุ้นส่วนใหม่ให้เจ้าแซ่หนิง ดูจากตอนนี้แล้วนางคงกำลังหาทางออกให้เมล็ดสนของชาวบ้านฉือหลี่โกวมากกว่า
“เอาเถิด ! สูตรอาหารจากเมล็ดสน 4 สูตร ขายสูตรละ 500 ตำลึง ! ” หลินเว่ยเว่ยแกล้งทำเหมือนกัดฟันและร้องไห้ฟูมฟายเล็กน้อยเพื่อแสดงให้เห็นว่าตนก็เสียน้ำตาเพราะเป็นลูกหลานที่อกตัญญู
บัณฑิตหนุ่มถึงขั้นคิดในใจว่า ‘เล่นใหญ่ไปหรือไม่ ! ’
สูตรละ 500 ตำลึง ? หลงจู๊ฟางสูดหายใจเข้าลึก กู่เหนียงคนนี้เป็นสิงโตหรืออย่างไร ปากถึงได้ใหญ่ขนาดนี้ ? ไม่กลัวว่ากลืนลงไปแล้วสำลักออกมาบ้างหรือ !
“สูตรละ 500 ตำลึงคือแพงมากเลยหรือ ? ” หลินเว่ยเว่ยหันมามองหนิงตงเซิ่งด้วยสีหน้างุนงง
เป็นธรรมดาที่หนิงตงเซิ่งจะให้ความร่วมมือ เขาจึงส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ไม่แพงเลย แค่เดือนเดียวก็คืนทุนได้แล้ว ประเด็นสำคัญคือหลงจู๊ฟางไม่เคยได้ใกล้ชิดหลินกู่เหนียงมาก่อนจึงไม่รู้ถึงฝีมือทำอาหารของท่าน เช่นนั้น…กู่เหนียงแสดงฝีมือให้เขาดูสักหน่อยดีหรือไม่ ? ”
หลินเว่ยเว่ยเหล่มองหนิงตงเซิ่งทันที…เจ้าเป็นพวกเดียวกับใคร ? เจ้าไม่เคยกินอาหารฝีมือข้าเสียหน่อยแล้วมั่นใจได้อย่างไรว่าข้าทำอาหารเก่ง ?
หนิงตงเซิ่งส่งสายตาให้นาง…ขนมยังทำออกมาได้ดีแล้วอาหารจะต่างอันใดกัน ? ข้ารอดูอยู่ !
บัดนี้เลยเวลารับประทานอาหารมาแล้ว ในครัวจึงว่างงาน หลงจู๊ฟางจึงพาหลินเว่ยเว่ยมายังครัวหลังร้าน ขณะมองดูวัตถุดิบในครัวแล้ว หลินเว่ยเว่ยก็ครุ่นคิดในใจ
เมื่อให้คนอื่นออกไปจากครัวแล้ว หลินเว่ยเว่ยก็ใช้ปลาในอ่างมาทำ ‘ข้าวผัดปลากับเมล็ดสน’ และยังทำ ‘ปลากระรอกราดซอสเปรี้ยวหวาน’ เพื่อให้รางวัลแก่ตัวเอง ในปีแห่งภัยพิบัติเช่นนี้ นางอยากจะกินสักครั้งก็เป็นอะไรที่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย !
หลงจู๊ฟางลองชิมข้าวผัดปลากับเมล็ดสนแล้วก็ยกจานอาหารออกไปทันที ทิ้งไว้เพียงพวกหลินเว่ยเว่ยที่หันมามองหน้ากัน หลินจื่อเหยียนมุ่ยปากด้วยความไม่พอใจ “ข้าเพิ่งกินไปแค่คำเดียวเอง ! ”
หนิงตงเซิ่งถอนหายใจ “เจ้ายังได้กินไปตั้งหนึ่งคำ แต่ข้าเพิ่งยื่นตะเกียบเข้าไป ยังไม่ได้กินเลยสักคำอาหารก็ไม่มีแล้ว โชคดีที่ยังมีอีกจาน หลินกู่เหนียง จานนี้เรียกว่าอะไรหรือ ? ”
“นี่เรียกว่าปลากระรอกราดซอสเปรี้ยวหวาน ตั้งชื่อจากเนื้อปลาที่ถูกทำออกมาให้เหมือนกระรอก แต่ในความเป็นจริงแล้วในอาหารไม่ได้มีกระรอกอยู่ ที่ข้าทำขึ้นมาเพราะความตะกละของตนล้วน ๆ มาเถิด มากินกัน…” หลินเว่ยเว่ยเริ่มกินเป็นคนแรก อือ…กรอบ หอม เปรี้ยวนิดหวานหน่อย ทั้งช่วยเรียกน้ำย่อยและอร่อยมาก ! ฝีมือทำอาหารจานปลาของนางไม่ถดถอยเลย !
