หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง – ตอนที่ 305 ดึงดูดนักฆ่า

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 305 ดึงดูดนักฆ่า

“ไอ้สุนัขหน้าโง่! ไอ้สุนัขหน้าโง่!” นกแก้วขนแหว่งจ้องไปยังเมล็ดสน สายตาเช่นนั้นเหมือนผู้เสพยาที่เห็นยาไม่ผิดเพี้ยน

หลินเว่ยเว่ยเคาะศีรษะน้อย ๆ ของมัน “พูดให้ดีหน่อย คนที่ไม่รู้ก็จะเข้าใจผิดว่าเจ้ากำลังด่าอยู่ รู้หรือไม่ ! ”

นกแก้วขนแหว่งกระพือปีกที่มีขนไม่กี่เส้นนั้นสองสามครั้ง ก่อนจะก้มหน้ามองเจ้าดำในอ้อมกอดของเจ้าหนูน้อยแล้วร้องออกมาว่า “ไอ้สุนัขหน้าโง่ ดึงขน ไอ้สุนัขหน้าโง่ ! ”

เจ้าดำหูผึ่งแล้วหันมาจ้องมันทันที หลินเว่ยเว่ยนำตัวเจ้าดำมาไว้บนมือ ทันใดนั้นเจ้าดำก็แสดงท่าทางในที่เกิดเหตุให้ทุกคนเห็นคือนำตัวนกแก้วขนแหว่งไปเหยียบไว้ใต้ฝ่าเท้าอีกครั้ง ทำให้เจ้านกแก้วตาถลนจนรีบบินเข้าสู่อ้อมอกของหลินเว่ยเว่ย

“เห็นหรือยังเพคะ ? องค์ชายเจ็ด นี่ต่างหากถึงจะเป็นเรื่องจริง ! ” หลินเว่ยเว่ยแสดงให้เห็นว่าตนถูกใส่ร้ายจนรันทดอดสูยิ่งกว่าโต้วเอ๋อร์1 “ถ้าไม่ได้หม่อมฉันที่ช่วยเจ้านกแก้วขนแหว่งออกมาจากปากเจ้าดำ สิ่งที่พระองค์จะเห็นในเวลานี้ก็คงเหลือเพียงกองขนนกเท่านั้นเพคะ ! ”

องค์ชายเจ็ดทอดพระเนตรลูกสุนัขที่ตัวเท่าฝ่าพระหัตถ์ครู่หนึ่ง ก่อนจะขมวดพระขนงแล้วตรัสว่า “สุนัขนี้เป็นของบ้านเจ้าใช่หรือไม่ ? สุนัขกระทำ ดังนั้นนายอย่างเจ้าไม่ต้องรับผิดชอบเลยหรือ ? ”

“รับผิดชอบอันใดเพคะ ? หม่อมฉันยอมรับว่าเจ้าดำของบ้านเราลงมือก่อน ทว่านกแก้วขนแหว่งของพระองค์ก็แค่สูญเสียขนเท่านั้น หม่อมฉันขอเสนอว่าเอาไปเลี้ยงที่บ้านเราก่อนเพื่อให้ขนใหม่งอกออกมา พระองค์ก็ค่อยส่งคนมารับกลับไป เช่นนี้พอได้หรือไม่เพคะ ? ” หลินเว่ยเว่ยป้อนเมล็ดสนให้นกแก้วสองสามเมล็ด

นกแก้วขนแหว่งกินเมล็ดสนอย่างเอร็ดอร่อย มันพยักศีรษะน้อย ๆ “ได้ ได้ ! ”

องค์ชายเจ็ดจ้องนกทรยศที่มีขนเหลือไม่เท่าไร ก่อนจะเค้นสุรเสียงดัง ฮึ “นกแก้วน่าเกลียดเช่นนี้ เปิ่นหวางไม่ต้องการ ยกให้เจ้าไปแล้วกัน ! แต่…เปิ่นหวางไม่ให้โดยเปล่า…จงเอาลูกสุนัขตัวนี้มาแลก ! ”

เจ้าหนูน้อยรีบกอดลูกหมาป่าในทันใด จากนั้นก็ถอยไปอยู่ข้างหลังพี่รอง “ไม่ได้ ! เจ้าดำเป็นของบ้านเรา ข้า ไม่ให้คนอื่น ! ”

องค์ชายเจ็ดชี้ไปที่นกแก้วในมือหลินเว่ยเว่ย “นี่คือการแลกเปลี่ยน ! นกแก้วพูดได้ตัวหนึ่งแลกกับลูกสุนัขหนึ่งตัว เจ้าต่างหากที่เป็นฝ่ายได้กำไร ! ”

“ไม่แลก ! นกขนแหว่งสิบตัวก็ไม่แลก ! ” เจ้าหนูน้อยกลัวว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาแย่งจึงกอดเจ้าดำแน่นกว่าเดิม ดวงตาคู่นั้นจับจ้ององค์ชายเจ็ดด้วยความหวาดระแวง

“เฮอะ ! เจ้าเด็กโง่ ไม่รู้จักคุณค่า…” องค์ชายเจ็ดเผยท่าทางเสียพระพักตร์ออกมา ในเมืองหลวง ไม่ว่าพระองค์พอพระทัยในสิ่งใด อีกฝ่ายก็จะประเคนให้อย่างซาบซึ้ง ช่างเถิด ไม่พูดจาไร้สาระกับคนเหล่านี้แล้ว ในตำหนักที่เมืองหลวงยังไม่มีสุนัขพันธุ์ไหนบ้างเล่า ? ที่บอกจะขอแลกกับลูกสุนัขของอีกฝ่ายก็แค่เป็นการหยอกเด็กเท่านั้น !

“องค์ชายเจ็ดระวังเพคะ ! ” ทันใดนั้นก็มีเสียงกระบี่ปะทะกันเกิดขึ้น

ไม่ใช่แล้วกระมัง ? นางเป็นใครกันแน่ ? หากกล่าวกันว่าโคนันอยู่ที่ใดย่อมมีคดีให้ไขที่นั่น ตัวนางอยู่ที่ใดก็มักจะมีนักฆ่าปรากฏตัว หลินเว่ยเว่ยรีบตะโกนบอกชาวบ้านฉือหลี่โกวให้หาที่หลบซ่อน จากนั้นก็เดินไปดึงเสาไม้ไผ่ออกมาจากแผงด้านข้างเพื่อปกป้องบัณฑิตหนุ่มและเจ้าถั่วงอกน้อยทั้งสองให้ถอยออกไปยังริมถนน

“ระวัง หลินกู่เหนียง ! ” ผู้คุ้มกันที่ติดตามลู่เหวินจวินออกมาก็รีบคุ้มกันนางทันที ลู่เหวินจวินเก็บผู้คุ้มกันไว้ข้างกายสองคน ส่วนคนที่เหลือก็ออกคำสั่งให้ไปคุ้มครองพวกหลินเว่ยเว่ย

เจียงโม่หานคว้าข้อมือหลินเว่ยเว่ยเพราะกลัวนางจะทำใจกล้าบ้าบิ่นแล้วพุ่งเข้าไปโดยไม่สนสิ่งใดอีก เห็นได้ชัดว่าคนที่พุ่งไปหาองค์ชายเจ็ดเป็นกลุ่มมือสังหาร ในมือพวกมันล้วนถืออาวุธครบครัน อันตรายเกินไป !

องครักษ์รอบพระวรกายองค์ชายเจ็ดถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว แม้จะสู้หนึ่งต่อสามก็ยังไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

“ว้าว ! องค์ชายเจ็ดก็มีวรยุทธด้วยหรือ ? พัดในพระหัตถ์นั้นเท่สุด ๆ ไปเลย ! ” พอหลินเว่ยเว่ยปกป้องบัณฑิตน้อยและน้องชายไว้ด้านหลังแล้วก็ออกความเห็นอย่างสนุกสนาน

เจียงโม่หานกระตุกแขนเสื้อนาง “เจ้าพูดคำหยาบหรือ ? ”

“ข้าเปล่าเสียหน่อย นี่คือการอุทานคำชม ไม่ใช่คำหยาบ…ระวัง ! ข้างหลังเพคะ ! ” เบื้องหลังองค์ชายเจ็ดมีนักฆ่าแต่งกายในชุดชาวบ้าน มันกำลังชักมีดสั้นออกมาแล้วแทงไปที่ตำแหน่งหัวใจขององค์ชายเจ็ด หลินเว่ยเว่ยจึงรีบเอ่ยเตือน

องค์ชายเจ็ดรีบพลิกพระหัตถ์เพื่อสะบัดพัดออกไป ทันใดนั้นก็มีลำแสงบางอย่างออกมาจากพัด ส่วนนักฆ่าคนนั้นก็ล้มลงพร้อมลูกดอกที่ปักอยู่ตรงลำคอ

“ว้าว ! ที่แท้ในพัดก็มีอาวุธลับซ่อนอยู่ด้วย ! บัณฑิตน้อย วันหน้าเราทำกันสักอันเถิด ! ” หลินเว่ยเว่ยมองพัดในพระหัตถ์องค์ชายเจ็ดด้วยดวงตาเปล่งประกาย

เจียงโม่หานจับใบหน้าของนางให้หันกลับมา “ข้าเป็นบัณฑิตธรรมดาคนหนึ่ง แถมยังไม่มีใครตามฆ่าแล้วจะทำเจ้านั่นไปเพื่อเหตุใด ? ”

หลินเว่ยเว่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ทำเผื่อไว้ยามฉุกเฉิน ! คำโบราณกล่าวไว้ว่า ป้องกันไว้ก่อนดีกว่ามาเสียใจภายหลัง ตอนนี้บนแผ่นดินกว้างใหญ่ แม้แต่องค์ชายและซื่อจื่อก็ยังไม่ปลอดภัย แล้วราษฎรทั่วไปอย่างเราจะไม่แย่ยิ่งกว่าหรือ ? ”

องค์ชายเจ็ดโดนนักฆ่ากดดันจนมาถึงตรงหน้าทั้งสองคน พระองค์ตรัสกับทั้งสองอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “หุบปาก ! ช่วยอะไรไม่ได้ก็อย่าพูดจาไร้สาระอยู่ด้านข้าง เจ้าเห็นเปิ่นหวางกำลังเล่นงิ้วหรือไร ? ”

“ระวังเพคะ ! ” หลินเว่ยเว่ยกวาดเสาไม้ไผ่เข้าไปเพื่อช่วยองค์ชายจากมีดบินของนักฆ่า องค์ชายเจ็ดจึงมีโอกาสใช้พัดเฉือนคออีกฝ่าย นักฆ่าคนนั้นถลึงตาใส่หลินเว่ยเว่ยอย่าง…นอนตายตาไม่หลับ

“มองข้าทำไม ? จะเปรียบเทียบว่าตาของใครใหญ่กว่ากันหรือ ? ข้าไม่ได้ฆ่าเจ้าเสียหน่อย กรรมเกิดจากเหตุ ตอนกลางคืนไปหาเหตุเองเถิด ! ” หลินเว่ยเว่ยถอยหลังไปสองก้าวเพื่อไม่ให้เลือดกระเด็นติดเสื้อ

ยังมีนักฆ่ากระโดดออกมาจากฝูงชนอีกหลายคน บรรดาทหารองครักษ์ขององค์ชายเจ็ดไม่มีเวลามาสนใจเจ้านายได้อย่างจดจ่อ ทางองค์ชายเจ็ดก็เริ่มกลับมายุ่งอีกครั้ง ทรงหลบมีดบินของนักฆ่าคนหนึ่งด้วยความลำบากจึงตะโกนมาทางหลินเว่ยเว่ยว่า “เจ้าคิดจะยืนอยู่เฉย ๆ จริงหรือ ? คิดว่าชีวิตเปิ่นหวางไม่คุ้มค่าที่จะให้เจ้าช่วยหรืออย่างไร ? ”

“ไม่ใช่เพคะ ! หม่อมฉันกำลังปล่อยให้องค์ชายเจ็ดได้แสดงฝีมือไงเล่า ! อีกอย่างหม่อมฉันกลัวว่าพอช่วยพระองค์แล้วจะทำให้ตนเองพลอยซวยไปด้วย อาจโดนองค์ชายเจ็ดจับเป็นเป็ดแมนดาริน ( สัญลักษณ์แห่งรักแท้ ) เพื่อบีบบังคับให้คู่รักอย่างหม่อมฉันกับบัณฑิตเจียงต้องแยกจากกัน…” หลินเว่ยเว่ยขยับเสาไม้ไผ่ในมือ ในที่สุดนางก็สังหารนักฆ่ามีดบินได้สำเร็จ

ทันใดนั้นนักฆ่าไร้ตาคนหนึ่งก็พุ่งเข้ามาทางนาง หลินเว่ยเว่ยหันไปพูดกับบัณฑิตหนุ่ม “เห็นหรือไม่ ? ข้ากำลังป้องกันตัวเองอยู่ ! ” เสียงเพิ่งเงียบลง นางก็เคาะไปที่มีดของนักฆ่าแล้วถีบมันจนกระเด็นไปบนหลังคาทันที นักฆ่ากระอักเลือดสองสามครั้ง หลังจากนั้นก็ไม่ขยับตัวอีกเลย

แรงกดดันทางฝั่งองค์ชายเจ็ดลดลงเยอะมาก พระองค์ถอยมาทางหลินเว่ยเว่ยโดยใช้พัดกันอาวุธของนักฆ่าไว้ จากนั้นก็ตรัสกับนางด้วยเสียงหอบหายใจเล็กน้อย “เจ้าไม่ใช่หญิงงามที่ไร้ผู้ใดเทียบเทียมได้เสียหน่อย เชื่อจริงหรือว่าเปิ่นหวางคิดอะไรกับเจ้า ? นั่นก็แค่หยอกเจ้าเล่นเท่านั้น ! เจ้าคิดว่าหมินอ๋องซื่อจื่อมีหยกแสดงฐานะคนเดียวหรือไร ? ป้ายหยกของเปิ่นหวางเป็นของที่ฟู่หวงประทานให้เชียว ล้ำค่ายิ่งกว่าของเขาอีก ! ”

พอหลินเว่ยเว่ยได้ยินเช่นนั้น ดวงตาทั้งสองก็เปล่งประกายทันใด “ของพระราชทาน ? เอาออกมาให้หม่อมฉันชื่นชมหน่อย…”

องค์ชายเจ็ดพระองค์เดียวสู้กับนักฆ่าถึงสี่ห้าคน แรงกดดันจึงเพิ่มขึ้นอีกครั้ง พระองค์หลบการโจมตีของนักฆ่าด้วยความยากลำบาก ก่อนจะใช้ช่องว่างที่มีตรัสออกมาว่า “รอให้จัดการนักฆ่าพวกนี้เสร็จแล้วค่อยพูดกันใหม่ ! ”

หลินเว่ยเว่ยทำเหมือนก่อนที่จะลงแปลงนาคือถุยน้ำลายใส่มือแล้วจับเสาไม้ไผ่ให้แน่น จากนั้นก็เหวี่ยงไปทางบรรดานักฆ่า “กวาดล้างทั้งกองทัพ ! ”

มีนักฆ่าที่หลบไม่ทัน ทำให้แผ่นหลังกระแทกเข้ากับเสาไม้ไผ่แล้วมันก็ล้มลงไปกับพื้น จากนั้นก็สูญเสียพละกำลังในการต่อสู้โดยสิ้นเชิง

1 โต้วเอ๋อร์ คือ ตัวละครจากเรื่องความพยาบาทของโต้วเอ๋อร์ ของกวนฮั่นชิงนักประพันธ์สมัยราชวงศ์หยวน

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

Status: Ongoing
นักศึกษาเรียนดีจากวิทยาลัยเกษตรทะลุมิติมาเป็นเด็กสาวชาวนาผู้โง่เขลาและมีนิสัยป่าเถื่อน บิดาก็ตาย มารดาก็อ่อนแอ น้องชายดันมาตีตัวออกห่าง ส่วนพี่สาวก็มักจะคิดว่าเธอเป็นภาระเสมอ แต่โชคดีที่เธอมีมิติน้ำพุวิญญาณอยู่ในมือ เธอทั้งกลายเป็นนักล่าหมูป่า ทำให้ฝูงหมาป่าตกใจ ใช้น้ำพุวิญญาณมาปลูกพืชพันธุ์จนได้ผลผลิตดีงาม ทำสวนก็ได้ผลผลิตดี เลี้ยงสัตว์ก็เติบโต ไหนจะเสน่ห์ปลายจวักอีก เด็กโง่เขลาคนนี้นี่แหละจะนำพาทั้งครอบครัวไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองเอง ! ทว่าบัณฑิตหนุ่มหน้าหวานจอมหยิ่งคนข้างบ้านเนี่ย คิดว่าตัวเองหล่อแล้วจะทำอะไรก็ได้หรือไง ? คิดว่าเป็นขุนนางแล้วใครจะทำอะไรไม่ได้หรือ ? สุดท้ายก็ถูกเด็กโง่คนนี้กำราบไม่ใช่หรือไง ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท