ตอนที่ 616 ก่อเตาเล็กก่อนปีใหม่
นางหวงก็ไม่เห็นด้วย “อากาศหนาวขนาดนี้ ตากลมอยู่บนหลังม้าตั้ง 2 ชั่วยาม ประเดี๋ยวก็ไม่สบายเอาหรอก…”
“ข้าใส่เสื้อกันหนาวกับกางเกงขายาวแล้วค่อยคลุมด้วยเสื้อคลุมเตียวผี (ขนมิงค์) หนา ๆ อีกตัว…นี่คือปีใหม่ปีแรกที่ข้าจะได้ฉลองกับฟู่หวางและท่านพ่อ ทั้งสองคนรักข้าถึงขนาดนี้ หากข้าไม่ทำอะไรให้พวกเขาบ้างก็จะรู้สึกไม่สบายใจเจ้าค่ะ หมู่เฟย ท่านแม่ ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะเอาอาหารในคืนส่งท้ายปีเก่าไปให้ท่านพ่อทั้งสอง…ของขวัญแม้จะด้อยค่าแต่เปี่ยมไปด้วยน้ำใจ ! ” หลินเว่ยเว่ยรีบแทะขากระต่ายในมือ
นางหวงรู้นิสัยบุตรสาว นางพูดมากกว่านั้นก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาจึงหันไปมองเจียงโม่หาน “หานเอ๋อร์ ช่วยพูดหน่อยเถิด…”
เจียงโม่หานก็รีบกินข้าวเช่นกัน “ท่านแม่ยายโปรดวางใจ บุตรเขยคนนี้จะคอยจับตาดูนางไว้ ไม่ให้นางทำสิ่งที่ไม่เข้าท่าแน่นอนขอรับ ! ”
นางหวงเข้าใจผิดว่าเขาจะห้ามหลินเว่ยเว่ย แต่คาดไม่ถึงว่าหลังจากทั้งสองสามีภรรยาเติมท้องจนอิ่มแล้วก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกันราวกับนัดหมายไว้อย่างไรอย่างนั้น…หลินเว่ยเว่ยเข้าครัวไปห่อกระต่ายย่าง ซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวาน หมูตุ๋นน้ำแดงและอาหารที่บิดาทั้งสองชอบลงกล่อง ส่วนเจียงโม่หานก็ให้คนไปเตรียมม้าและของที่จำเป็นเวลาออกเดินทาง
นางหวง “…” เมื่อก่อนหานเอ๋อร์เป็นคนเยือกเย็นและสุขุมถึงขนาดนั้น เขาโดนบุตรสาวครอบงำจนเสียคนแล้วกระมัง เหตุใดถึงเปลี่ยนเป็นคนไม่รู้จักคิดไปด้วย ?
หลินเว่ยเว่ยถือกล่องอาหารด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างถือกระบองเหล็กนิลประดับพู่แดง บนหลังยังมีธนูสุริยันอีกหนึ่ง จากสภาพของนางแล้วนางหวงไม่คิดว่านั่นเป็นสภาพของคนเอาอาหารไปให้เลยสักนิด เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าจะไปออกรบ ! นางหวงยกมือกุมหน้าอก รู้สึกแข้งขาอ่อนแรงเล็กน้อย หลินจื่อเหยียนเห็นแล้วจึงรีบเข้ามาประคองทันที
เจ้าหนูน้อยอิจฉาสุด ๆ “พี่รอง ข้าก็อยากไปส่งอาหารให้ท่านพ่อกับท่านอ๋องเหมือนกัน ! ”
หลินเว่ยเว่ยปักกระบองเหล็กนิลลงที่พื้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “รอให้เจ้ายกกระบองนี้ขึ้นมาได้เมื่อใดค่อยพูด ! ”
เจ้าหนูน้อย “…” ช่างเถิด กระบองเหล็กนิลแม้แต่ท่านพ่อยังยกขึ้นมาด้วยความยากลำบาก ดังนั้นเขาไม่ต้องคิดเลย เจ้าตัวน้อยครุ่นคิดว่าจะหาเวลาไปเรียนศิลปะการต่อสู้กับหลีชิง…เรียนแบบเอาจริงเอาจัง !
เจียงโม่หานเหลือบมองกระบองเหล็กนิลในมือหลินเว่ยเว่ย ก่อนจะพูดกับนางว่า “กระบองนั้นวางไว้เถิด ประเดี๋ยวม้าก็เหนื่อยหอบกันพอดี ! ”
จริงสิ กระบองเหล็กนิลอย่างน้อยก็หนักเกือบสองร้อยชั่ง พกไปด้วยจะทำให้ม้าวิ่งช้าลงแน่
หมินหวางเฟยเห็นว่าห้ามสองสามีภรรยาคู่นี้ไม่ได้แล้วจึงเลือกองครักษ์ฝีมือดีที่สุดในตำหนักหมินอ๋องมาสองคนแล้วให้ตามไปด้วย ตัวหลินเว่ยเว่ยไม่มีอะไรต้องกังวลเพราะมีพละกำลังมหาศาลตั้งแต่กำเนิด แถมยังเรียนวิชาต่อสู้มาอีก ดังนั้นองครักษ์สองคนนี้มีไว้เพื่อปกป้องนายอำเภอ เนื่องจากอำเภอหนิงซีเพิ่งหลุดพ้นจากความมืดมิดได้ไม่นาน นายอำเภอจะเป็นอะไรไม่ได้เด็ดขาด !
ต่อจากนั้นคนทั้งห้า…หลินเว่ยเว่ยสองสามีภรรยา องครักษ์สองคนและยังมีหลีชิงอีกคนก็รีบห้อตะบึงม้าเร็วไปยังกองทัพเพื่อให้ถึงก่อนเที่ยงคืน
หลินเว่ยเว่ยหยิบป้ายตำหนักหมินอ๋องออกมาแสดง ทางจึงสะดวกตลอดสาย กระทั่งถึงกระโจมที่พักของหมินอ๋อง ขณะที่ยังไม่ถึงกระโจมพวกนางก็ได้ยินหมินอ๋องกำลังระเบิดสุรเสียงอันเต็มไปด้วยโทสะ “ไอ้พวกหุยเหอขี้ขลาด จะรบก็รบ ชอบทำเป็นเล่นไล่จับแล้วก็วิ่งหนี ใครกันแน่ที่น่ารังเกียจ ? ”
ในกระโจม กุนซือและพวกแม่ทัพต่างมองหน้ากันไปมา…ตอนนี้หมินอ๋องเป็นเหมือนลูกระเบิดที่พร้อมระเบิดได้ทุกเมื่อ ทุกคนต่างรู้ดีว่าเหตุใดหมินอ๋องจึงเสนอตัวมาปกป้องชายแดนทางตะวันตกเฉียงเหนือ ลูกเมียอยู่ใกล้เพียงเอื้อม แต่ไม่อาจไปกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาได้ ด้วยนิสัยของหมินอ๋องหากไม่โมโหก็แปลกแล้ว ! เมื่อครู่ตอนอยู่ที่เขตชายแดนถ้าไม่ได้กุนซือและแม่ทัพหลินห้ามไว้ หมินอ๋องก็คงตามไปถึงแผ่นดินหุยเหอเลยทีเดียว !
“ทูลท่านแม่ทัพใหญ่ มีคนในครอบครัวนำอาหารคืนส่งท้ายปีเก่ามาให้พ่ะย่ะค่ะ ! ” ทหารองครักษ์ที่เฝ้าหน้ากระโจมได้ขวางพวกหลินเว่ยเว่ยไว้แล้วเข้ามารายงานก่อน ทันใดนั้นความเห็นอกเห็นใจของกุนซือและแม่ทัพนายอื่น ๆ ก็แปรเปลี่ยนเป็นความอิจฉาทันที…มีครอบครัวอยู่ใกล้ก็ดีแบบนี้
จากนั้นชนวนระเบิดอย่างหมินอ๋องก็ถูกดับลง ทรงมีรอยแย้มโอษฐ์เปื้อนดวงพักตร์ทันที “เร็ว ปล่อยให้พวกเขาเข้ามา ! ”
“ฟู่หวาง ท่านพ่อ อาหารส่งท้ายปีเก่ามาแล้วเพคะ ! ” ตัวคนยังไม่ทันเข้ามา เสียงของหลินเว่ยเว่ยก็มาก่อนแล้ว นางเพิ่งเดินเข้ามาก็เห็นคนมากมายในกระโจม นางจึงตกตะลึงแล้วพูดต่อด้วยรอยยิ้ม “ท่านลุงท่านอาทุกท่าน สวัสดีปีใหม่เจ้าค่ะ…ถ้าไม่รังเกียจก็มากินด้วยกันสิเจ้าคะ”
“พวกเขากินอิ่มหมดแล้ว ! ” หมินอ๋องดีพระทัยที่ได้เจอบุตรสาว โทสะจึงมลายหายไปทันทีและยังเอ็นดูนางมาก “เจ้านี่นะ อาหารเหล่านี้ให้คนส่งมาก็ได้แล้ว ที่นี่ทั้งหนาวและห่างไกล เหตุใดยังมาส่งด้วยตัวเองอีก ? ”
หลินเว่ยเว่ยวางกล่องอาหารไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็สั่งให้ทหารส่วนตัวของหมินอ๋องก่อไฟ หลังวางหม้อนึ่งลงไปแล้วก็เริ่มอุ่นอาหารให้ร้อนทีละจาน
กลิ่นหอมยั่วยวนดึงดูดกุนซือและแม่ทัพทั้งหลายให้หันมาสนใจ พวกเขาลอบกลืนน้ำลายพร้อมยื่นคอไปมองบนเตา…นี่มันอาหารอะไรกัน เหตุใดจึงหอมขนาดนี้ !
หมินอ๋องขมวดพระขนงและถลึงดวงเนตรใส่แม่ทัพเหล่านั้นทันที “ไม่รู้ว่าพวกหุยเหอจะมาโจมตีเมื่อใด พวกเจ้ายังไม่รีบกลับไปพักผ่อนที่กระโจมตัวเองอีก ? จริงสิ แม่ทัพอู๋ เจ้าไปเปลี่ยนเวรกับแม่ทัพหลิน ! ”
แม่ทัพทุกนายไม่อยากละสายตาออกจากเตาไฟ แม่ทัพอู๋ขุ่นเคืองทันที…ไม่ให้กินแล้วยังห้ามดมกลิ่นด้วยหรือ ? แถมยังให้เขาไปคอยเฝ้าระวังที่สนามรบอีก…
เมื่อเปิดม่านกระโจมเข้ามา แม่ทัพหลินก็ได้กลิ่นหอมเผ็ดร้อนทันที “ท่านอ๋อง เรียกกระหม่อมมามีอะไรจะบัญชาหรือพ่ะย่ะค่ะ ? ”
หมินอ๋องไม่อยากแบ่งบุตรสาวให้เขาแม้แต่น้อย จึงตรัสอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ไม่มีอะไรจะสั่ง เจ้าออกไปเถิด ! ”
“ท่านพ่อ มากินข้าวสิเจ้าคะ ! กระต่ายย่างนี้ เมื่อครู่ข้าอุ่นให้แล้ว ข้าย่างด้วยตัวเองเลยล่ะ ลองชิมสิเจ้าคะ” หลินเว่ยเว่ยหันไปเรียกแม่ทัพหลิน
แม่ทัพหลินตาโตทันที “เจ้ารอง เจ้ามาได้อย่างไร ? หานเอ๋อร์ เจ้าก็ทำตัวเหลวไหลไปกับนางด้วยหรือ ? ”
เจียงโม่หานนั่งอยู่ข้างเตา เขากำลังเอามือผิงไฟ “ท่านพ่อตาทั้งสอง พวกท่านก็รู้ว่าเวลาเว่ยเอ๋อร์ตัดสินใจจะทำอะไรแล้ว วัวแปดตัวก็ยังรั้งนางไว้ไม่ได้ แล้วข้าจะห้ามนางได้หรือ…” ดังนั้นจึงต้องถอยโดยการตามนางมาด้วย
หมินอ๋องทอดพระเนตรเจียงโม่หานด้วยสายพระเนตรซับซ้อน ‘บุตรสาวทำอะไรตามใจตัวเองเกินไป แม้พ่อคนนี้หวังให้บุตรเขยคุมนางบ้าง แต่ก็กลัวว่าจะคุมจนทำให้นางน้อยเนื้อต่ำใจ เฮ้อ ! สับสน ทำตัวไม่ถูก ! ’
“อาหารอุ่นเสร็จแล้ว รีบทานสิเจ้าคะ ! ” หลินเว่ยเว่ยยกอาหารออกจากหม้อนึ่ง “นี่เป็นซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวานที่ฟู่หวางโปรดที่สุด หมูตุ๋นน้ำแดงที่ท่านพ่อชอบแล้วยังมีหัวสิงโตน้ำแดง ไก่ผัดเผ็ด…หัวกระต่ายผัดหม่าล่าที่ลูกชอบที่สุด ลูกก็กินไม่ลงจึงเก็บมาให้พวกท่านหมดเลยเจ้าค่ะ ! ”
เจียงโม่หานมองนาง ‘ไม่ใช่ว่าเจ้ากลัวแทะเนื้อกระต่ายจนเลยเวลาแล้วจะพลาดเวลาเที่ยงคืนหรอกหรือ ? ’
พอหมินอ๋องได้ยินแบบนั้นก็ซาบซึ้งทันที พระองค์รีบยื่นตะเกียบให้บุตรสาว “มา เจ้าเองก็หนาวมาตลอดทาง รีบกินอะไรร้อน ๆ เพื่อให้ร่างกายอบอุ่นหน่อย”
หลินเว่ยเว่ยหยิบหัวกระต่ายขึ้นมา ก่อนจะหัวเราะเสียงดัง “กินเจ้านี่ไม่ต้องใช้ตะเกียบเพคะ ใช้มือ ใช้ฟันแทะถึงจะอร่อย ! ”
หมินอ๋องแย้มพระสรวลดังลั่นเช่นกัน “ไม่เลว ! สมกับที่เป็นสายเลือด…ตระกูลจ้าว ไม่ทำตัวมีจริตมากมาย ! แม้แต่ชอบกินอาหารเผ็ด ๆ ก็เหมือนพ่อ ! ”
แม่ทัพหลินหยิบขากระต่ายขึ้นมาแล้วฉีกกินอย่างดุดันพลางบ่นในใจว่า ‘ใครเป็นสายเลือดตระกูลจ้าวของพระองค์กันแน่ ? เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเป็นคนตระกูลหลินของพวกเรา ! ’