หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง – ตอนที่ 562 ลูกหมีต้องให้ผู้ปกครองที่บ้านจัดการ

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 562 ลูกหมีต้องให้ผู้ปกครองที่บ้านจัดการ

ม้าหยุดอยู่ที่ด้านหลังของพวกนาง คนบนหลังม้ามองลงมาเบื้องล่าง “คาดไม่ถึงว่าองค์หญิงเว่ยเว่ยจะมีเวลาว่างถึงขนาดนี้ ในวันที่หิมะตกก็ยังออกมาเดินเตร็ดเตร่บนถนน ! ”

หลินเว่ยเว่ยเงยหน้าขึ้น ทันใดนั้นนางก็เห็นดวงพักตร์เปี่ยมความอาฆาตขององค์ชายเจ็ด นางจึงอดไม่ได้ที่เถียงกลับ “ไม่กล้า ไม่กล้า ! ไม่ทราบว่าองค์ชายเจ็ดออกมาทรงม้าบนถนนในวันที่หิมะตกเช่นนี้…ไม่กลัวม้าจะเท้าลื่นแล้วตกลงมาจนพระทนต์ร่วงหมดโอษฐ์บ้างหรือเพคะ ! ”

องค์ชายเจ็ดมีโทสะโดยพลัน หลังใช้แส้ในพระหัตถ์ชี้หน้านางแล้วก็แค่นสุรเสียงดุ “เจ้าบังอาจมาก ถึงขั้นกล้าแช่งเปิ่นหวางให้ตกจากหลังม้า ! ”

“องค์ชายเจ็ดเข้าพระทัยผิดแล้ว ! นี่จะเรียกว่าแช่งได้อย่างไร ? นี่เรียกว่าเตือนด้วยความหวังดีต่างหากเพคะ ในเมื่อองค์ชายเจ็ดไม่อยากรับไว้ หม่อมฉันขอถอนคำพูดเมื่อครู่ก็ได้เพคะ ! ” หลินเว่ยเว่ยเอียงศีรษะแล้วเห็นหมินอ๋องซื่อจื่อกำลังตามหลังองค์ชายเจ็ดมา จึงรีบทำตัวเป็นเด็กสาวที่โดนรังแกทันที

หมินอ๋องซื่อจื่อมาเห็นองค์ชายเจ็ดกำลังทำตัววางอำนาจและน้องสาวในสภาพน้อยเนื้อต่ำใจเข้าพอดี โทสะจึงผุดขึ้นในใจ เขาแค่นเสียงดัง ฮึ อย่างเย็นชา “องค์ชายเจ็ดมีบารมีเหลือเกิน ! รังแกเด็กผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่ง ยังจะถือเป็นลูกผู้ชายอะไรกัน สู้พวกเราไปประลองกันที่ลานประลองไม่ดีกว่าหรือพ่ะย่ะค่ะ ? ”

“เด็กผู้หญิงอ่อนแอ ? จินเฉิง ตาข้างไหนของเจ้าเห็นนางอ่อนแอ ? ” องค์ชายเจ็ดตกตะลึงกับท่าทางอ่อนแอขึ้นมาอย่างกะทันหันของนาง หลังจากหันไปทอดพระเนตรหมินอ๋องซื่อจื่อแล้วจึงได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นางตัวแสบกำลังเสแสร้งให้ใครมอง ! ช่างเป็นเด็กที่ร้ายกาจและเจ้าเล่ห์มาก !

ในเวลานี้ก็บังเอิญมีลมหนาวพัดเข้ามาทันที หลินเว่ยเว่ยจึงแกล้งทำเป็นตัวเซแล้วเข้าไปพิงแขนเจียงโม่หาน…สาวน้อยอ่อนแอดูแลตัวเองไม่ไหว !

หมินอ๋องซื่อจื่อขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม เขาดึงแขนหลินเว่ยเว่ยออกมาเบา ๆ แล้วพูดกับนางว่า “ยืนให้ดี ! หากเจ้าเหนื่อยก็ให้สาวใช้ประคองไปนั่งดื่มชาที่โรงน้ำชาใกล้ ๆ กันนี้”

หลินเว่ยเว่ยเพิ่งออกมาจากโรงน้ำชาจึงเป็นธรรมดาที่จะไม่อยากลิ้มรสชาชนิดไหนอีกแล้ว นางรีบยืนตัวตรง “เมื่อครู่ลมแรงไปหน่อย ข้าจึงไม่ทันยืนให้ดี…ท่านพี่ องค์ชายรังแกข้า ! หากท่านมาช้าอีกแค่ก้าวเดียว พระองค์ก็จะฟาดแส้มาใส่ตัวข้าแล้ว ! ”

องค์ชายเจ็ดโมโหจนพระหัตถ์สั่น “พลิกขาวเป็นดำ พูดเฉไฉไปเรื่อย ! เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเจ้าประชดประชันเปิ่นหวาง…”

“องค์ชายเจ็ด หม่อมฉันเดินบนถนนดี ๆ เป็นพระองค์หรือเปล่าที่เข้ามาหาเรื่อง ? และเป็นพระองค์หรือเปล่าที่เริ่มตรัสประชดก่อน ? ” หลินเว่ยเว่ยสอดมือไว้ในที่อุ่นมือ ท่าทางสงบเยือกเย็น…ดังนั้นเจ้ามารนหาที่เอง จะโทษคนอื่นไม่ได้ !

องค์ชายเจ็ดแย้มโอษฐ์อย่างเย็นชา “ทำไมหรือ ? โดนแต่งตั้งเป็นองค์หญิงและมีที่ดินศักดินาแล้วก็รู้จักใช้อำนาจข่มคนอื่น ? แม้แต่เปิ่นหวางก็พูดกับเจ้าไม่ได้แล้วหรือ ? ”

“ท่านพี่ ท่านดูสิ เมื่อครู่องค์ชายควบอาชาเข้ามาทางข้าเอง แค่เปิดโอษฐ์ก็ตรัสโน้นตรัสนั่นและยังตรัสว่าไม่ได้รังแกข้า ? ท่านพี่ ข้าคิดว่าลานประลองเป็นความคิดไม่เลว ในวันที่อากาศหนาวแบบนี้ได้ยืดเส้นยืดสายหน่อยก็เป็นเรื่องดี ! ” หลินเว่ยเว่ยเรียก ‘ท่านพี่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างสนิทสนม ! แม้แต่เจียงโม่หานก็ยังเหลือบมองนางด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย

“น้องหญิงพูดมีเหตุผล องค์ชายเจ็ด เชิญพ่ะย่ะค่ะ ! ” หมินอ๋องซื่อจื่อมองออกแล้วว่าพระอารมณ์แปรปรวนขององค์ชายเจ็ดสามารถทำให้เด็กสาวไม่พอใจ เมื่อโทสะขึ้นแล้วคารมคมคายก็ออกจากปาก ทำให้องค์ชายเจ็ดรับมือไม่ไหว

แต่ไม่ว่าเรื่องนี้ใครจะเป็นฝ่ายผิด แต่น้องสาวก็อยู่ในเหตุการณ์ ดังนั้นคนเป็นพี่ชายอย่างเขาจึงต้องเข้ามาให้ท้ายอยู่แล้ว เพราะถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วเวลากลับตำหนักไป ฟู่หวางที่รักบุตรสาวจะต้องแผลงฤทธิ์ให้เห็นแน่นอน !

องค์ชายเจ็ดลดทิฐิไม่ไหว ยังชี้แส้ใส่หลินเว่ยเว่ยและหมินอ๋องซื่อจื่อ ก่อนจะตรัสว่า “เปิ่นหวางไม่มีเวลามาเล่นไร้สาระกับพวกเจ้า ! หลบไป สุนัขดีไม่ขวางทางเจ้าของ ! ”

“ท่านพี่ องค์ชายด่าพวกเราเป็นสุนัข ! นิสัยไม่ดีเกินไปแล้ว ยังเป็นองค์ชายอีกหรือ ! ไม่ได้ ข้าทนไม่ไหว ข้าจะไปฟ้องผู้ปกครองของพระองค์ ! ” หลินเว่ยเว่ยกัดฟันพลางมองตามแผ่นหลังที่อยู่บนหลังม้าขององค์ชายเจ็ดด้วยความเกลียดชัง !

หมินอ๋องซื่อจื่อหัวเราะ “ฟ้องผู้ปกครอง ? ผู้ปกครองขององค์ชายเจ็ดก็เป็นถึงฮ่องเต้กับฮองเฮา ! ”

“แล้วอย่างไร? ลูกหมี (เด็กเปรต) ต้องให้ผู้ปกครองที่บ้านจัดการ ! ” หลินเว่ยเว่ยกลอกตาไปมา “ฮ่องเต้พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้ข้าแล้ว ข้าสามารถเข้าวังไปทูลขอบพระทัยได้ใช่หรือไม่ ? ข้าคิดว่าพรุ่งนี้เป็นวันดี…องค์หญิงเจียวเจียวตรัสว่าดอกเหมยในวังก็บานสะพรั่งแล้วจึงชวนข้าไปชื่นชมดอกเหมย ! ”

เจียงโม่หานอดไม่ได้ที่จะเตือน “เมื่อครู่เจ้าไม่ได้ฝากคำพูดไปกับองค์รัชทายาทว่าเชิญองค์หญิงเจียวเจียวมาตำหนักหมินอ๋องในวันพรุ่งนี้เพื่อชิมขนมแบบใหม่ด้วยกันหรือ ? ”

“จริงสิ ! ถ้าเช่นนั้น…ก็ทำขนมก่อน พอทำเสร็จแล้วฮ่องเต้ก็คงจัดการงานราชกิจเสร็จได้พอสมควรแล้วเช่นกัน ข้าจะนำขนมที่องค์หญิงเจียวเจียวทำด้วยกันไปคารวะฝ่าบาท แล้วก็จะได้ถือโอกาสทูลฟ้องเรื่องนี้ด้วย ! ” หลินเว่ยเว่ยวางแผนสำหรับวันพรุ่งนี้ได้อย่างรัดกุม

มุมปากของหมินอ๋องซื่อจื่อกระตุก “น้องหญิง นี่เจ้าเอาจริงหรือ ? ”

“จริงจังยิ่งกว่าอะไร ! ” หลินเว่ยเว่ยจะขึ้นสังเวียนกับองค์ชายเจ็ดแล้ว ! ใครใช้ให้เจ้าหมอนั่นมาหาเรื่องนางเวลาเจอหน้าตลอด ? นางยังไม่ได้ติดหนี้อะไรเลย…หรือจะเป็นเพราะ…นางมีที่ดินศักดินาแต่เขาไม่มีก็เลยริษยา ?

พูดถึงที่ดินศักดินาก็ไม่รู้ว่าฮ่องเต้คิดอย่างไร หนิงอ๋องเพิ่งคืนหนิงโจวให้ราชสำนัก ฮ่องเต้ก็เปลี่ยนมายกให้นางแล้ว ถ้าเป็นที่ดินอุดมสมบูรณ์ก็ว่าไปอย่าง แต่ได้ยินว่าหนิงโจวตั้งอยู่ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ผืนดินแห้งแล้ง ประชากรก็เบาบาง…ฮ่องเต้พระราชทานรางวัลหรือลงโทษกันแน่ ?

หมินอ๋องซื่อจื่อคิดว่านางหัวร้อนเกินไปหน่อย จึงส่ายหน้าพลางพูดว่า “เจ้าไปพบองค์รัชทายาทมาตอนไหน ? แล้วยังให้พระองค์ไปถ่ายทอดคำพูดแทนเจ้าอีก ? ”

หลินเว่ยเว่ยคลี่ยิ้ม “ที่ร้านโม่เซียงเจ้าค่ะ ! บัณฑิตน้อยเขียนตำราขึ้นมาหนึ่งเล่มและเตรียมจะเอาไปตีพิมพ์เพื่อวางขาย องค์รัชทายาทประทับอยู่ที่นั่นพอดี เราสนทนากันไม่กี่ประโยค จริงสิ บ้านเราห้ามติดต่อกับพวกเชื้อพระวงศ์หรือเปล่า ? ”

“ไม่ห้ามหรอก ! ” ตำหนักหมินอ๋องจงรักภักดีต่อราชวงศ์ ไม่มีใครกล้าดึงพวกตนไปเข้าพวก อีกอย่างคือด้วยผลงานอันทรงเกียรติของตำหนักหมินอ๋องก็ไม่จำเป็นต้องแย่งชิงบัลลังก์ ไม่ว่าต่อไปใครจะเป็นฮ่องเต้ ตำหนักหมินอ๋องก็จะจงรักภักดีต่อฮ่องเต้และราชวงศ์ ปกป้องแผ่นดินต้าเซี่ยและราษฎร !

หมินอ๋องซื่อจื่อเห็นน้องสาวกลับมาเดินบนถนนอย่างใจเย็นอีกครั้ง จึงพูดกับนางว่า “น้องหญิงอยากซื้ออะไรก็เลือกได้เลย จากนั้นลงบัญชีในนามของข้า”

หลินเว่ยเว่ยเลิกคิ้วมองเขาด้วยรอยยิ้มที่เหมือนไม่ได้ยิ้ม “ท่านก็ให้ตั๋วแลกเงินข้าหนึ่งปึกแล้วไม่ใช่หรือ ? ท่านพี่ ท่านใจกว้างขนาดนี้ คลังสมบัติเล็ก ๆ ของท่านจะไม่แตกเอาหรือเจ้าคะ ? ”

หมินอ๋องซื่อจื่อคลี่ยิ้ม “เงินส่วนตัวของข้ามีอยู่ไม่เยอะจริง ๆ แต่เงินที่ใช้ซื้อเสื้อผ้าเครื่องประดับให้น้องสาวยังพอมีอยู่” ในสายตาของเขาคือไม่ว่าเด็กน้อยจะชอบอะไร ของกิน เสื้อผ้าหรือเครื่องประดับ มันก็คงเป็นเงินไม่เท่าไรกระมัง ?

หลินเว่ยเว่ยส่ายหน้า “ไม่ต้องเจ้าค่ะ ! เสื้อผ้าและเครื่องประดับของข้า หมู่เฟยจัดการแทนหมดแล้ว ท่านพี่ หากท่านอยากมอบของขวัญให้ข้าก็สั่งทำอาวุธให้ได้หรือไม่ ? ดีที่สุดเอาเป็นแบบกระบอง…” นางใช้ ‘กระบองเหล็ก’ จนชินแล้ว พวกกระบี่หรือดาบ นางใช้ไม่ถนัดมือ !

มุมปากของหมินอ๋องซื่อจื่อกระตุกอีกครั้ง งานอดิเรกของน้องสาว…พิเศษจริง ๆ ! แป้งฝุ่น เสื้อผ้าหรือพวกเครื่องประดับที่เด็กผู้หญิงทั่วไปชอบ นางกลับไม่เอา แต่อยากได้อาวุธอะไรไม่รู้ ! เลือดเนื้อเชื้อไขตระกูลจ้าวของพวกเรามีสายเลือดของนักรบไหลเวียนอยู่จริง รู้แล้วว่าเหตุใดฟู่หวางจึงลำเอียงรักน้องสาวมากนัก !

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

Status: Ongoing
นักศึกษาเรียนดีจากวิทยาลัยเกษตรทะลุมิติมาเป็นเด็กสาวชาวนาผู้โง่เขลาและมีนิสัยป่าเถื่อน บิดาก็ตาย มารดาก็อ่อนแอ น้องชายดันมาตีตัวออกห่าง ส่วนพี่สาวก็มักจะคิดว่าเธอเป็นภาระเสมอ แต่โชคดีที่เธอมีมิติน้ำพุวิญญาณอยู่ในมือ เธอทั้งกลายเป็นนักล่าหมูป่า ทำให้ฝูงหมาป่าตกใจ ใช้น้ำพุวิญญาณมาปลูกพืชพันธุ์จนได้ผลผลิตดีงาม ทำสวนก็ได้ผลผลิตดี เลี้ยงสัตว์ก็เติบโต ไหนจะเสน่ห์ปลายจวักอีก เด็กโง่เขลาคนนี้นี่แหละจะนำพาทั้งครอบครัวไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองเอง ! ทว่าบัณฑิตหนุ่มหน้าหวานจอมหยิ่งคนข้างบ้านเนี่ย คิดว่าตัวเองหล่อแล้วจะทำอะไรก็ได้หรือไง ? คิดว่าเป็นขุนนางแล้วใครจะทำอะไรไม่ได้หรือ ? สุดท้ายก็ถูกเด็กโง่คนนี้กำราบไม่ใช่หรือไง ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท