ตอนที่ 366 ใจของเจ้าไม่ได้อยู่กับข้า
หลินจื่อเหยียนหันไปมองคนโน้นทีคนนี้ที ก่อนจะถอนหายใจออกมา “สรุปแล้วข้ายากจนที่สุดในบ้าน ! ”
ก็มันจริง ! รายได้จากผลไม้อบแห้ง เนื้อแผ่น โรงงานแปรรูปเมล็ดสนแล้วก็จากโกดังที่ท่าเรือมีมารดาเป็นคนดูแล พี่รองก็เป็นหุ้นส่วนกับร้านขายขนมและผลไม้อบหนิงจี้ แม้จะเริ่มได้ไม่กี่เดือน ทว่าเงินปันผลครึ่งต่อครึ่งของร้านทั้งสี่สาขาก็ได้มากกว่ารายได้ตลอดครึ่งปีของบ้าน ยังมีเจ้าหนูน้อยอีกคน กระต่ายที่เลี้ยงไว้ก็ทำเงินให้ไม่เลว แม้รายได้จากการทอผ้าของพี่ใหญ่จะไม่มาก แต่ก็มีเงินเก็บในกระเป๋าตลอด เหลือแค่เขาคนเดียว…
“เฮ้อ! เป็นบัณฑิตไร้ประโยชน์จริง ๆ ! …เอ่อ ข้าหมายถึง…” ขณะที่หลินจื่อเหยียนกำลังถอนหายใจก็ถูกเจียงโม่หานถลึงตาใส่ เขาจึงพูดไม่ออก “ว่าที่พี่เขยรอง ข้าไม่ได้ว่าท่าน…”
ร้านหนังสือที่ศิษย์พี่เจียงร่วมเปิดกับผู้อื่น มีลูกค้าเข้าไม่ขาดสาย แค่ผู้หลงใหลในผลงานกลุ่มเล็ก ๆ ก็ขายได้เงิน 50 ตำลึงต่อชิ้นงานแล้ว…แท้จริงคนไร้ประโยชน์ไม่ใช่บัณฑิตหรอก แต่เป็นตัวเขาเองต่างหาก ! หลังคิดได้แบบนั้น เขาก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาทันที…
หลินเว่ยเว่ยเคาะศีรษะเขา ทำให้หลุดจากความเศร้าโศก นางยิ้มแล้วพูดว่า “ตั้งใจเรียน ดั่งคำกล่าวที่ว่า ‘ในตำรามีห้องทองคำ1’ เอาแบบนี้แล้วกัน พี่รองจะสร้างเงื่อนไขให้รางวัลด้านการเรียนแก่เจ้า ถ้าบทความที่เจ้าเขียนได้คำชมจากบัณฑิตน้อย ข้าจะให้รางวัลเป็นเงิน 5 ตำลึง หากสอบได้บัณฑิตถงเซิง ก็รับรางวัล 100 ตำลึง ถ้าสอบติดซิ่วไฉก็ให้รางวัล 500 ตำลึง ถือเป็นสมบัติก้อนเล็ก ๆ ของเจ้า ว่าอย่างไร ? ”
หลินจื่อเหยียนยังไม่ทันตอบรับ เจ้าหนูน้อยก็แย่งพูด “ว้าว ! พี่สามสอบถงเซิงติดก็จะได้เงินเยอะกว่าข้าเลี้ยงกระต่ายขายครึ่งปีเสียอีก ความรู้คือขุมทรัพย์ คือความเจริญ ! พี่รอง ปีหน้าหากข้าเข้าสำนักศึกษาแล้วได้คำชมจากท่านอาจารย์ ข้าจะได้รางวัลอะไรบ้างไหม ? ”
“ได้สิ ! ตั้งใจเรียนย่อมได้รับรางวัลตอบแทนอยู่แล้ว ! ” หลินเว่ยเว่ยลูบศีรษะเจ้าหนูน้อย
เขาพูดด้วยความดีใจ “หวังว่าปีหน้าจะได้เข้าสำนักศึกษาจริง ๆ ! พี่โม่หานชอบขมวดคิ้วใส่บทความของพี่สามบ่อย ๆ ต่อไปข้าจะเรียนให้เก่งกว่าพี่สาม ! ”
หลินจื่อเหยียนบีบจมูกน้อย ๆ ของเขา “เก่งแต่ปากมีใครทำไม่เป็นบ้าง ? พอเข้าสำนักศึกษาแล้วเจอบทเรียนยาก ๆ ขึ้นมา อย่ามาร้องไห้ขี้มูกโป่งแล้วกัน ! ”
เจ้าหนูน้อยสะบัดมือเขาออกแล้วรีบไปซ่อนด้านหลังพี่รอง ก่อนจะยื่นหน้าออกมาแลบลิ้นใส่พี่สาม “ข้าไม่ร้องไห้ขี้มูกโป่งแน่นอน ! ข้าเรียนรู้ได้เร็วจะตาย ถ้าไม่เชื่อก็ถามพี่โม่หานสิ ! ”
หลังได้ยินแบบนั้น เสี่ยวร่างก็ออกแรงพยักหน้าอยู่ด้านข้าง…เรียนอักษรแบบเดียวกัน ทว่านายน้อยแค่หัดเขียนสองรอบก็เขียนได้แล้ว ไม่เหมือนเขาที่แม้จะพยายามเขียนตั้งหลายรอบก็ยังจำผิด นายน้อยฉลาดถึงเพียงนี้ อนาคตจะต้องสดใสแน่นอน !
นางหวงส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม “พอแล้ว ! นี่ก็ดึกมากแล้ว รีบเข้านอนกันเถิด ! วันแรกของปีใหม่ห้ามตื่นสายเด็ดขาด ! ”
เจ้าหนูน้อยรีบไปมุดตัวใต้ผ้าห่ม “ข้าเชื่อฟังคำพูดของท่านแม่ที่สุดแล้วขอรับ พี่สามไม่ฟังท่าน ท่านแม่ด่าเขาเลย ! ”
หลินจื่อเหยียนแค่นเสียงดัง ฮึ “ท่านแม่ขอรับ น้องสี่อายุ 7 ขวบแล้ว ถึงวัยที่ต้องแยกห้องนอนกับสตรี ต่อไปก็ให้เขามานอนกับข้าแล้วกันขอรับ ! ” ขณะพูดก็ยื่นมือไปดึงตัวน้องชายออกจากผ้าห่ม
“ช่วยด้วย ท่านแม่ ช่วยข้าด้วยขอรับ ! ข้าไม่นอนกับพี่สาม เขาจะแก้แค้นข้า ! ” เจ้าหนูน้อยพยายามดิ้นสุดชีวิตแล้วรีบหนีไปซ่อนบนเตียงอีกครั้งพลางหัวเราะฮ่าฮ่าไม่หยุด
นางหวงรีบปราม “ต้าฮว๋า เลิกแหย่เขาได้แล้ว ! เด็กน้อยเล่นสนุกมากไปจะนอนฉี่รดที่นอน…”
เจ้าหนูน้อยรีบเถียงด้วยสีหน้าแดงก่ำ “ท่านแม่ ข้าโตแล้วขอรับ ไม่ฉี่รดที่นอนตั้งนานแล้ว ! ”
หลินจื่อเหยียนพูด “เจ้าเห็นเด็กบ้านไหนที่โตแล้วยังนอนกับท่านแม่อยู่อีก ? ”
“พี่รองบอกข้าว่าฤดูใบไม้ผลิปีนี้จะสร้างห้องใหม่ให้ข้าทางฝั่งกำแพงตะวันออก ข้ากับเสี่ยวร่างจะนอนด้วยกัน ! คิคิคิ…ข้าไม่นอนกับท่านหรอก ! พี่สามชอบนอนกัดฟัน แถมยังละเมอด้วย…”
หลินจื่อเหยียนรีบตีก้นอวบอัดของอีกฝ่าย “ข้ายังไม่รังเกียจที่เจ้านอนดิ้นจนถีบข้าตกเตียงได้เลย ! ”
มาสิ ! มาแลกกัน !
หลินเว่ยเว่ยสวมเสื้อคลุมแล้วออกมานอกบ้านเพื่อดูดาวอยู่ใต้ชายคา ท้องฟ้ามีสีดำสนิท ดวงดาวทอแสงระยิบระยับสว่างไสว ราวกับอยู่ใกล้ชิด อยู่ห่างกันเพียงเท่านี้ ใกล้จนสามารถเอื้อมมือไปคว้าลงมาได้…
“เหม่อมองอะไรอยู่ ? ประเดี๋ยวก็โดนลมจนล้มป่วยอีกหรอก ! ”
หลินเว่ยเว่ยหันไปมอง ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใดที่บัณฑิตหนุ่มมายืนอยู่ข้างๆ ดวงตาทั้งสองข้างของเขาเป็นประกายน่าดึงดูดยิ่งกว่าดวงดาราบนท้องนภาเสียอีก
“หืม ? บัณฑิตน้อย นี่เจ้าตัวสูงขึ้นอีกแล้วหรือ ! ” ตอนที่นางเพิ่งทะลุมิติมา บัณฑิตน้อยกับนางมีส่วนสูงพอ ๆ กัน เวลาที่นางมองเขาก็สามารถสบตากันได้พอดี แต่ตอนนี้นางต้องเงยหน้ามอง…เพิ่งผ่านไปแค่ครึ่งปี บัณฑิตน้อยก็สูงขึ้นห้าหกหลีหมี่ (cm) แล้ว ! เจ้าหมอนี่ คงกินดีอยู่ดีเกินไปกระมัง ?
เจียงโม่หานมีสีหน้ามืดครึ้มทันที “ตัวสูงขึ้นก็ผิดด้วยหรือ? ถ้าเจ้าไม่สังเกตเห็นก็แปลว่าเจ้ายังใส่ใจในตัวข้าไม่มากพอ ! ”
หลินเว่ยเว่ยยิ้มหน้าบาน “ถ้าเช่นนั้น…ต่อไปข้าจะมัดตัวเจ้าติดกับตัวข้าทุกวันเลย แค่หันไปมองก็เจอ แบบนี้ใส่ใจพอหรือยัง ? ”
นางเฝิงที่ออกมาจากตัวบ้านก็หัวเราะเสียงดังลั่น “ฮ่าฮ่า…เวลาที่พวกเจ้าเกี้ยวพากัน ช่วยดูว่าปิดประตูหรือยังได้หรือไม่ ? เอาเถิด เชิญพวกเจ้าต่อเลย ต่อได้เลย ! ”
ต่อจากนั้นนางเฝิงก็เข้ามาดึงตัวเจียงโม่หานไปยืนข้างหลินเว่ยเว่ยจนไหล่ของทั้งสองชนกัน เขาช่วยจับตัวหลินเว่ยเว่ยที่เซถอยหลังออกไป “ใจของเจ้าไม่ได้อยู่กับข้า แม้จะมัดตัวติดกันก็ไร้ประโยชน์…”
หลินเว่ยเว่ยชี้มาที่ตัวเองพลางอ้าปากค้าง…ถ้าใจของข้าไม่ได้อยู่กับเจ้าแล้วมันจะไปอยู่ที่ใครได้อีก ? ข้าโดนใส่ร้ายเกินไปแล้ว !
เอาเถิด นางยอมรับว่าใจของนางส่วนใหญ่มักเอาแต่คิดว่าจะหาเงินให้มากได้อย่างไร แต่นางก็ไม่ได้ละเลยบัณฑิตน้อย ถูกหรือไม่ ? นี่บัณฑิตน้อย…กำลังอ้อนนางอยู่หรือ ?
หลินเว่ยเว่ยเดินเข้าห้อง ก่อนจะหยิบห่อผ้าใบหนึ่งออกมา “ของขวัญปีใหม่สำหรับเจ้าอยู่ในนี้ ! เดิมทีข้าคิดว่าจะรอให้ตอนฟ้าสางแล้ว ข้าไม่ได้ลืมเจ้าจริง ๆ นะ ! ข้าคิดถึงเจ้าตลอดเวลา ! ”
ในห่อผ้าคือเสื้อคลุมและกางเกงที่ถักจากไหมพรมขนกระต่าย ยังมีกระเป๋าเงินที่นางถักให้บัณฑิตน้อยอีกใบ กระเป๋าสีขาวบริสุทธิ์ มีต้นไผ่สีเขียวอยู่สองสามต้นประดับไว้ด้วย
เจียงโม่หานรับมาแล้วเปลี่ยนกับกระเป๋าที่นางเฝิงเป็นคนทำให้ กระเป๋าถักจากไหมพรมขนสัตว์นี้แปลกใหม่และยังเหมาะกับเสื้อผ้าสีอ่อนของเขาด้วย ! คาดไม่ถึงว่าเด็กตัวแสบที่แทบเย็บปักไม่เป็นจะมีฝีมือระดับนี้ นาง ชอบทำให้เขาต้องประหลาดใจครั้งแล้วครั้งเล่า !
“หายโกรธแล้วหรือยัง ? ” หลินเว่ยเว่ยยิ้มในขณะช่วยจัดกระเป๋าให้เขา
เจียงโม่หานก้มหน้ามองนางพลางลูบกระเป๋าไหมพรมที่เอว จากนั้นเขาก็พูดขึ้นมาเบา ๆ ว่า “ข้าไม่ได้โกรธและไม่ได้ทำเพราะอ้อนขอของขวัญ…” ทำราวกับเขายื่นมือขอของขวัญจากนางเสียได้
หลินเว่ยเว่ยพยักหน้า “ข้าเข้าใจ ! ใช่ว่าข้าไม่ได้สังเกตส่วนสูงของเจ้าเลย เพียงแต่จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าปีนี้เจ้าตัวสูงขึ้นเร็วมาก เหมือนว่าจู่ ๆ ก็สูงได้เลยแบบนั้น ! ”
ไม่พูดเปล่า เพราะหลินเว่ยเว่ยยังยกมือขึ้นมาวัดที่ศีรษะของเขาด้วย
[i]
1 ในตำรามีห้องทองคำ หมายความว่า ผู้ใดมุมานะ ความมั่งมีก็จะตามมาเอง
ตั้งแต่วันที่ 6 เป็นต้นไป ทางทีมงานจะปรับอัพนิยายลดเหลือวันละ 1-2 ตอนนะ เนื่องจากเรื่องชนต้นฉบับแล้ว แต่ก็จะมีให้ลงเรื่อยๆนะครับ