เจียงโม่หานชอบกินเผ็ดและยังชอบกินอาหารรสหวานอมเปรี้ยวด้วย เขาจึงเป็นคนที่กินปลากระรอกจานนี้เยอะที่สุด หลินจื่อเหยียนกินไปได้สองสามคำก็กุมท้องแล้วหยุดมือ “ข้าไม่ไหวแล้ว ถ้ากินต่ออีก ท้องข้าได้แตกแน่ อิ่มจะตายอยู่แล้ว…”
ผ่านไปไม่นานหลงจู๊ฟางก็กลับมา คราวนี้เขาเดินตามหลังเจ้านาย…เจ้าของร้านคนที่สองของหยวนเค่อหลาย
ทันทีที่เดินเข้ามา รองเจ้าของร้านก็ดูกังวลเล็กน้อย เขาพูดเปิดประเด็นทันที “ได้ยินว่าพวกท่านจะขายสูตรอาหารใช่หรือไม่ ? ”
“ไม่ใช่พวกเราอยากขาย แต่พวกท่านอยากซื้อสูตรอาหารต่างหาก ! ” ต้องคุยให้ชัดเจนก่อนว่าใครเป็นฝ่ายขอร้องใครกันแน่ หลินเว่ยเว่ยจึงพูดอย่างไม่เกรงใจ
รองเจ้าของร้านอารมณ์ดีใช้ได้ เขาจึงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “อ้อ เข้าใจผิดกันแล้ว ! หากสูตรอาหารบ้านท่านเป็นของคุณภาพเช่นนี้ทั้งหมด ราคาสูตรละ 500 ตำลึงนี้ มีเท่าไรเราก็จะซื้อหมด ! ”
หลินเว่ยเว่ยก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เมื่อครู่ข้าคุยกับหลงจู๊ฟางแล้ว มากไปไม่ขาย ขายเพียง 4 รายการ ! ”
“ได้ ! นี่คือเงิน 2,000 ตำลึง ตกลงกันก่อนว่าอาหารไม่กี่รายการนี้ต้องขายให้ร้านเราเท่านั้น ห้ามขายให้ร้านอื่น ! ” รองเจ้าของร้านนำเงินออกมาวางบนโต๊ะอย่างอารมณ์ดี
หลินเว่ยเว่ยพยักหน้า “แน่นอน ผู้ไร้สัจจะย่อมไม่มีที่ยืน เรื่องความซื่อสัตย์นี้พวกเรามี แต่ถ้าคนอื่นมาเรียนไปจากร้านพวกท่านได้ก็จะไม่เกี่ยวกับข้าแล้ว ! ข้ายังขอเพิ่มเงื่อนไขอีกข้อคือเมล็ดสนของร้านท่าน พวกเราฉือหลี่โกวต้องได้รับสิทธิพิเศษในการจัดหาให้ ! ”
“หมายความว่าอย่างไร ? ” รองเจ้าของร้านถาม
“สิทธิพิเศษในการจัดหาก็คือแต่ละเดือนพวกท่านต้องการเมล็ดสนเท่าไหร่ พวกเราฉือหลี่โกวจะขายให้พวกท่านในราคาตลาด มีเพียงสถานการณ์ที่ฉือหลี่โกวไม่มีสินค้าเท่านั้น ท่านถึงจะไปซื้อจากที่อื่นได้ เรื่องนี้ ต้องเพิ่มลงในสัญญา ถ้าพวกท่านผิดสัญญาจะต้องชดใช้เป็นเงินสามเท่าของสูตรอาหาร ! ” ถ้าไม่ใช่เพราะหาช่องทางให้แก่เมล็ดสนของฉือหลี่โกว หลินเว่ยเว่ยก็ไม่มีทางออกมาขายสูตรในเวลานี้เพราะนางไม่ได้ขาดแคลนเงิน
“เอ่อ…แล้วถ้าคุณภาพเมล็ดสนของพวกท่านไม่ดีหรือส่งสินค้าไม่ทันเวลา เช่นนั้นจะไม่ทำให้กิจการเราเสียหายหรือ ? ” รองเจ้าของร้านกังวลอยู่พอสมควร
หลินเว่ยเว่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ท่านวางใจได้ ! หากคุณภาพเมล็ดสนตกต่ำจนถึงขั้นนั้น ท่านสามารถปฏิเสธการรับซื้อได้เลย หากเป็นเพราะส่งสินค้าไม่ทันเวลาแล้วทำให้กิจการเสียหาย เราจะชดใช้เป็นสองเท่า ! เรื่องพวกนี้สามารถเขียนลงในสัญญาได้ทั้งหมด ! ”
แม้แต่เรื่องที่รองเจ้าของร้านกังวล อีกฝ่ายยังคิดได้อย่างรอบคอบแล้วจะมีเหตุผลใดไม่ลงนามในสัญญา ? อีกอย่างคือเมล็ดสนจะซื้อบ้านไหนก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ? สู้ซื้อที่สะดวกหน่อยเพื่อผูกสัมพันธ์ไว้ ไม่แน่วันหน้าอาจต้องไปขอพึ่งอีกฝ่ายก็ได้ !
ต่อจากนั้นหลินเว่ยเว่ยก็เขียนสูตรอาหารข้าวผัดปลากับเมล็ดสน กุ้งผัดเมล็ดสน แฮมเมล็ดสนและไข่กวนเต้าหู้หมักเมล็ดสนให้พวกเขา ทั้งยังลงมือทำอาหารทุกจานให้ชิมด้วย
กุ้งผัดเมล็ดสนมีรสชาติกรุบกรอบสมชื่อ รสชาติถูกปากคนกิน แฮมเมล็ดสนสีแดงสวยสด รสชาติชื่นใจ ไข่กวนเต้าหู้หมักเมล็ดสนคือการผสมผสานชนิดใหม่ เต้าหู้หมักถูกขนานนามว่าเป็น ‘ชีสแห่งตะวันออก’ มันเข้ากับไข่มาก เมื่อคั่วเมล็ดสนให้หอมแล้วกวนกับไข่เต้าหู้หมักก็มีรสชาติเพิ่มขึ้นอีกระดับทันที
ไม่ว่าจะเป็นหลงจู๊ฟางหรือรองเจ้าของร้านก็พอใจในอาหารไม่กี่อย่างนี้ พวกเขาคิดว่ามันคุ้มกับเงินที่ลงทุนไป ! เราสามารถคาดการณ์ได้ว่าเมื่ออาหารรายการพิเศษจากเมล็ดสนถูกเปิดตัวก็จะดึงดูดลูกค้าหน้าใหม่และเก่าให้มาลิ้มลองแน่นอน รสชาติและคุณภาพของอาหารสามารถช่วยดึงดูดลูกค้ามากินเพิ่มกว่าเดิม ยังต้องกังวลว่าจะโดนร้านฝั่งตรงข้ามแย่งลูกค้าไปอีกหรือ ?
หลินเว่ยเว่ยเห็นอีกฝ่ายจ่ายเงินด้วยความสุข นางก็ดีใจและมอบสูตรปวยเล้งผัดเมล็ดสนให้พวกเขาอีกรายการ มันไม่ได้ยากอะไร ทว่ารสชาติดีสุด ๆ
ดวงตารองเจ้าของร้านกลอกไปมา จากนั้นก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ใคร ๆ ก็บอกว่าเรื่องดีมักมาเป็นคู่ เวลายกอาหารที่มีเมล็ดสนห้าจานนี้ออกไปจะดูไม่ดีสักเท่าไรนัก เช่นนั้น…กู่เหนียงขายให้เราอีกสักสูตรได้หรือไม่ ? ”
“รองเจ้าของร้านทำการค้าเก่งเสียจริง ! ” หลินเว่ยเว่ยไม่ชมไม่ได้ ท้ายที่สุดนางจึงเขียนสูตรข้าวโพดผัดเมล็ดสนสุดคลาสสิคให้เขาและรับเงินมาอีก 500 ตำลึง !
ตามชื่อเรียกคือวัตถุดิบหลักของข้าวโพดผัดเมล็ดสนย่อมเป็นเมล็ดสนกับข้าวโพด เมนูข้าวโพดผัดเมล็ดสนนี้จะใส่ถั่วลันเตาและแครอทหั่นเต๋าลงไปเพื่อเพิ่มสีสัน ในเวลาเดียวกันยังเพิ่มลูกเกดและเนื้อสัตว์เพื่อปรับรสชาติด้วย เจ้าเมนูข้าวโพดผัดเมล็ดสนนี้ไม่ว่าจะสีสันหรือรสชาติก็โดดเด่นเป็นพิเศษ เป็นที่รักของสตรีและเด็ก ทำให้รองเจ้าของร้านยิ้มไม่หุบอีกด้วย !
หลงจู๊ฟางยังไม่ลืมข้อชี้แนะ 3 ประการของนาง แค่ 2 ประการแรกก็ทำให้ประหลาดใจแล้ว ดังนั้นประการสุดท้ายจึงทำให้เขาตั้งตารอกว่าเดิม “หลินกู่เหนียง เมื่อครู่ท่านบอกว่ามีข้อเสนอแนะสามประการแล้วข้อสุดท้ายคืออันใดหรือ ? ”
“ประการที่สามก็พูดไปแล้วไม่ใช่หรือ ? ” ดวงตาของหลินเว่ยเว่ยเบิกกว้างและเปล่งประกายขึ้นมาทันที