หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง – ตอนที่ 254 ต้องทำดีต่อเขา

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 254 ต้องทำดีต่อเขา

“ท่านพ่อขอรับ ท่านลดเสียงลงหน่อย หู…หูข้าจะแตกแล้ว ท่านย่าช่วยด้วยขอรับ ลูกชายของท่านย่าทำตัวนักเลงใส่ข้าอีกแล้ว ! ” เผิงเจียเหลียงทำท่าปิดหู จะมาโทษข้าได้อย่างไรก็สตรีที่พวกท่านอยากให้ข้าชอบเหล่านั้นไม่ได้ตรงตามความปรารถนาของข้าเลย !

“ไอหยา ! โตถึงเพียงนี้แล้วยังไม่แต่งงานอีก น่าโดนเขกศีรษะเสียจริง ! ” นางเผิงไม่มีท่าทีจะช่วยหลานเลยสักนิด นางกำลังปรึกษากับบุตรชายคนเล็กว่าจะให้สิ่งใดเป็นสินสอดทองหมั้นอีกสามวันหลังจากนี้

“ห่านคู่ขอรับ ! ศิษย์น้องเจียงอุ้มห่านตัวใหญ่ไปสู่ขอถึงหน้าบ้าน ! ” หนอนหนังสือเผิงหยูเหยี่ยนให้ความสำคัญต่อพิธีหมั้นแบบโบราณมากที่สุด การสู่ขอตามแบบโบราณนั้นล้วนใช้ห่านเป็นหนึ่งในสินสอดทั้งสิ้น ดูจากท่าทางของเขาแล้วของขวัญชิ้นอื่นคงเป็นเรื่องรอง ห่านคู่ต่างหากจำเป็นที่สุด

นางเผิงกังวลขึ้นมาทันที “ฤดูใบไม้ร่วงเช่นนี้จะไปหาห่านที่แข็งแรงมาจากที่ใด ? ”

ในที่สุดเผิงเจียเหลียงก็หลุดพ้นจากเงื้อมมือบิดา “ข้ารู้ ! ข้ามีศิษย์พี่ที่แสนดีคนหนึ่ง พี่น้องของเขามีห่านอยู่คู่หนึ่ง ลือกันว่าห่านตัวผู้บาดเจ็บ ห่านตัวเมียจึงวนเวียนอยู่รอบตัวไม่ยอมไปไหน พี่น้องของเขาจึงนำห่านตัวผู้กลับมาช่วยรักษา ห่านตัวเมียก็ตามมาด้วย ตอนนี้พวกมันถูกเลี้ยงอยู่ในกรงเป็ดที่เขาเคยเลี้ยงเมื่อครั้งอดีต ! คราที่แล้วพี่น้องของเขาตั้งใจจะขายมันในราคาคู่ละ 50 ตำลึง หวังจะทำเงินได้ไม่น้อย แต่มันกลับขายไม่ได้…”

คู่ละ 50 ตำลึง ? แพงมากเลย หากซื้อเป็ดในราคา 50 ตำลึงก็คงซื้อได้หลายร้อยตัว…ของหายากมักมีราคาสูงเสมอ ! อีกอย่างคือพี่น้องตระกูลหลินก็จัดพิธีหมั้นหมายไล่เลี่ยกัน น้องสาวมีแล้วพี่สาวไม่มีก็จะทำให้ทุกคนมองอย่างไร ? ให้ว่าที่สะใภ้เล็กของตนต้องเสียหน้าเช่นนั้นหรือ ? ซื้อ ! ต่อให้แพงกว่านี้ก็ต้องซื้อ !

เผิงหยูชางไว้ชีวิตบุตรชายชั่วคราว “เรื่องสินสอดที่เป็นห่านคู่ พ่อยกให้เป็นหน้าที่เจ้าแล้วกัน ! อย่าทำให้เสียเรื่องเด็ดขาด ! ”

เผิงเจียเหลียงทุบหน้าอกให้คำมั่นสัญญา “วางใจได้ขอรับ ! ข้าเคยมีเรื่องใดที่ทำให้ท่านพ่อผิดหวังด้วยหรือ ? ข้าและท่านอาเติบโตมาด้วยกัน รับรองว่าข้าต้องจัดการให้เขาอย่างดี ! ”

จะว่าไปแล้ว นอกจากเรื่องแต่งงานที่เขาไม่สนใจ ความสามารถในด้านอื่นของเผิงเจียเหลียงก็ไม่เคยทำให้ผู้ใดต้องผิดหวัง ร้านค้าในเขตก็ยกให้เขาดูแลโดยผลกำไรทุกร้านต้องแบ่งออกเป็นสองส่วน ! เรื่องที่มอบหมายให้จัดการ เขาไม่เคยทำให้ครอบครัวผิดหวังเลย !

นางเผิงครุ่นคิดอย่างหนักอีกครั้ง สินสอดทองหมั้นที่ต้องมอบให้ฝ่ายเจ้าสาวควรมีจำนวนมากหน่อย แต่แล้วกลับถูกเผิงหยูชางขัดเสียก่อน “ท่านแม่ขอรับ บัณฑิตเจียงเป็นสหายของน้องเล็ก ปกติแล้วมักมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ทุกครั้งที่น้องเล็กประสบปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ก็มีเขาค่อยชี้แนะ ! หากเราเตรียมสินสอดทองหมั้นที่มีจำนวนมากกว่าเขา จะไม่เป็นการหักหน้าเขาหรอกหรือ ? จากที่ข้ากล่าวคือเราต้องทำตามมาตรฐานของเมื่อวาน ไม่มากไปและไม่น้อยไปขอรับ ! หากท่านแม่รู้สึกแย่ก็รอให้แต่งว่าที่สะใภ้เสียก่อน แล้วท่านอยากจะเพิ่มสินสอดทองหมั้น ข้าและพี่สะใภ้ของน้องเล็กก็จะไม่แสดงความคิดเห็นใดอีก ! ”

นางเผิงครุ่นคิด จากนั้นก็เห็นด้วย “ที่เจ้าใหญ่พูดก็ถูก ! ต่อไปลูกชายคนเล็กและบัณฑิตเจียงก็ต้องเป็นพี่เขยและน้องเขยต่อกัน จะทำให้ความสัมพันธ์ไม่ดีเพราะเรื่องนี้ไม่ได้ ! ”

นางเอ่ยถามบุตรชายถึงเรื่องของขวัญวันหมั้นของบัณฑิตเจียงอย่างละเอียดและจัดเตรียมสินสอดในปริมาณที่ไม่แตกต่างกันมากนัก

สองพี่น้องผู้น่าสนใจที่สุดในหมู่บ้านฉือหลี่โกวจัดงานหมั้นหมายห่างกันสี่วัน บุตรสาวคนรองช่างเถิดเพราะนางและบัณฑิตเจียงรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เติบโตมาด้วยกัน แต่คาดไม่ถึงว่าบุตรสาวคนโตก็หมั้นหมายกับหนอนหนังสือผู้หนึ่งด้วย คู่รักที่หมั้นหมายกันก็เป็นสหายของบัณฑิตเจียง พูดกันว่าเป็นเขาที่ตกหลุมรักนางตอนมาช่วยงานหมั้นหมายวันนั้น ครอบครัวของเขาก็พึงพอใจกับบุตรสาวคนโตตระกูลหลินเป็นอย่างมาก !

สินสอนทองหมั้นของบุตรสาวคนโตตระกูลหลินโดดเด่นไม่เป็นสองรองจากน้องสาว ห่านก็มาเป็นคู่ ผ้าไหม เครื่องประดับ ผลไม้หลากสี ราคาไม่ต่ำไปกว่าของตระกูลเจียง พ่อแม่สามีในอนาคตยังมาเยือนถึงหน้าบ้านด้วยตนเอง ตระกูลหลินพอใจที่ตระกูลเผิงให้ความสำคัญต่อบุตรสาวคนโตมากถึงเพียงนี้ ! ได้ยินมาว่าครอบครัวฝ่ายชายนอกจากที่ดินหลายร้อยหมู่ก็ยังมีร้านค้าอีกหลายสิบแห่งในเมือง หากนางแต่งเข้าไปก็จะต้องมีความสุขชั่วชีวิต !

เจ้าดูสิ เหตุใดสองพี่น้องคู่นี้ถึงได้โชคดีนัก ? หาครอบครัวฝ่ายสามีดีเช่นนี้ อีกทั้งว่าที่สามีในอนาคตก็เป็นบัณฑิต ถ้าสอบซิ่วไฉได้แล้ว นางทั้งสองก็จะได้เป็นภรรยาของซิ่วไฉ !

พวกผู้หญิงในหมู่บ้านพากันอิจฉาตาร้อน เรื่องดีเช่นนี้เหตุใดสองพี่น้องตระกูลหลินจึงมีโอกาสอยู่ฝ่ายเดียว ? แล้วเหตุใดพวกนางไม่มีโชคบ้าง !

หัวข้อสนทนาหลังมื้ออาหารของคนในฉือหลี่โกวตลอดหลายวันมานี้เป็นเรื่องงานหมั้นหมายของสองพี่น้องตระกูลหลินแทบทั้งสิ้น ประเด็นหลักของการถกเถียงก็คือครอบครัวฝ่ายว่าที่สามีของบุตรสาวคนโตและบุตรสาวคนรอง ผู้ใดจะดีกว่ากัน

กลุ่มหนึ่งคิดว่า ครอบครัวฝ่ายว่าที่สามีของบุตรสาวคนโตดีกว่า เหตุผลน่ะหรือ ? เพราะตระกูลเผิงมีที่ดินมีร้านค้าและที่สำคัญครอบครัวของพวกเขามีฐานะร่ำรวยกว่ามาก ดังนั้นถ้าแต่งงานเข้าไปไม่มีวันลำบากแน่นอน

อีกกลุ่มคิดว่าครอบครัวฝ่ายว่าที่สามีของบุตรสาวคนรองดียิ่งกว่าเพราะความสัมพันธ์ของทั้งสองครอบครัวนั้นคล้ายกัน นางเฝิงรู้สึกกับบุตรสาวคนรองเหมือนบุตรสาวแท้ ๆ คนหนึ่ง ไม่เคยมีความขัดแย้งกับครอบครัวฝ่ายว่าที่สามีเลยแม้แต่น้อย บ้านของฝ่ายหญิงและฝ่ายชายห่างกันแค่กำแพงกั้น เวลามีเรื่องอันใดก็แค่ตะโกนข้ามกำแพงไป คนในบ้านฝ่ายหญิงก็จะออกมา

มีอีกเรื่องคือบัณฑิตเจียงมีความรู้และมีศักยภาพที่เหมาะสม หากในอนาคตสอบจิ้นซื่อได้ บุตรสาวคนรองตระกูลหลินก็จะได้เป็นฮูหยินของขุนนาง ไม่แน่ว่าในอนาคตพวกตนอาจต้องแสดงความเคารพอีกฝ่ายเมื่อพบกัน…

หลายวันมานี้ไม่ว่าหลินเว่ยเว่ยไปที่ใดก็ล้วนได้ยินคนถกเถียงกันเรื่องนี้เสมอ นางเองก็ได้แต่จนปัญญา เพราะพวกเขาเปรียบเทียบอย่างชัดเจนมาก ทว่าสำหรับนางคือบัณฑิตน้อยดีที่สุดแล้ว !

“บุตรสาวคนรองตระกูลหลิน ! ” ในขณะที่หลินเว่ยเว่ยกำลังเดินขึ้นเขาก็ถูกเสียงอันสดใสเรียกไว้ นางหันกลับไปก็พบว่าเป็นหวังอันชิงบุตรสาวของเศรษฐีหวัง ไม่ได้พบอีกฝ่ายมาเป็นเวลานานมาก ลือกันว่าหลังจากที่โดนหมูป่าวิ่งไล่คราวก่อนก็หนีกลับเข้าเมืองทันที ทั้งยังเป็นไข้ไปอีกหลายวัน !

แม้เศรษฐีหวังจะเป็นคนในหมู่บ้านฉือหลี่โกว แต่หลังจากที่ร่ำรวยก็พากันย้ายไปอาศัยอยู่ในเขตเริ่นอัน กลับมาเยือนหมู่บ้านแห่งนี้น้อยมาก เหตุใดบุตรสาวจึงกลับมาตอนนี้ ? หรือจะได้ยินข่าวที่นางและบัณฑิตหนุ่มหมั้นหมายกันจึงมาก่อความวุ่นวาย ?

หวังอันชิงเดินมาตรงหน้าของหลินเว่ยเว่ยด้วยความรู้สึก…สับสนมาก นางหยิบกล่องขนาดเล็กใบหนึ่งออกมาอย่างลังเล จากนั้นก็ยัดใส่มือของหลินเว่ยเว่ยและเอ่ยด้วยความอึดอัดเล็กน้อย “ได้ยินว่าเจ้าหมั้นหมายแล้ว นี่เป็นของขวัญแสดงความยินดีที่ข้าอยากมอบให้เจ้า ! ”

หลินเว่ยเว่ยก้มมองกล่องในมือ จากนั้นก็มองหวังอันชิงอีกครั้ง ก่อนจะพึมพำอย่างแผ่วเบาว่า “เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าเจ้ามีเจตนาร้าย ? ”

หวังอันชิงโกรธจนเกือบจะแย่งกล่องคืนมา “หากไม่ใช่เพราะเจ้าเคยช่วยชีวิตข้าไว้ คิดว่าข้าจะให้ของขวัญเจ้าหรือ ? ”

หลินเว่ยเว่ยแกว่งกล่องไม้ที่แกะสลักอย่างสวยงามไปมา ไม่ค่อยเชื่อว่าอีกฝ่ายจะนำของขวัญแสดงความยินดีมาให้ตนถึงที่จึงเอ่ยถามว่า “ในนี้คงไม่มีงู หนูหรือแมลงใช่หรือไม่ ? ”

“เจ้า ! อย่าคิดจะเอาความคิดชั่วช้ามาใช้กับคนสูงส่งอย่างข้าเชียว ! ” หวังอันชิงโกรธมากกว่าเดิม “จะเอาหรือไม่เอา ถ้าไม่เอาก็ส่งคืนมา ! ”

เสียงของหวังอันชิงสูงขึ้นเล็กน้อยจึงสามารถดึงดูดเจียงโม่หานที่อ่านตำราอยู่ใต้ต้นไม้ละแวกใกล้เคียงได้ เมื่อเห็นสตรีทั้งสองยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตน เด็กน้อยของเขายืนหันหลังพูดอยู่ เขาจึงมองไม่เห็นสีหน้าท่าทางของนาง ส่วนบุตรสาวของเศรษฐีหวังกำลังแสดงท่าทีโกรธเคืองอย่างหนัก

ปฏิกิริยาแรกของเจียงโม่หานคือบุตรีตระกูลหวังตั้งใจมาหาเรื่องถึงที่ ไม่ได้การ เขาจะต้องช่วยเหลือเด็กน้อยของตน ! เจียงโม่หานรีบสาวเท้าเดินไปข้างกายของหลินเว่ยเว่ยและยืนเคียงข้างกับนาง

หวังอันชิงจ้องไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของเขาครู่หนึ่ง สุดท้ายก็แสดงสีหน้าเสียใจแล้วกล่าวว่า “เจ้าต้องดีต่อเขาให้มาก” จากนั้นนางก็หันหลังกลับแล้วรีบสาวเท้าจากไปทันที !

หลินเว่ยเว่ยกับเจียงโม่หานหันมามองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

Status: Ongoing
นักศึกษาเรียนดีจากวิทยาลัยเกษตรทะลุมิติมาเป็นเด็กสาวชาวนาผู้โง่เขลาและมีนิสัยป่าเถื่อน บิดาก็ตาย มารดาก็อ่อนแอ น้องชายดันมาตีตัวออกห่าง ส่วนพี่สาวก็มักจะคิดว่าเธอเป็นภาระเสมอ แต่โชคดีที่เธอมีมิติน้ำพุวิญญาณอยู่ในมือ เธอทั้งกลายเป็นนักล่าหมูป่า ทำให้ฝูงหมาป่าตกใจ ใช้น้ำพุวิญญาณมาปลูกพืชพันธุ์จนได้ผลผลิตดีงาม ทำสวนก็ได้ผลผลิตดี เลี้ยงสัตว์ก็เติบโต ไหนจะเสน่ห์ปลายจวักอีก เด็กโง่เขลาคนนี้นี่แหละจะนำพาทั้งครอบครัวไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองเอง ! ทว่าบัณฑิตหนุ่มหน้าหวานจอมหยิ่งคนข้างบ้านเนี่ย คิดว่าตัวเองหล่อแล้วจะทำอะไรก็ได้หรือไง ? คิดว่าเป็นขุนนางแล้วใครจะทำอะไรไม่ได้หรือ ? สุดท้ายก็ถูกเด็กโง่คนนี้กำราบไม่ใช่หรือไง ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท